Dawn of the Night (รุ่งอรุณแห่งรัตติกาล) บทที่ 2 ความมืด
ในขณะที่ผมเดินทางกลับบ้าน ผมกลับนึกถึงผู้หญิงที่มีนัยน์ตาสีแดงหนึ่งข้าง ใบหน้าเย็นชาราวกับว่าการฆ่าคนที่ถูกกลืนกินนั้นเป็นเรื่องง่าย ยิ่งตอนนี้ที่ยัยนั้นบอกว่าเธอเป็นนักล่าปีศาจมันทำให้ผมตกใจนิดหน่อยถ้าเทียบกันแล้ว การล่าปีศาจของยัยนั้นเทียบเท่ากับท่านปู่ของผมตอนนี้ พลังแบบนั้นเป็นพลังที่ตัวเราเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ไม่ทันแล้วสิ่งที่ทำผมแทบช๊อกมากกว่ารู้ว่ายัยนั้นเป็นนักล่าปีศาจคือ ยัยนั้นอยู่ที่บ้านของผม และกำลังคุยกับคุณปู่ของผม
“ธะ ธะ เธอมาอยู่ที่นี้ได้ไง”
“นายคิดว่าบ้านนายแค่นี้ฉันจะหาไม่เจอรึไง และอีกอย่างฉันรู้ข้อมูลของนายหมดแล้ว เป็นนักล่าปีศาจฝึกหัดสินะนาย แล้วอีกอย่างนายก็ไม่ใช้อาจารย์สอนศิลปะ แค่สอนแทนคุณปู่นายที่วันนี้ดันป่วย” ยัยนั้นพูดจบผมหันไปมองคุณปู่ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรไม่รู้
ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ยัยนั้นก็พูดขึ้นอย่างทันควัน
“ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะอยู่ที่นี้ เพราะฉันกับนายเราได้ทำพันธสัญากันแล้ว แล้วอีกอย่างฉันต้องปกป้องนาย เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าพันธสัญญานั่นนายจะยกเลิกมัน”
“งั้นก็ยกเลิกวันนี้เลยสิฉันไม่ต้องการให้เธอมาปกป้อง อีกอย่างฉันปกป้องตัวเองได้”
“นายแน่ใจรึไง ที่พูดออกมา แล้ววันนั้นที่นายกำลังถูกกลืนกินหละนายจะว่ายังไง”
“ยังไง ก็ช่างฉันไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่อยากให้โอกิมาปกป้องฉัน” ผมพูดจบแววตาของยัยนั้นเปลี่ยนไปจากที่เย็นชา สงบเยือกเย็น ตอนนี้แปลเปลี่ยนเป็นสั่นไหวราวกับเหมือนผมพูดอะไรผิดไป
ผมมองหน้าที่นิ่งสงบของโอกิ แต่ทันใดนั้นเสียงทุ่มๆ แหบของคุณปู่ก็ดังขึ้น
“เรียว!!! เจ้าอย่ามองข้ามความชั่วร้ายของโลกนี้หากเจ้าไม่แข็งแกร่งขึ้นปู่จะไม่ยอมให้หลานไล่โอกิไปไหน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้โอกิปกป้อง ก็แกร่งขึ้นซะ”
“แต่ ท่านปู่....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ยัยนั้นก็ลุกขึ้นและหันมองทุกคนก่อนกระโดดข้ามรั่วกำแพงบ้านผมนับ 5 เมตรปู่หันมามองหน้าผมก่อนเอยด้วยรอยยิ้ม
“ตามโอกิไปซิ!!! เรียว เจ้าอยากเก่งไม่ใช้รึ ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้โอกิปกป้อง เจ้าจงปกป้องโอกิซะ" ผมยังคงทำหน้างง กับสิ่งที่ปู่พูดแต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี ผมกระโดดข้ามกำแพงตามยัยนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือยัยนั้นกำลังต่อสู้กับผู้คนที่ถูกกลืนกินวิญญาณ แต่ทว่ายัยนั้นกลับใช้ดาบ โดยไม่คำนึกว่าผู้คนที่ถูกสิงสู่และกำลังถูกกลืนกินนั้นสามารถช่วยเหลือได้รึเปล่า ผมทนไม่ได้ที่เห็นโอกิฆ่าคนแบบไม่เลือกหน้า ในเมื่อตอนนี้เราทำพันธสัญญาแล้วถือว่าคำสั่งของฉันย่อมศักดิ์สิทธิ
