หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

20 หนังดีที่ 30 สุดยอดบล็อกเกอร์ของไทยแนะนำ

โพสท์โดย ลูกสาวอบต
20
Moulin Rouge! โดย Movies Stalker
เมื่อ Christian (Ewan McGregor) นักเขียนหนุ่มไฟแรงที่เชื่อมั่นในความรัก เดินทางมาเสนองานเขียนให้กับไนท์คลับมูแลง รูจ ที่สุดแสนจะอลังการของปารีส และที่นั่นนั่นเองทำให้เขาได้เจอกับ Satine (Nicole Kidman) โสเภณีที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเมือง หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้ตกหลุมรักกันอย่างโงหัวไม่ขึ้นแต่ทว่าอุปสรรคต่างๆ ก็ถาโถมมาเกินกว่าทั้งคู่จะรับมือไหวเช่นกัน

Moulin Rouge! เป็นหนังเพลง Drama Musical Romance ซึ่งนำบทเพลงต่างๆ ที่ได้รับความนิยมกว่า 28 เพลง มาปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆและฉากร้องเพลงราวกับโรงละครที่หรูหรา จนแทบจินตนาการไม่ถึง โดยเพลงที่ต้องชูให้หนังเรื่องนี้เลยคือเพลง "Your Song" ของ Elton John เพราะเพลงนี้ทำให้ Moulin Rouge!โรแมนติกมากขึ้นจนหลายๆคนต้องเสียน้ำตา และยังเป็นฉากที่ Christian ร้องเพลงให้กับ Satine ทำให้ไม่คิดเลยว่า Ewan McGregor เสียงจะทรงพลัง และsexy มากได้ขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ Moulin Rouge! จึงเป็นหนังเพลงอันดับต้นๆเลยที่ไม่ควรจะพลาด
19
Drive โดย Filmzlap
ผลงานที่ควรค่าแก่การรับชมโดยนักแสดงหนุ่ม ไรอัน กอสลิ่ง ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มสตันท์แมนในกองถ่ายที่รับจ็อบลับๆยามราตีเป็นโชเฟอร์รับจ้างให้กับอาชญากรทั่วราชอาณาจักร กระทั่งเหตุการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ในวังวนชีวิตของหญิงสาวเพื่อนบ้าน และต้องช่วยเธอและครอบครัวได้รอดปลอดภัยจากอำนาจมืดที่สุดแสนจะอันตราย

หนังมาพร้อมเนื้อหาที่ขับเคลื่อนได้อย่างน่าติดตาม เพราะอัดแน่นไปด้วยปมประเด็นที่แข็งแกร่งระหว่างตัวละคร พร้อมด้วยฉากที่ใส่เข้ามาเพื่อเซอร์วิสคอหนังประเภทเน้นรับแรงกระแทกเป็นหลัก คุณจะได้เห็นซีนขายความมันส์ แบบดุดิบเดือดที่เน้นความบันเทิงในระดับที่ทำให้หัวใจเต้นรัวแรงไปตามจังหวะขับเคลื่อนของยานพาหนะ รวมไปถึงการปูเรื่องให้ยากเกินคาดเดาตามสไตล์ผู้กำกับ นิโคลัส วินดิ้ง เรฟิ่น ที่หันมาทำหนังแนวนี้ได้อย่างมีจังหวะจะโคนที่น่าประทับใจ พร้อมนำเสนอแง่มุมของหนังแอ็คชั่นด้วยคอนเซ็ปต์ฉลาดๆ ที่ทำให้ผู้ชมสามารถสนุกคิดไปกับเรื่องราวที่อยู่ภายใต้ที่ทรงพลังและ Stunning ทุกวินาที
18
Persepolis โดย หนังโปรดของข้าพเจ้า
ปกติเราจะได้เห็นหนังดราม่าเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม สงครามโลกครั้งที่ 1-2 หรือสงครามในตะวันออกกลางแต่เป็นมุมมองตะวันตกกันมาเยอะแล้ว เราเคยคิดหรือไม่ว่าแล้วมุมมองคนในตะวันออกกลางเขามองยังไง โดยเฉพาะสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศที่มีสงครามทั้งภายในและภายนอกอย่างอิหร่านเขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรกันบ้าง Persepolis คือหนังอัตชีวประวัติของผู้กำกับเอง โดยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอต้องพบเจอตั้งแต่ยังเด็กอาศัยในอิหร่าน เจอสงครามปฏิวัติล้มล้างการปกครองภายในประเทศ (ปีเดียวกับเหตุการณ์ในหนังเรื่อง Argo) ความน่าสนใจของ Persepolis อยู่ที่การเล่าเรื่องในมุมของผู้กำกับอย่างเรียบง่ายแต่สะท้อนถึงปัญหาต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตั้งแต่ปัญหาการเมืองรอบตัว และผลกระทบจากการจำกัดสิทธิสตรีที่เธอต้องประสบในภายหลัง อนิเมชั่นการเมืองเรื่องเยี่ยมที่คุณไม่ควรพลาด
17
Cast Away โดย เบิกโรงซินีม่า
เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ (อีกครั้ง) ของออสการ์ที่ปฏิเสธตุ๊กตาทองตัวที่ 3 ให้กับ “ทอม แฮงค์” และเป็นกรณีศึกษาชั้นเลิศที่เหมาะแก่การหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างถึง “การแสดง” ที่ทรงพลังและตราตรึงที่สุดบทบาทหนึ่งในโลกภาพยนตร์ แต่พลาดรางวัลออสการ์ไปอย่างน่าประหลาดใจ

