แชร์สนั่น!! เชฟระดับมิชลินสตาร์ มาเปิดร้านอาหารที่ไทย ราคาชาวบ้าน ลูกค้าแน่นพรึ่บ!!
เมื่อวันที่ 1/3/2561 ทางโลกออนไลน์ได้แชร์กันอย่างมากมาย จากโพสต์ เฟซบุ้ค สถานีข่าวเอทีวี ซึ่งได้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 1/7/2560 เป็นเรื่องราวของชีวิตนาย นายวรวิทย์ สุมานาท อายุ 57 ปี หรือ เชฟวิทย์ เป็นเชฟร้านอาหารดดังระดับมิชลินสตาร์ที่ต่างประเทศ แต่มาเปิดร้านอาหารที่ไทย ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามรายละเอียดด้านล่าง
กุ๊กไทยระดับมิชเชอร์ลีนเปิดร้านเล็กๆในสวน แถมยังเป็นจิตอาสาช่วยนักท่องเที่ยว
เผยชีวิตกุ๊กไทยเคยเป็นพ่อครัวระดับมิชเชอลีนในต่างประเทศนานกว่า 35 ปี กลับมาอยู่เมืองไทยยึดคำพ่อเศรษฐกิจพอเพียง ขายอาหารตามสั่งกลางสวนสาธารณะกรุงเก่า ยามว่ายังเป็นไกด์จิตอาสาช่วยคนเดินทาง
ผู้สื่อข่าวพบว่าบริเวณสวนสาธารณะบึงพระราม เขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ในส่วนที่จัดให้เป็นโซนของการจำหน่ายต้นไม้ มีร้านค้าเล็กๆปลูกเป็นเพิง ขายอาหารตามสั่ง โดยมีประชาชนแวะเวียนมารับประทานไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่จะโทรศัพท์สั่ง ซึ่งพบว่าวัตถุดิบที่ใช้เหมือนกับอาหารระดับภัตตาคารหรือโรงแรม จนกลายเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นร้านเหลาในสวน
นายวรวิทย์ สุมานาท อายุ 57 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร แต่ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานานกว่า 30 ปีจนกลายเป็นคนถือสองสัญชาติคือไทย และเนเธอร์แลนด์ และด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนกลายเป็นเชฟหรือพ่อครัวที่มีชื่อเสียง เคยเป็นหัวหน้าพ่อครัวในโรงแรมดังๆในกรุงเทพฯหลายแห่ง จนได้รับใบประกาศจากมิชเชอร์ลีนสตาร์ สถาบันที่เกี่ยวกับมาตรฐานของพ่อครัว และอีกหลายสถาบัน แต่ด้วยความที่เบื่อหน่ายกับการเป็นลูกจ้าง จึงขอครอบครัวมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ทันทีที่กลับมาก็ขี่จักรยานตระเวนหาสถานที่เปิดร้านริมถนน เพื่อทำอาหารให้คนไทยและชาวต่างชาติที่มารับประทานอาหารได้ทานกัน ในราคาชาวบ้าน
นายวรวิทย์ เปิดเผยว่าตนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ลูกสองคนกลับมาอยู่เมืองไทยไปอยู่กับญาติที่นครราชสีมา ตนเองใช้ชีวิตตามลำพังที่อยุธยา โดยเช้าจะขี่จักรยานไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดับจากการปรุงอาหาร จากนั้นก็จะไปเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ตั้งแต่ 9.00 น.ไปถึง 15.00 น. จากนั้นก็จะตระเวนไปตามสถานที่ท่องเที่ยวคอยแนะนำให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ จนค่ำก็จะไปช่วยเจ้าหน้าที่และตำรวจรถไฟที่สถานีรถไฟอยุธยา เพื่อคอยแนะนำหรือเป็นประชาสัมพันธ์จิตอาสาคอยแนะนำนักท่องเที่ยวที่มาติดต่อถามทาง ส่วนที่นอนก็จะอาศัยนอนตามโบกี้รถไฟที่จอดตามสถานีรถไฟ หรือที่สถานีรถไฟ แล้วพอตื่นก็ไปขายของต่อ เก็บเงินเอาไว้เพื่อที่จะกลับไปใช้ชิวิตสุดท้ายที่ เนเธอแลนด์กับครอบครัวเนื่องจากพ่อแม่อยู่ที่เนเธอแลนด์ทั้งหมด ซึ่งหลายคนที่อยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะเห็นตนแต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดสีชาวกางเกงยีนส์แค่นั้น ซึ่งตนยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอกินเท่านั้น