อัจฉริยะบุรุษแห่งการเดินเรือ ผู้ไม่เคยเดินเรือจริงๆสักครั้ง !!!
หลายๆคนอาจเคยคุ้นชื่อ วัสโก ดากามา (Vasco da Gama) นักสำรวจทางทะเล คนสำคัญชาวโปรตุเกส เดินทางไปขึ้นบกที่ชายฝั่งมาลาบาร์ ในประเทศอินเดีย ได้สำเร็จอย่างงดงาม นับเป็นการเปิดเส้นทางติดต่อค้าขายเส้นใหม่ ระหว่างยุโรปกับเอเชีย ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.1498
ความสำเร็จของ ดา กามา ทำให้นึกถึงใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ของนักสำรวจทางทะเลชาวโปรตุกีสทุกคน และได้รับการเฉลิมพระนามว่า เป็นบิดาแห่งการเดินเรือโดยแท้จริง ทั้งๆที่คนๆนั้นไม่เคยลงเรือแล่นออกไปสำรวจทางทะเลเลยแม้แต่คืบเดียว!
พระนาม เจ้าชายเฮนรี่ เดอะ เนวิเกเตอร์ (Prince Henry the Navigator) หรือ เฮนรี่บิดาแห่งการเดินเรือ พระองค์นั้นแสนปราดเปรื่องในเรื่องการเดินเรือทะเล โดยที่ไม่เคยออกจากวังที่ประทับ ลงเรือออกทะเลเลยสักครั้งอย่างที่ได้กล่าว เกริ่นมาแล้ว
เจ้าชายเฮนรี่ ประสูติเมื่อปี ค.ศ.1394 ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าจอห์นที่ ๑ กับพระราชินีฟิลิปปาแห่งโปรตุเกส ในวัยเยาว์ชันษาอยู่นั้น ไม่มีเค้าว่าจะทรงเป็นนักการเดินเรือที่ชำนาญเยี่ยมยอดเลย

หากมีแววทางทหารมากกว่า ทรงตามเชษฐาไปรบกับพวกมัวร์จนได้ชัยชนะ ทรงเป็น นักชาตินิยมที่มีเลือดรักชาติอย่างแรงกล้า
แต่ยังไงๆก็หมดหวังที่จะได้ขึ้นครองราชย์ เพราะพระเชษฐาทั้งสามองค์ขวางอยู่ ดังนั้น แม้จะมีวัยเพียงยี่สิบเศษๆ เจ้าชายเฮนรี่ ก็ผละจากเมืองหลวงอันรุ่งเรือง เสด็จไปประทับอยู่ที่เมืองซาเกรส อันเป็นเมืองขนาดกระจ้อยร่อย อยู่บนหน้าผาเหนือฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของโปรตุเกสแทน
และ ณ ที่นี้เอง ซึ่งเจ้าชายเฮนรี่ใช้เป็นสถานที่ฝึกฝนนักเดินเรือขึ้นเป็นครั้งแรก..
สาเหตุที่ทรงเริ่มฝึกฝนนักเดินเรือนั้น ก็เนื่องจากทรงมีพระประสงค์ที่จะแล่นเรือไปสู่ดินแดนใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จักเพื่อค้นพบสิ่งแปลกใหม่ให้กับชีวิต แต่จะเป็นด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ เจ้าชายเฮนรี่ มิได้เคยเสด็จออกนอกเมืองซาเกรสเลยสักครั้งเดียว
ทรงสอนวิธีการเดินเรือ อันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และสมรรถภาพอยู่แต่บนบกเท่านั้น แต่ก็ทรงได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ และนักสำรวจว่าทรงเป็นนักสำรวจยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค
ผู้ทำให้ประเทศชาติได้รับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ จากผลการสำรวจของพระองค์ และชาวโลกก็รู้จักและถวายพระนามว่า
“เจ้าชายเฮนรี่นักเดินเรือเอก”

สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้ และคงจะรู้จักกันต่อไปอีกนานในอนาคต ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 นักเดินเรือ และคนทั่วไปต่างก็คิดตรงกันว่า ทวีปแอฟริกานั้นเป็นแผ่นดินใหญ่ผืนเดียวกันกับเอเชีย
มีเพียง เจ้าชายเฮนรี่ พระองค์เดียวเท่านั้น ทรงเชื่อว่าแอฟริกาและ เอเชียเป็นคนละทวีปแยกห่างจากกัน และถ้าได้ลงเรือแล่นอ้อมปลายสุดของทวีปแอฟริกา ก็จะแล่นออกสู่ทะเลเปิด ตรงไปสู่ทวีปเอเชียได้โดยไม่ยากเย็น
พระองค์จึงมีพระประสงค์แรงกล้า ที่จะหาทางอ้อมทวีปแอฟริกา ไปสู่เอเชียให้จงได้ เพราะขณะนั้นเส้นทางจากยุโรปมาเอเชีย โดยผ่านดินแดนตะวันออกกลาง นั้นถูกพวกอาหรับปิดกั้นเสียหมด

หากต้องการทำการค้าขายโดยปลอดภัย ไม่ต้องรบกับพวกอาหรับแล้วไซร้ ก็จำต้องหาเส้นทางเดินเรือเส้นใหม่ให้จงได้
เจ้าชายเฮนรี่จึงทรงตั้ง “โรงเรียน” ฝึกนักเดินเรือขึ้นอย่างทันสมัยที่สุดสำหรับยุคศตวรรษที่ 15 มีการสอนหลักสูตรการเดินเรือแก่นักเดินเรือ
หลักสูตรการต่อเรือแบบใหม่ ซึ่งประยุกต์เอามาจากแบบของชาวอาหรับด้วย หลักสูตรปลีกย่อยที่จำเป็นสำหรับนักเดินเรือเช่น..
การทำแผนที่เดินเรือ การอ่านเข็มทิศ และการใช้เครื่องมือคำนวณระยะทางเป็นต้น นักเดินเรือที่ได้รับการศึกษาจากสำนักของ เจ้าชายเฮนรี่ กลายเป็นนักเดินเรือชั้นเยี่ยมทุกคน
แต่ผลงานที่เป็นความสำเร็จใหญ่หลวง และนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาล แก่กองเรือสินค้าโปรตุเกสก็คือ การดัดแปลงแบบของเรือ ตลอดจนใบเรือเสียใหม่ เรียกว่าแบบคาร์เวล (Carvel)
ซึ่งสามารถแล่นไปได้ในห้วงมหาสมุทรอย่างคล่องแคล่ว และปลอดภัยกว่าเดิมหลายเท่า

แล้วเจ้าชายก็ทรงบัญชา การเดินเรือไปสู่ทวีปเอเชียขึ้นในปี 1430 ทรงตระเตรียมการเดินทางทุกอย่างไว้โดยรอบคอบ แล้วก็ทรงมอบหมาย ให้นักเดินเรือมือเยี่ยมที่ทรงฝึกปรือมาออกเดินทางสำรวจทีละคน
แต่ละคนล้วนเดินทางไปพบกับดินแดนใหม่ๆ ซึ่งยังไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลยทั้งนั้น เมื่อพวกนี้นำข้อมูลรายละเอียดมาทูลเจ้าชาย พระองค์ก็ทรงจดไว้ และจัดทำแผนที่ขึ้นใหม่ตามคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์
การออกสำรวจเส้นทางใหม่ยิ่งเพิ่มมากเท่าใด ความรอบรู้ของ เจ้าชายเฮนรี่ ก็เพิ่มขึ้นทุกที ในที่สุด ในปี 1432 ลูกศิษย์ของพระองค์ก็ค้นพบ หมู่เกาะอาซอเรส ในปี 1434 กิลล์ เอียนนิส ค้นพบ และเดินทางอ้อม แหลมโบจาดอร์ ได้สำเร็จ
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีนักเดินเรือคนไหนกล้าอ้อมปลายทวีปแอฟริกา ตัดทางเข้าสู่เอเชียได้สักคน ถ้าไม่เป็นเพราะพวกลูกเรือเกิดความกลัว จนไม่มีใครยอมเดินทางต่อไป ก็ตัวกัปตันแหละ ที่กลัวตายขึ้นมาเสียเอง
แต่ เจ้าชายเฮนรี่ ก็ไม่ทรงละความพยายาม ทรงส่งนักเดินเรือที่ฝึกปรือฝีมือดีแล้วออกสำรวจทุกปี โดยรับสั่งว่าให้ไปไกลที่สุดเท่าที่กล้าไป ผลของการสำรวจโดยนักเดินเรือเหล่านี้ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้นมากมาย จนสามารถแก้ไขแผนที่เส้นทางให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นทุกที