ลำพังความซับซ้อนของเนื้อเรื่องที่พูดถึงชายที่ต้องไปติดอยู่บนเกาะร้างและหาทางเอาชีวิตรอดตลอดระยะเวลา 4 ปี นั้น เกือบจะพูดได้ว่าหนังแทบไม่มีอะไรเลย แต่การถ่ายทอดบทบาท “ชัค โนแลน” ที่ยิ่งกว่าคำว่า “Outstanding” ของทอม แฮงค์ ทำให้การนั่งดูตัวละครสรรหาสารพัดวิธีเอาตัวรอดแทบทั้งเรื่อง กลายเป็นประสบการณ์อันสุดพิเศษและดึงดูดสายตาของเราได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
16
Patton โดย หนังโปรดของข้าพเจ้า
เราอาจจะแบ่งหนังชีวประวัติออกเป็นสองประเภทคือบุคคลนั้นเล่าเรื่องตัวเอง หรืออย่าง Patton ที่เป็นมุมมองการตีความบุคคลในประวัติศาสตร์จากสายตาบุคคลที่สาม หนังเลือกจะเชิดชูยกย่องวีรบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของฝ่ายสัมพันธมิตร นายพลผู้ถูกการเมืองเล่นงาน ตกเป็นเหยื่อของการเมืองอเมริกาที่ต้องการเอาใจอังกฤษและสนับสนุนแนวรบตะวันออกอย่างรัสเซียเพื่อชนะสงคราม ในแง่มุมหนึ่งเราอาจจะบอกได้ว่า ‘การเมืองและสงคราม' เป็นสิ่งที่คงอยู่คู่กันมาโดยตลอดเฉกเช่นเดียวกับ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Patton ที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำ’
15
Gladiator โดย Earth Oscar
ผู้กำกับ ริดลี่ย์ สก็อตต์ ปลุกชีพหนังมหากาพย์อาณาจักรโบราณให้กลับมาครองใจผู้ชมได้อีกครั้ง หลังจากตกยุคไปนานแสนนาน และทำได้ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ในระดับใกล้เคียง Ben-Hur และ Spartacus เสียด้วย แม้จะเล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จอย่างนายทหารผู้ภักดีต่อจักรวรรดิ ที่ถูกทรราชหักหลังและใส่ร้ายป้ายสี จนชีวิตพลิกผันกลายเป็นทาส และเข้าสู่สนามประลองฝีมือการต่อสู้สุดอันตราย ที่จะกู้ศักดิ์ศรีของเขาคืนมา แต่ คุณปู่ริดลี่ย์ ก็ทำให้หนังออกมาสนุกสนาน เข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบ เทคนิคพิเศษด้านภาพที่เนรมิตกรุงโรมยุคโบราณขึ้นมาได้อย่างสมจริงก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้มากทีเดียว
14
โหมโรง โดย JackobotReview
ไม่น่าแปลกใจที่โหมโรงในตอนแรกจะเป็นหนังที่ถูกเมิน เพราะหน้าหนังมันเหมือนเป็นหนังเชิดชูประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามในแบบที่นักดูหนังชาวไทยมักจะเบือนหน้าหนี แต่มันก็ยิ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อตัวหนังสามารถสะสมคะแนนความนิยมจนกลับกลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่จะถูกนำมาพูดถึงเมื่อเราถามหาคุณภาพของหนังไทย และที่สำคัญมันยังเป็นมาตรฐานอันสำคัญในการทำหนังแนวอนุรักษ์นิยมให้ดูสนุกเลยทีเดียว

