พ่อบรู๊ค-แม่กบ เผย 5 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกดีๆ อยากให้ลูกเปลี่ยน พ่อแม่ต้องปรับก่อน
ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่อบอุ่นและเลี้ยงได้ดีเอามากๆ สำหรับครอบครัวปุณณกันต์ ของพ่อบรู๊ค ดนุพร และ แม่กบ สุวนันท์ และไม่ว่าทั้งสองจะงานยุ่งมากแค่ไหน ก้ยังมีเวลาพาลูกไปทำกิจกรรมากมาย โดยเราจะเห็นว่า น้องณดามีความสามารถรอบด้าน ทั้งด้านการแสดงละคร เล่นดนตรี ร้องเพลง และด้านกีฬา ที่ก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่า น้อง ณดา ร่วมแข่งขันยิมนาสติกและสู้ขาดใจแม้ว่าจะพลัดตกจากเครื่องเล่น ต้องบอกเลยว่าคุณพ่อคุณแม่สอนน้องมาดีจริงๆ
และล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 61 ในงาน “1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน ปี 2” ของโครงการรวมพลังเพื่อเด็กสุขภาพดี (United for Healthier Kids) ซึ่งจัดโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เพื่อปลูกฝังรากฐานพฤติกรรมและโภชนาการที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดีของเยาวชนอายุ 3-5 ปี พ่อบรู๊คได้มาร่วมฟังข้อมูลที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมและจิตวิทยาเด็ก ที่ให้คำแนะนำเคล็ดลับการมีส่วนร่วม และสื่อสารเชิงบวกกับลูกๆ ที่จะช่วยเสริมสัมพันธภาพอันดีภายในครอบครัว โดนพ่อบรู๊คได้บอกเคล็ดลับดีในการเลี้ยงลูกไว้ดังนี้
1 อยากให้ลูกเปลี่ยน พ่อแม่ต้องปรับก่อน
“พ่อแม่ทุกคนต่างก็อยากให้ลูกเชื่อฟังและทำตามที่เราบอก ผมกับคุณกบเองก็ได้ลองผิดลองถูกมามาก แต่หลังจากที่ได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมเด็ก ทำให้เรารู้ว่าการสื่อสารให้ลูกเข้าใจและร่วมมือกับเราไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้เวลาและต้องมีเทคนิคทางจิตวิทยาเชิงบวกเข้าช่วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อยากให้ลูกเปลี่ยน พ่อแม่ต้องปรับก่อน”
2 อยากให้ลูกเป็นอย่างไร พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเห็นก่อน
คุณบรู๊คเล่าว่า “ผมและคุณกบต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกๆ เห็น เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่ชอบเลียนแบบ ดังนั้น แบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่จึงสำคัญมาก อยากให้ลูกเป็นอย่างไร พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเห็นก่อน เช่น ไม่อยากให้ลูกติดหน้าจอ พวกเราก็จะไม่จับหน้าจอให้ลูกเห็น และพยายามหากิจกรรมให้ลูกๆ ทำตลอด เช่น เล่นดนตรี ออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้พวกเขาหมกมุ่นกับเกมบนมือถือหรือดูทีวีมากเกินไป”
3 วิธีแก้นิสัยชอบใช้อารมณ์กับลูก
หลายๆ ครั้ง ที่พ่อแม่อยากปรับพฤติกรรมลูก แต่ไม่สำเร็จ และกลับกลายเป็นการสร้างความรู้สึกต่อต้านให้กับเด็กๆ แทน คุณบรู๊คมีทริคเล็กๆ แนะนำว่า “พ่อแม่หลายๆ ท่านอาจรู้สึกเหนื่อยกับงานมา จึงเผลอใช้อารมณ์กับลูกไปบ้าง อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่ดี กลายเป็นไม่อยากทำตามที่เราพูด ผมได้รับคำแนะนำมาว่าให้มองหาจุดดีในตัวลูก แล้วเราก็จะได้กำลังใจกลับมา ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ผมรู้สึกโมโหลูกสาว ก็จะนึกถึงตอนที่ณดาดูแลเอาใจใส่น้อง ยอมยกของเล่นให้น้อง หรือเวลาที่ณดลดื้อ ก็จะนึกถึงตอนที่เขาเข้ามาอ้อน นอนตัก ยิ้มหวานให้ มันทำให้เราใจเย็นลง ฉุกคิดมากขึ้น และอุณหภูมิภายในบ้านก็จะเย็นลงอีกครั้ง”
4 พ่อแม่ต้องชมลูกอย่างจริงใจ
ถ้าลูกๆ เปลี่ยนมาแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม ต้องอย่าลืมชม ซึ่งคุณบรู๊คให้เทคนิคที่ได้เรียนรู้มาจากนักจิตวิทยาเด็กและคอนเฟิร์มแล้วว่าได้ผลจริงๆ “ในการสื่อสารกับลูกให้ได้ผลดี แม้แต่วีธีการชมก็ต้องมีเทคนิค พ่อแม่ต้องชมลูกอย่างจริงใจ โดยใช้ภาษาท่าทางประกอบ เช่น สบตา หอมแก้ม กอด ควรชมทันทีที่เห็นว่าเค้าทำดี และชมในสิ่งที่เค้าลงมือทำ (มากกว่าชมที่ผลลัพธ์ที่ออกมา) ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนณดาจะติดทีวี ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำ แต่ถ้าวันไหนเราบอกแล้วเขาลุกไปอาบน้ำเองโดยไม่อิดออด ผมก็จะชมเค้าทันทีว่า ‘ณดาเก่งจังเลย พอถึงเวลาก็ลุกไปอาบน้ำโดยที่พ่อไม่ต้องบอกเลย พ่อชื่นใจจัง’ เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างกำลังใจให้ลูกมีแรงจูงใจปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว”
5 ตักเตือนอย่างมีเหตุผล เมื่อลูกทำผิด
นอกจากการชมแล้ว เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จะต้องมีการตักเตือนเมื่อทำผิด ซึ่งพ่อบรู๊คทิ้งท้ายด้วยเทคนิคการตักเตือนลูกจากนักจิตวิทยาเด็กไว้ว่า “เมื่อลูกทำผิด ผมจะพยายามจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน และจะบอกลูกตรงๆ ว่า ทำอย่างนี้ไม่ดีนะและให้เหตุผล ผมจะไม่ใช้อารมณ์ในการตักเตือนเขา ไม่ประชด ไม่เปรียบเทียบ เพราะจะยิ่งทำให้ลูกต่อต้านมากขึ้น”
ด้วยการสื่อสารและเลี้ยงลูกเชิงบวกเช่นนี้นี่เอง ใครๆ จึงต่างหลงรักความน่ารักสดใสของพี่สาวและน้องชายแห่งบ้านปุณณกันต์ มาร่วมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการรวมพลังเพื่อเด็กสุขภาพดี (United for Healthier Kids) ร่วมกับครอบครัวปุณณกันต์ได้ที่แฟนเพจ United for Healthier Kids TH
แหล่งที่มา: deemagna