“หยุดเดียวนี้นะ โอกิ!!!” ฉันลดดาบที่โชกไปด้วยเลือดลง ในขณะที่พวกปีศาจสวะนั้นกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“นายกำลังทำบ้าอะไร นี้มันเป็นงานของฉัน ต่อให้นายเป็นนายของฉัน ก็ฆ่าได้ถ้ามาขัดขวางการฆ่าปีศาจของฉัน” แววตาของยัยนั้นข้างนึ่งกลายเป็นสีแดงทำให้ผมตกใจ แต่ผมสลัดเรื่องนั้นออกจากหัวและมองแววตาคู่นั้นของโอกิอีกครั้ง
“เธอนั้นแหละทำบ้าอะไร พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์นะ เราต้องมีวิธีช่วยเขาได้ อย่างที่เธอเคยช่วยฉัน”
“ในกรณีของนาย นายยังไม่ถูกกลืนกินจิตใจและวิญญาณนั้นหมายความว่า ฉันยังสามารถขับไล่ปีศาจได้ แต่ในกรณีของมนุษย์อ่อนแอพวกนี้ ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์” ผมมองยัยนั้นที่ตอนนี้ทั้งตัวมีแต่เลือดแถมพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งหลัก คมดาบของโอกิก็อยู่ที่คอผมแล้ว
“เรียว!! นายรู้อะไรไหมสิ่งที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์คืออะไร จิตใจไงหละ จิตใจที่เต็มไปด้วยความโสมม ความต้องการ จึงทำให้จิตใจพวกนั้นถูกครอบงำอย่างง่ายดาย ถ้านายยังอยากเป็นนักล่าปีศาจ จงแยกระหว่างสิ่งที่พอช่วยได้กับช่วยไม่ได้ออกซะ เพราะถ้านายเลือกทั้งสองอย่าง นายเองก็จะไม่เหลืออะไรเลย จำไว้”
ผมมองแววตาที่เย็นชาคู่นั้น มันทำให้หัวใจของผมกระตุกหนึ่งครั้งก่อนที่โอกิจะหันกลับไปและใช้ดาบนั้นอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ผมสังเกตเห็นใบหน้าของโอกิตอนต่อสู้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น มันทำให้ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่พยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้..............
การต่อสู้สิ้นสุดลง ซึ้งผมเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรโอกิเลย จะว่าไปผมนี้มันไร้ประโยชน์จริงๆ
“เรียว !!! นายเป็นอะไรของนาย เห็นเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้”
“ปะ ปะ ป่าว”
“ก็ดีแล้ว ฉันไม่ชอบเห็นนายของฉันเศร้า และอีกอย่านายไม่ได้ไร้ประโยชน์เพียงแค่นายยังสับสนกับสิ่งที่เจอ”
โอกิทำเอาผมตกตะลึงยัยนี้รู้ได้ไงว่าผมคิดแบบนี้ แต่ทันใดนั้นเองผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะตอนนี้เวลาแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาเยือนอีกครั้ง โอกิยืนมองพระอาทิตย์ยามเช้าด้วยสายที่คาดหวังอะไรสักอย่าง สายลมที่พัดเอาเส้นผมสีแดงพริ้วไปตามลม ดวงตากลมโตที่มองยังไงก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป
“นี้เรียว ที่นายเคยบอกว่า ฉันจะเป็นของนายคนเดียวนะจริงรึเปล่า”” ฮะ ยัยนั้นจำเรื่องนั้นได้ด้วยรึเนี้ยผมคิดในใจ
“เปล่า สงสัยวันนั้นฉันคงละเมอ” ผมตอบปัดๆ ยัยนั้นมองผมด้วยสายตาที่เย็นชาอีกครั้ง
“ดีแล้ว เพราะคนเป็นนายกับทาสรับใช้ไม่สามารถ มีอะไรกันได้ เพราะฉะนั้นหวังว่านายคงจะไม่ลืมกฎพวกนี้” ฉันหันหลังเดิน โดยที่ไม่หันกลับไปมองหน้าเรียวอีกเลย ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่า “นี้เขาแค่ละเมอหรอกเหรอ”