ความยอดเยี่ยมของ โหมโรง คือการนำระนาด เครื่องดนตรีไทยที่อาจะถูกมองว่าเชยมาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ และน่าติดตามโดยเฉพาะฉากการดวลระนาดอันดุดัน รุนแรง และสวยงามจนเป็นหนึ่งในซีนน่าจดจำอันดับต้นๆของหนังไทยเลยทีเดียว และอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ถึงแม้หน้าหนังจะเป็นหนังเชิดชูศิลปะวัฒนธรรมไทย แต่การเล่าเรื่องไม่ยัดเยียด ไม่บีบบังคับให้เราต้องรัก หนังกลับปล่อยให้เรื่องราวและบทภาพยนตร์อันยอดเยี่ยมที่พาให้คนดูได้เห็นมุมมองใหม่อันน่าทึ่ง ตื่นตะลึง และรู้สึกตื้นตันในความเป็นเจ้าของวัฒนธรรมโดยที่ไม่จำเป็นต้องสั่งให้รักเลยแม้แต่น้อย
13
A Separation โดย Nusfish Movie Blog
หนังอิหร่านที่เล่าเรื่องของคู่สามีภรรยาที่กำลังจะหย่าร้างกัน โดยพาเราไปพบกับเหตุการณ์ความขัดแย้งของตัวละครอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยความยอกย้อน สะท้อนภาพของสังคม ผ่านบทสนทนาที่ค่อยๆเผยด้านมืดตัวละครแต่ละคนออกมา ความจริงที่ค่อยๆปอกเปลือกตัวตนที่แท้จริงออกอย่างบรรจง จนทำให้ผมรู้สึกหน้าชาทุกครั้ง

หนังสามารถดึงเอาเรื่องของศาสนาและวัฒนธรรมมาเกี่ยวโยง เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนเรียกว่าใครก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ ราวกับได้ชมราโชม่อนเวอชั่นใหม่ ทรงพลัง และมีบทสรุปที่ตอกหน้าสังคมกับคนดูให้หน้าหงายไปตามๆกัน สำหรับผมแล้ว มีหนังไม่กี่เรื่องที่ดูจบแล้วมีความรู้สึกอยากจะลงไปก้มกราบคนเขียนบทงามๆ และหนังเรื่องนี้ก็คือหนึ่งในนั้น
12
Harry Potter and the Prisoner of Azkaban
โดย Kwanmanie.com
ในบรรดาหนัง Harry Potter ทั้ง 8 ภาค (ภาคสุดท้ายซอยเป็น 2 ภาค) เราชอบภาค 3 หรือตอน The Prisoner of Azkaban นี้มากที่สุด เพราะเป็นภาคที่เด็กๆ เริ่มโตขึ้น ตัวละครมีมิติมากขึ้น โลกเวทมนตร์ของพวกเขาน่าสนใจมากขึ้น ตัวละครก็ค่อยๆ เยอะขึ้น และเรื่องราวก็เริ่มสนุกเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

Harry Potter and the Prisoner of Azkaban มีสิ่งเด่นๆ ที่พิเศษจากภาคอื่นๆ หลายอย่าง เช่น Buckbeak, ไม้กวาดรุ่นใหม่ Firebolt, Hogsmeade, ความลับของ Hermione ฯลฯ โดยภาพรวม เราว่าเรื่องราวน่าติดตามมากขึ้น ถึงแม้จะซับพล็อตเยอะ แต่ก็ผูกเรื่องดี และหักมุมได้น่าประทับใจกว่าภาคอื่นๆ ที่สำคัญ Hermione (Emma Watson) ตัวละครโปรดของเรา ยังมีบทบาทโดดเด่นกว่าใครๆ