แม้ว่านักเดินเรือของเจ้าชายจะนำข่าวดี มาสู่พระองค์ตลอดเวลาว่า .. ได้พบดินแดนใหม่ในทะเลด้านที่ไม่เคยมีใครเคยไปถึงมาก่อนก็ตาม แต่พระองค์ก็ยังไม่ได้รับข่าวว่า นักเดินเรือคนไหนเดินทางไปสู่ทวีปเอเชียได้สำเร็จเลยสักราย
แม้กระทั่งสิ้นพระชนม์ลงในปีค.ศ.1460 ก็ยังไม่ได้รับข่าวดีที่ทรงพยายามมาตลอดพระชนม์ชีพนั้นเลย
ทว่าในปีเดียวกับที่สิ้นพระชนม์นั่นเอง ชีวิตใหม่ก็อุบัติขึ้นชีวิตหนึ่ง เสมือนเป็นตัวแทนแห่งเจ้าชายเฮนรี่เพื่อนำความสำเร็จมาสู่มาตุภูมิ นั่นคือ วัสโก ดา กามา ถือกำเนิดขึ้นมาในปีนี้เอง
และเขาก็เดินทางไปจน ถึงเมืองท่าในอินเดียได้สำเร็จเมื่อ 20 พฤษภาคม 1498 นับเป็นนักสำรวจคนที่สองรองจาก บาร์โธโล มิว ไดแอส ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเจ้าชายเฮนรี่ ซึ่งเดินทางอ้อมแหลมแอฟริกาได้สำเร็จเป็นคนแรก แต่ไม่กล้าไปถึงอินเดีย
แน่นอนครับ ที่ความสำเร็จและชื่อเสียงเกียรติยศตกเป็นของนักสำรวจผู้พิชิตดินแดนใหม่ ซึ่งทำให้โปรตุเกสได้เข้ายึดครองเป็นอาณานิคมตามวิสัยนักล่าเมืองขึ้น ซึ่งแม้กระทั่งปัจจุบัน ดินแดนในอาณานิคมของโปรตุเกสบางแห่ง ก็ได้มาแต่การสำรวจ ของนักสำรวจในสมัย วัสโก ดา กามาทั้งนั้น
แต่ไม่มีใครลืมเลยว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ บาร์โธโลมิว ไดแอส ก็ดี หรือ วัสโก ดา กามาก็ดี ตลอดจน เปโดร อัลวาเรส กาบราล ก็ล้วนแต่อาศัยการฝึกฝนสั่งสอนด้วยกรรมวิธีอันทันสมัยที่สุดแห่งยุคจากสำนักของเจ้าชายเฮนรี่ทั้งสิ้น
พระองค์จึงได้รับการเฉลิมพระนามว่าเป็น “บิดาแห่งการเดินเรือ” อย่างแท้จริง การเดินเรือของพระองค์ได้อาศัยสายตาของนักสำรวจคนอื่น และอาศัยการคำนวณบนแผ่นกระดาษอยู่ภายในวัง
โดยมิเคยเสด็จลงเรือออกสู่ท้องทะเลเลยสักครั้ง ดังนั้น ความสามารถพิเศษ ที่ทำให้ลูกศิษย์เดินเรือประสบความสำเร็จคนแล้ว คนเล่า นั้นน่าที่จะทำให้เจ้าชายเฮนรี่ ได้รับพระนามอีกอย่างว่า “อัจฉริยะบุรุษแห่งการเดินเรือขนานแท้ และดั้งเดิม”
Cr. Mr. Nussbaum
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
แม่ดีใจที่ลูกชายเป็นหนี้มหาศาล
เห็นแบบนี้แล้ว คุณยังกล้าใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าต่อหรือไม่?
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
ดาราดัง "บริจิตต์ บาร์โดต์" เสียชีวิตแล้ว
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
เคล็ดไม่ลับ นึ่งข้าวให้เหนียวนุ่ม
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ความแตกต่างของ มัทฉะ (Matcha) และ ชาเขียว (Green Tea)
ไข่ดาวน้ำเพื่อสุขภาพ
6 เมนูต้อนรับสงกรานต์ เริ่ดไม่ซ้ำบ้านอื่น!


