ตำนานพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ของภูฏาน โดยสังเขป
กูรู รินโปเช (Guru Rinpoche)
สำหรับการเดินทางไปทัวร์ภูฏานนั้นท่านจะได้พบกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับท่านกูรู รินโปเชเป็นอันมาก ดังนั้นวันนี้เราจะมาเล่าประวัติของท่านตามตำนานของภูฏาน โดยสังเขป กูรู รินโปเช คือบุคคลที่ชาวภูฏานยกย่องให้เป็น พระพุทธเจ้าองค์ที่ 2
เนื่องด้วยท่านเป็นคนที่นำศาสนาพุทธวัชระยานมาเผยแพร่ในภูฏานได้สำเร็จ ชื่อของท่าคือ คุรุปัทมสัมภวะ(Padmasambhava) กูรู คือ คุรุ คุรุ แปลว่า อาจารย์ ฉายาของท่านแปลว่า อาจารย์ผู้ลำเลิศ เอาละครับมาฟังประวัติในแบบ ฉบับที่คนภูฏานเล่ากันดีกว่าครับ
ในปี ค.ศ.800 ในยุคสมัยที่ กษัตริย์ อินทรโพธิ ปกครองแค้วนอุททิยานะในดินแดนชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบันคือ ดินแดนระหว่างอัฟกานิสถานและปากีสถาน บ้านเมืองประสบภัยแล้งจนถึงกระทั่งประชาชนไม่มีอาหารกิน ดังนั้น กษัตริย์ได้กระทำพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล โดยการสังวาทยายธรรม เพื่อบูชาซึ่งพระรัตนตรัย หลังจากเสร็จสิ้นพิธี พระอวโลกิเตศร บันดาลสิ่งมหัสจรรย์ให้เกิดในทะเลสาบโกษาและเป็นที่โจษจันในหมู่ชาวบ้านละแวกนั้น
เมื่อกษัตริย์ทรงเสด็จไปบริเวณนั้น ก็ปรากฏดอกบัวยักษ์ที่ห่อหุ้มเด็กน้อยวัย 8 ขวบขึ้นมา เมื่อกษัตริย์ทรงถาม เด็กน้อยจึงกล่าวว่า เราคือ ปัทสัมภวะ ผู้ที่เกิดจากดอกบัว ด้วยความอัศจรรย์นี้ กษัตริย์จึงรู้แจ้งว่า พรที่พระองค์ทรงขอสำเร็จลุล่วงในรูปแบบของเด็กผู้นี้ ท่านจึงนำเด็กผู้นี้เข้าวังและแต่งตั้งให้เป็นบุตรแห่งตน เมื่อทรงรับเลี้ยง ปัทสัมภวะ บ้านเมืองก็กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
ฝนที่ไม่ปรากฎมานาน ก็ปรากฏ โรคระบาดที่แพร่กระจายในเมืองก็กลับหายไปอย่างไม่พบสาเหตุ เวลาผ่านไปถึงเมื่อปัทสัมภวะเจริญวัย เขาซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และกำลังจะได้สมรส และจะได้เป็นชายผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแค้วอุททิยานะ แต่ด้วยเหตุผลบางประการณ์ทำให้จิตใจของเขานั้นสับสนและในที่สุดด้วยความสับสนนั้น
เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทิ้งทุกอย่างและมุ่งหน้าศึกษาหาความรู้ในทางธรรม แต่จะทำอย่างไรดีละถึงจะได้ละทิ้งจากตำแหน่งนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะฆ่าลูกทรพีของขุนนางผู้ใหญ่ในวัง(ในตำนานกล่าวว่า ลูกของขุนนางเมื่อได้ไปแล้วได้ขึ้นสวรรค์ถึงแม้จะเป็นคนเลวทรามเนื่องจาก เป็นชะตาที่ถูกลิขิตมาไว้แล้ว)
ดังนั้นเขาจึงถูกขับออกจากวัง เริ่มต้นปัทมสัมภวะศึกษาวิชาจากหลุมศพของ คณาจารย์ต่างๆ จากนั้นก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพระอริยบุคคลหลายองค์ จนท่านบรรลุในวิชาแห่งวัชรยาน ท่านจึงเริ่มออกเดินทางไปแสดงพระธรรมและวิชาที่ตนได้บรรลุ ระหว่างทางท่านได้ต่อสู้กับ ผูกผีปีศาจมากมายและสามารถจัดการได้ทั้งสิ้น บางตนก็กลับใจและสาบานมาเป็นผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา บางตนก็ยอมสูญสิ้น ครั้งหนึ่งท่านได้ไปแสดงธรรม ณ แค้วน ซาโธร์ แก่พระเจ้าตราธร
แต่ด้วยอะไรดนใจพระเจ้าตราธร พระเจ้าตราธรจึงสั่งให้ทหารจับตัว คุรุปัทมสัมภวะไปเผาเสียให้ไหม้ แต่แล้วความอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น จากเชิงตะกอนที่ลุกไหม้ไปด้วยเพิลงก็กลับหลายเป็นดอกบัวอันบริสุทธิ์ ไฟรอบๆก็เปลี่ยนผืนดิยให้เป็นบึงที่มีน้ำใส ทันใดนั้นพนะเจ้าตราธรก็ตาสว่างและถวายบุตรสาวเพื่อเป็น ศักติ เพื่อถวายงานรับใช้คุรุปัทมสัมภวะ
สำหรับการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในภูฏาน เริ่มต้นขึ้น เมื่อ คุรุปัทมสัมภวะเสด็จมาบำเพญศีลภาวนาในถ้ำแห่งหนึ่งในดินแดนลึกลับตามที่ชาวทิเบตเรียก(ปัจจุบันคือภูฏาน) โดยเดินทางมาโดยขี่นางเสือ(ศักติจำแลงกายมาเป็นนางเสือ) มาในบริเวณที่ปัจจุบันคือ ตั๊กซัง(Takshang) นั่นเอง จากนั้นท่านก็ออกเดินทางเผยแพร่ธรรมในบริเวณประเทศภูฏานปัจจุบัน
นอกจากนั้นท่านยังทำให้ชาวภูฏานบางเผ่าเลิกกินเนื้อมนุษย์และหันมากินหมากแทน ด้วยที่ท่านได้สอนว่า ใบพลูนั้นโอชากว่าเนื้อมนุษย์ หมากนั้นโอชากว่ากระดูก และน้ำปูนแดงนั้นโอชายิ่งกว่าโลหิต และยังกินได้ง่ายกว่าอีกด้วย ไฉนท่านจึงไม่เลือกอะไรที่ดีกว่าและง่ายกว่าละ
และนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นยังมีสถานที่ศักสิทธิ์ที่เกี่ยวกับกับท่านอีกมากมายในภูฏาน อย่างเช่น รอยเท้าท่านบนหินที่ต้องเดินขึ้นเขากว่า 3 วันจึงจะได้พบ , การทำนายเกี่ยวกับผู้ที่จะมารวบรวมดินแดนลี้ลับให้มาเป็นประเทศภูฏาน และ แน่ๆอีกมากมายที่รอให้ท่านได้ไป พิสูจน์และรับฟังด้วยตนเอง