ทุกวันนี้ยังดูและอ่าน Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ซ้ำแล้วซ้ำรอบได้ไม่รู้เบื่อ
11
Psycho โดย หมื่นทิพ
ก่อนผมจะเอา Psycho มาดูเป็นรอบแรกในชีวิตนั้น ผมเคยถามตัวเองว่า "เราจะชอบมันไหมนะ?" เพราะรู้อยู่ครับว่านี่คือหนังระดับตำนาน แต่ขณะเดียวกันมันคือหนังขาวดำสูงอายุที่เก่ากว่า 50 ปี ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่ามันจะน่าเบื่อไหม มันจะเชยไหม และยิ่งผมรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วก็ยิ่งกลัวว่าความสนุกที่พึงมีจะลดลง แต่ผมคิดผิดอย่างแรง!

"หนังดีจริงต้องอมตะเหนือกาลเวลา" คือนิยามที่เหมาะกับหนังเรื่องนี้อย่างที่สุดครับ เพราะแม้หนังจะเก่า แต่งานสร้างสุดยอดมากๆ ไม่ว่าจะดนตรีที่หลอกและหลอนอารมณ์ผู้ชมอย่างได้ผล, มุมกล้องหลากลีลาที่แต่ละฉากมันสื่อนัยบางอย่าง บางฉากก็ถ่ายมุมแคบให้เราอึดอัดแบบจงใจ บางคราวกล้องก็จับไปที่ "อุปกรณ์ประกอบฉาก" ที่สื่อถึงชะตากรรมหรือความคิดของตัวละครในเวลาต่อมา ไหนจะการเล่นแสงเงาเพิ่มความน่ากลัวให้กับหนัง อีกทั้งดาราแต่ละคนก็ถ่ายทอดบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ Anthony Perkins ที่เหมาะกับบท "นอร์แมน เบตส์" ที่สุดในสามโลก

หนังเรื่องนี้คือหลักฐานที่ดีที่สุดที่ยืนยันว่าฉายา "ราชาเขย่าขวัญ" (The Master of Suspense) คู่ควรกับชายชื่อ Alfred Hitchcock ผู้สร้างสรรค์หนังเรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา
10
Wall-E โดย เบิกโรงซินีม่า
เป็นอนิเมชั่นที่ “ล้ำ” เกินกว่าจะเป็นแค่อนิเมชั่นสนุกๆ สำหรับเด็กจริงๆ เพราะนี่คืองาน “ขายไอเดีย” ขนานแท้ โดยการมองโลกปัจจุบันและต่อยอดไปสู่การทำนายโลกอนาคต หนังพูดถึงประเด็นที่นำสมัยและได้รับความตื่นตัวไปทั่วโลกอย่างเรื่อง “ความเสื่อมโทรม” ของสภาพแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ จนตัวเองไม่สามารถอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกต่อไป

แม้พล็อตหนังจะทั้งใหญ่และหนักหนาเอาการ แต่ยอมรับว่าหนังเก่งกาจมากๆ ในการเล่าเรื่อง มีการใส่ธีมโรแมนติกไซไฟและผจญภัยเข้าไปทำให้หนังดูสนุกและน่ารัก รวมไปถึงการสร้างคาแรกเตอร์ของสองหุ่นยนต์ “วอลล์อี” และ “อีฟ” ที่ทั้งน่ารัก น่าจดจำ และถ่ายทอดความโรแมนติกผ่านอวัจนภาษาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
09
The Bourne Ultimatum โดย We Love Movie Club
หากจะมีหนังแอคชั่นสักเรื่องที่เปิดฉากไล่ล่าสร้างความระทึกแก่ผู้ชมได้ตั้งแต่วินาทีแรก จนถึงวินาทีสุดท้าย ชนิดไม่ต้องพักหายใจกันเลย 'The Bourne Ultimatum' ของผู้กำกับ Paul Greengrass คือเรื่องแรกๆที่อยู่ในทำเนียบนี้ได้อย่างสง่างามและไร้ข้อกังขา โดยเฉพาะการนำเสนอสไตล์กล้องส่ายของ Greengrass ที่ช่วยให้หนังขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยบรรยากาศกดดัน ลุ้นระทึกได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก นี่คือหนังแอคชั่นที่มีบทที่เฉียบขาดและการนำเสนอในมือของผู้กำกับที่ถูกคน ผ่านทีมนักแสดงที่คัดเลือกมาได้ลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือภาคจบของไตรภาค ‘Bourne’ ที่ปิดฉากได้ยอดเยี่ยม ทั้งยังตอกย้ำชัดเจนว่าทำไมหนังตระกูลนี้ถึงแตกต่างจากหนังแอคชั่นสายลับทุกเรื่องที่เคยมีมา
08
Jaws โดย Mr.Darkknight
การมีอยู่ของหนังเรื่อง Jaw นั้นก็สามารถสร้างมาตรฐานให้กับหนังแนวสัตว์ยักษ์กินคนขึ้นมาได้อย่างสูงลิบลิ่ว เนื่องจากหนังเรื่องนี้นั้นนับว่าทำออกมาได้ค่อนข้างกลมกล่อมทั้งส่วนของมนุษย์และฉลามที่ถูกยกให้มีความสำคัญพอๆกันและไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นโดดเด่นจนเกินไป ฉากฉลามก็ทำออกมาได้อย่างดุร้ายส่วนคนก็สร้างมิติความเป็นมนุษย์ออกมาได้อย่างดีจนไม่รู้สึกเหนื่อยใจเหมือนหนังสัตว์ประหลาดกินคนทั่วๆไปที่สร้างตัวละครฝ่ายมนุษย์มาเพื่อมีหน้าที่วิ่งกับตายเท่านั้นและที่สำคัญนี่คือหนังที่สร้างปรากฏการณ์ให้คนไม่กล้าลงเล่นน้ำไปนานนับเดือนเลยทีเดียว
07
The Usual Suspects โดย Nusfish Movie Blog
เราอาจจะเคยผ่านช่วงเวลาแห่งยุค 'หนังหักมุม' กันมามากแล้ว และสำหรับผมแล้ว ในแง่ของการทำหน้าที่เป็นหนังที่มี Plot twist หรือการหักมุมแล้ว ไม่มีเรื่องไหนเกินไปกว่าหนังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องกล่าวถึงโจร 5 คน ที่ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือส่งสินค้าระเบิดและมีผู้เสียชีวิตมากมาย ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆก็ยิ่งพบเบาะแสและต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมด ผ่านกลวิธีการเล่าเรื่องแบบ ‘ผู้เล่า’ เป็นเจ้าของเรื่องราว (แบบเดียวกับ Rashomon, Courage Under Fire หรือ Hero) เป็นการนำมาผสมกับการดำเนินเรื่องได้อย่างชาญฉลาด ทำให้หนังนั้นมีดีมากกว่าแค่เป็นหนังหักมุมอย่างที่หลายคนยกย่อง และยังส่งให้ชายผู้มีชื่อโนเนมอย่าง เควิน สเปซีย์ กลายเป็นนักแสดงดาวค้างฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้
06
Saving Private Ryan โดย Filmsoon.com
ถ้าหากจะให้คอหนังแนวสงครามลิสต์รายชื่อหนังสงครามว่ามีเรื่องไหนที่พวกเขาชอบบ้าง?

1 ในคำตอบของทุกคนย่อมมีหนังเรื่องนี้อยู่ในลิสต์หนังที่พวกเขาชื่นชอบแน่นอน หนังจะนำเสนอเรื่องราวดราม่าเข้มข้นและจริงจังโดยมีฉากหลังของเรื่องเป็นสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทหารกลุ่มหนึ่งนำโดยผู้กองจอห์น มิลเล่อร์(ทอม แฮงค์)ได้รับภารกิจให้ไปตามหาตัวพลทหารเจมส์ ไรอัน(แมตต์ เดมอน)เพื่อส่งเขากลับบ้านด้วยเพราะพี่ชายทั้ง 3 คนของเจมส์ได้เสียชีวิตในสนามรบหมดแล้ว ทางการจึงไม่นิ่งนอนใจและอยากที่จะรักษาชีวิตลูกชายคนสุดท้ายของตระกูลนี้ นั่นทำให้ภารกิจงมเข็มในกองเข็มได้เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางข้อสงสัยของคนในหน่วยค้นหาว่าทำไมพวกเขาทั้งหมดจะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนๆเดียวด้วย?

ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นภาพความโหดร้ายของสงครามผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวโดยกองทหารกลุ่มนี้ ในระหว่างนั้นหนังจะให้เราได้ทำความรู้จักคาแรคเตอร์แต่ละตัวเพื่อให้เรารู้สึกผูกพันกับพวกเขาด้วยการพาเหล่าตัวละครเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆระหว่างที่กำลังเดินทางออกตามหาพลทหารไรอัน หนังยังแทรกประเด็นยิบย่อยเพื่อสร้างอรรถรสให้กับเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นขำๆหรือประเด็นบีบหัวใจคนดูก่อนที่จะสรุปทุกอย่างให้เราได้รู้กันในตอนท้ายเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม
05
The Sting โดย เบิกโรงซินีม่า
หนังเรื่องนี้มีความพิเศษอยู่หลายอย่าง มันเป็นหนังเกี่ยวกับ “นักต้มตุ๋น” เรื่องเดียวที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ฉะนั้นแนวทางของหนังจึงมีเอกลักษณ์แตกต่างจากหนังออสการ์สูตรสำเร็จทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าหนังออสการ์ก็ดูสนุกได้ ด้วยการมอบความบันเทิงชั้นดีที่ดูง่าย ดูเพลิน และชาญฉลาด

หนังมาพร้อมกับบทภาพยนตร์ที่หักเหลี่ยมเฉือนคมและพลิกแพลงได้อย่างน่าทึ่ง รวมถึงโทนหนังที่กลมกล่อมไปด้วยส่วนผสมระหว่างงานดราม่า อาชญากรรม และคอเมดี้ที่จัดวางอย่างลงตัว คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่า นี่เป็นหนังออสการ์ที่ดู “สนุกที่สุด” เรื่องหนึ่ง และเป็นหนังนักต้มตุ๋นที่ “ดีที่สุดตลอดกาล”
04
The Dark Knight โดย หมื่นทิพ
พูดได้เต็มปากกว่า Christopher Nolan ทำให้ The Dark Knight กลายเป็นสุดยอดแห่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งมวล

แบทแมนภาคนี้ยังคงเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อยู่ ทว่าไม่ใช่หนังแฟนตาซีเหนือจริงตามสูตรสำเร็จ แต่มันมาพร้อมภาพสะท้อนให้เห็นว่า "หากมีซูเปอร์ฮีโร่ในโลกนี้จริงๆ แล้ว สังคมจะเป็นเช่นไร?" ซึ่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ส่วนมากลงท้ายด้วยธรรมะชนะอธรรม แต่ The Dark Knight ทำให้เราตระหนักว่าโลกจริงๆ ซับซ้อนกว่าในการ์ตูน และต่อให้มีซูเปอร์ฮีโร่จริงๆ ก็ใช่จะทำให้บ้านเมืองสงบได้ง่ายๆ มันยังมีปัจจัยอีกมากมายที่จะเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดี หรือเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นร้าย

ปกติหนังสักเรื่องจะมีไคลแม็กซ์ไม่กี่ฉาก (แค่ 3 ฉากก็เก่งแล้ว) แต่กับเรื่องนี้ทุกฉากมีความสำคัญ เป็นเหมือนไคลแม็กซ์ย่อยๆ มาเรียงต่อกัน บทก็เข้มข้น ดนตรีได้ใจ ดาราก็โคตรยอด (โดยเฉพาะ Heath Ledger ผู้ล่วงลับ)

สรุปว่าเรื่องนี้จะดูเอามันส์, เอาคุณภาพ, เอาสาระ, เอาไปวิเคราะห์สังคม หรือเอาไปศึกษาว่าหนังที่ได้ชื่อว่า "สุดยอด" ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ก็ล้วนตอบโจทย์ได้ในทุกจุดประสงค์ ว่าแล้วต้องดูอีกรอบ
03
Schindler's List โดย Earth Oscar
คงไม่มีหนังเรื่องไหนจะถ่ายทอดภาพความโหดร้ายของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เยี่ยมยอดเท่ากับผลงานของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เรื่องนี้อีกแล้ว ภาพสีขาวดำทำให้บรรยากาศของหนังหม่นหมอง ชวนสลดหดหู่ และการใช้สีแดงในฉากสำคัญก็สั่นสะเทือนความรู้สึกของผู้ชมอย่างที่สุด แต่หนังก็ทำให้เราได้รู้ว่าท่ามกลางช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ ความดีงามของมนุษย์ยังคงมีอยู่เสมอ เลียม นีสัน ถ่ายทอดบท ออสการ์ ชินด์เลอร์ ได้อย่างงามสง่า เปี่ยมมิติความเป็นมนุษย์ ถือเป็นบทบาทการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำของผู้ชมเรื่อยมา
02
Sunset Boulevard โดย ทัศนะภาพยนตร์
มีหนังหลายเรื่องเลือกที่จะนำเสนอตอนจบตั้งแต่ต้นเรื่อง Sunset Blvd. ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หนังเปิดมาด้วยภาพของศพผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่เสียงของศพเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าพบจุดจบแบบนี้ จุดเด่นของสไตล์นี้ก็คือมันเป็นการเปิดเรื่องที่ดึงดูดใจผู้ชมตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เพราะความที่มันถูกสปอยล์แล้วการจะรักษาระดับความน่าติดตามไปจนจบเรื่องจึงเป็นงานที่ยากกว่าเดิมเป็นสองเท่าของการเดินเรื่องแบบปกติ อย่างไรก็ดีผู้กำกับระดับบิลลี่ ไวเดอร์ (2 ออสการ์ในสาขาผู้กำกับจากการเข้าชิง 8 ครั้ง, 2 ออสการ์บทดั้งเดิมจากการเข้าชิง 4 ครั้ง และ 1 ออสการ์บทดัดแปลงจากการเข้าชิง 7 ครั้ง) ซึ่งถือเป็นมือปืนรับจ้างที่กำกับหนังได้ทุกแนวตั้งแต่ตลก ดราม่า จิตวิทยา สงคราม หนังรัก ฟิลม์นัวร์ ฯลฯ ก็คุมโทนเรื่องให้น่าติดตามไปตลอดเรื่องจนเราเผลอลืมไปเลยว่าตัวเอกของเรื่องมีจุดจบเช่นไร โจ จิลลิส (วิลเลี่ยม โฮเด็น) เป็นนักเขียนตกอับที่กำลังจะอดตายด้วยความบังเอิญเค้าเข้ามาพบกับอดีตดาราหนังเงียบชื่อดังที่ปัจจุบันเป็นคุณป้า (หรือยาย?) นอร์มา เดสมอนด์ (กลอเรีย สวอนสัน) ก่อนจะถูกจ้างให้เขียนบทกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความหลงไหลคลั่งไคล้เกินปกติจากดารารุ่นแม่

Sunset Blvd.โดดเด่นด้วยสไตล์แบบฟิลม์นัวร์ครบถ้วน ทั้งหญิงร้ายชายเลว เล่นกับแสงและเงาเผยถึงด้านมืดของตัวละคร ผ่านเรื่องราวที่ทั้งหมิ่นเหม่ทางศีลธรรมไปจนถึงการวิเคราะห์สภาพจิตใจ กลอเรีย สวอนสันได้บทบาทแห่งชีวิตบทสำคัญบทนอร์มา เดสมอนด์ได้กลายเป็นไอดอลเมื่อว่าด้วยดาวร้ายฝ่ายหญิงและสตรีผู้มีจิตไม่ปกติถึงขึ้นบ้าบอประสาทหลอน บทดังกล่าวเหมือนเป็นการล้อเลียนสวอนสันกลายๆ เมื่ออดีดสวอนสันก็เป็นดาราหนังเงียบชื่อดังคับฟ้า จนกระทั่งการมาถึงของหนังเสียงทำให้เธอไม่เป็นที่ต้องการ ฉากที่ติดตราตรึงใจทุกคนที่ได้ชมคือฉากจบของเรื่องที่เป็นการสรุปตัวตนของเดสมอนด์อย่างน่าจดจำและเผยถึงสภาวะทางจิตใจได้อย่างยอดเยี่ยม คงกล่าวได้ว่า Sunset Blvd. คือหนังที่ดีงามที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว
01
The Shawshank Redemption โดย Review-me
"ความกลัวอาจจองจำเรา แต่ความหวังมอบอิสรภาพให้กับเรา"

หนึ่งในประโยคเรียบง่าย ที่ลึกซึ้ง และกินใจอย่างยิ่ง จากหนังอมตะที่ช่วยปลุก “พลังใจ” สร้าง “แรงบันดาลใจ” ให้ผู้คนมากมาย

Andy Dufresne นายธนาคาร ที่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมภรรยาและชู้รักของเธอ ซึ่งเขาก็เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่หลักฐานต่างๆกลับโยงใยมาสู่ตัวเขา และนั่นก็ทำให้เขาต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต

Andy Dufresne ตัวเอกของเรื่องที่ถูกความอยุติธรรมของกฎหมาย พิพากษา ช่วงชิง “ร่างกายและชีวิต” ถูกจองจำอยู่ในคุก ที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ เสรีภาพของชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่คุกแห่งนี้ไม่อาจช่วงชิงไปจากเขาได้ก็คือ “จิตวิญญาณ” ความเป็นมนุษย์ ความศรัทธา การยึดมั่นในความดี และแสงแห่ง “ความหวัง” ที่เจิดจ้าและลุกโชนไม่มีวันมอดดับ

ตลอดช่วงเวลา 19 ปีที่อยู่ในคุก เขาได้พบเจอและเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย รวมถึงการมอบ “ความหวัง” ให้กับคนรอบข้าง และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด การไม่หวังพึ่งใน “โชคชะตา” เขาพยายามทำสิ่งๆหนึ่ง ทำทุกๆวัน โดยไม่รอคอยให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นเอง และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า “อิสรภาพ”
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: guythai, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเมื่อคุณแม่ย้อนวัย เอาชุด ม.ปลาย ลูกสาวมาใส่..ผลที่ได้หลายคนร้องว้าว! ทันทีดราม่าพระที่ขุดได้ที่ลาว อายุไม่ถึง 500 ปี พึ่งหล่อมาได้ไม่ถึง 3 เดือน!?9สายพันธุ์ ที่สายทุเรียนต้องไม่พลาดเตือนภัยแอปฯดูดเงิน ห้ามกด-กรอก-ติดตั้งพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยางนา ปลูกง่ายมีค่าดั่งทอง"อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุด"ในประเทศไทยเป็นบุญตา หลังขุดพบพระพุทธรูปจมน้ำโขงคาดอยู่สมัยอาณาจักรสุวรรณโคมคำคนไข้ไม่เข้าใจลายมือหมอ..ไม่รู้ตนเองป่วยเป็นอะไร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดราม่าพระที่ขุดได้ที่ลาว อายุไม่ถึง 500 ปี พึ่งหล่อมาได้ไม่ถึง 3 เดือน!?ยุงเลือกกัดคนประเภทไหนมากกว่ากันสาวกระโดดตึก ฆ่าตัวตายกลางห้างดัง หวังเป็นผีไปแก้แค้นเมื่อคุณแม่ย้อนวัย เอาชุด ม.ปลาย ลูกสาวมาใส่..ผลที่ได้หลายคนร้องว้าว! ทันทีrotate: หมุนเวียน สับเปลี่ยน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บันเทิง ดารา
ช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเจอมนต์ดำทำเสน่ห์หรือเปล่า ? ผัวนางร้ายถึงหลงมือที่ 3 ขนาดนี้ยืนยันไม่ได้จีบแน่นอน! "บอย ปกรณ์" เชื่อ "เกรท" ไม่โกหก..หลังมีข่าวจีบ "อแมนด้า"ช่อง 7HD ขนทัพนักแสดง โกอินเตอร์ ณ ประเทศกัมพูชา
ตั้งกระทู้ใหม่