หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย่อหนังสือ THINK & GROW RICH

โพสท์โดย molgnaw

think & grow rich


บทที่ ๑ เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ
- เคล็ดลับนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเรามีความพร้อมเท่านั้น และไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของการศึกษา
-เคล็ดลับของศักยภาพในการนำพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จนั้นสำคัญมากกว่าสิ่งที่เรียกว่า "การศึกษา"
-เป้าหมายของเคล็ดลับคือ นำข้อเท็จจริงแห่งจักรวาลที่มีอยู่แล้วไปปฎิบัติด้วยตัวคุณเอง
-ทั้งความสำเร็จ และความร่ำรวยล้วนมีจุดเริ่มต้นจากความคิดทั้งสิ้น ถ้าคุณเตรียมพร้อมสำหรับเคล็ดลับ คุณจะได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งนั้นจะเข้ามาสู่จิตใจของคุณเองเมื่อถึงเวลา
/ทั้งความยากไร้และร่ำรวย ล้วนเป็นผลิตผลจากความคิด/

 

บทที่ ๒ ความคิดคือสินทรัพย์
นักประดิษฐ์และคนจรจัด
-เมื่อคนมีปณิธานที่มุ่งมั่น ย่อมยินยอมที่จะเดิมพันอนาคตทั้งชีวิตของเขาเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เขามีความมั่นใจว่าจะต้องชนะ เขาตะดสินใจที่จะยืนหยัดจนกว่าประสบความสำเร็จ
-เมื่อเราพร้อมสำหรับสิ่งใดแล้ว สิ่งนั้นจะปรากฎขึ้นมาเอง
-ผมต้องไปถึงเป้าหมายให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาที่เหลือไปทั้งชีวิตก็ตาม
-เขามุ่งมั่นกับเป้าหมายในชีวิต และยืนหยัดกับเป้าหมายจนกระทั่งมันกลายเป็นความย้ำคิดอยู่ในใจของเขา
-เขาอาจไม่รู้ว่า ความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นไปสู่ปณิธานหนึ่งเดียวนั้น ช่วยขจัดอุปสรรคและนำโอกาสที่แสวงหามาให้
-เขารู้ในสิ่งต้องการ และยืนหยัดกับปณิธานที่ตั้งไว้จนกว่ามันจะเป็นจริง

อีกแค่ ๓ ฟุตก็จะพบทองคำ
-สาเหตุของความล้มเหลวที่พบบ่อยที่สุด คือ การที่พบอุปสรรคแล้วท้อถอยไปเสียก่อน ทั้งๆที่จริงแล้ว มันจะอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเกิดความผิดพลาดเพียงครั้งสองครั้งก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกผิด
-อาร์ ยู ดาร์บี้ เขาขุดพบทองคำ จนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของเหมืองทองที่รวยที่สุดในโคโลรโด แต่เมื่อเขาขุดและพบกับความว่างเปล่า จนตัดสินใจที่จะหยุด และขายให้คนอื่นในราคาไม่กี่บาท ภายหลังพ่อค้าคนนั้นได้ปรึกษาวิศวกรพบว่าทองคำอยู่ห่างออกไปแค่ ๓ ฟุต จากจุดที่ดาร์บี้หยุดขุด
-เขารู้ว่าควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะล้มเลิกความตั้งใจ
-ปณิธานสามรถเปลี่ยนเป็นเงินได้
-ผมไม่เคยหยุดขายเมื่อลูกค้าตอบว่าไม่
-เราต้องไม่หวั่นไหวต่อความล้มเหลว หากเมื่อมันชนะใจคุณได้ เราจะล้มเลิกมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ
-ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มักรออยู่ หลังจากจุดซึ่งเขาพบกับความพ่ายแพ้แค่หนึ่งก้าว ความล้มเหลวจะหลอกลวงเราด้วยการเยาะเย้ยถากถาง มันชอบทำให้คุณสะดุดล้ม เมื่อใกล้ถึงความสำเร็จอยู่แล้ว
-ทุกๆครั้งที่เราล้มเหลว มันจะบ่มเพาะความสำเร็จขึ้นมาด้วยเช่น
-สำหรับนักประดิษฐ์แล้วมักจะล้มเหลวอยู่เสมอ เขาจะพยายามใหม่ แล้วแจะล้มเหลวอีกอาจเป็นพันๆครั้ง เพียงเพื่อครั้งเดียวที่ทำสำเร็จในที่สุด มันเป็นสองสิ่งที่ดูขัดกันเอง
-เรามักพูดว่างานใหญ่ของเรา คือ การสอนให้ลูกน้องที่เพิ่งทำงานใหม่ห้รู้วิธีล้มเหลวอย่างฉลาด เราต้องฝึกเขาให้มีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการให้เขาผ่านการลองผิดลองถูกจนกระทั่งเกิดการเรียนรู้เอง ดังนั้นความล้มเหลวก็คือการฝึกฝนนั้นเอง

๕๐ เซนต์ บทเรียนราคาแพงแห่งความมุ่งมั่น
-คำว่า ไม่ อาจไม่จำเป็นต้องหมายความว่า ไม่
-ประสบการ์นั้นเป็นโชคลาภสำหรับผม เพราะมันสอนใจผมให้เดินหน้า และเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ตาม มันเป็นบทเรียนที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จ

สำนึกแห่งความสำเร็จ
-ในเวลาความร่ำรวยเริ่มเข้ามาหาคุณ มันจะมาอย่างรวดเร็วและมากมายจนคุณต้องประหบาดใจว่าความมั่งคั่งไปซ่อนตัวอยู่ไหน จึงปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่านานหลายปี
-ความมั่งคั่งเริ่มต้นด้วยสภาวะจิตใจ ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน และแทบจะไม่ต้องทำงานหนักเลย สิ่งที่ต้องรู้คือ วิธีที่จะเข้าถึงสภาวะจิตใจที่ดึงดูดเงินทองเข้ามา
-หนึ่งในความอ่อนแอของคนส่วนใหญ่ก็คือ กรคุ้นเคยกับความเป็นไปไม่ได้ เรารู้กฎเกณฑ์ทุกอย่างที่จะทำให้มันไม่ได้ผล เรารู้ทุกสิ่งที่เป็นข้อจำกัด แต่คนที่แสวงหากฎแห่งความสำเร็จ และเต็มใจที่จะเสี่ยงเดิมพันกับมัน
-ความสำเร็จจะอยู่กับคนทีมีจิตสำนึกแห่งความสำเร็จเท่านั้น
-ความอ่อนแออีกอย่างก็คือ นิสัยชอบวัดสิ่งใด หรือผู้ใดก็ตาม โดยใช้ความรู้สึกและความเชื่อของตัวเอง
-เขาประทับใจเพราะพวกเขามีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น มันคือเรื่องทัศนคติและนิสัย ถ้าคุณสร้างนิสัยในการมองชีวิตตามทัศนคติของตัวคุณเอง คุณอาจผิดพลาด เพราะเชื่อว่าข้อจำกัดต่างๆ ในตัวคุณได้ถูกประเมินแล้วว่าเป็นข้อจำกัดจริงๆ

รถยนต์ฟอร์ด V-8 ที่เป็นไปไม่ได้
-หลักการก็คือ ปณิธาน รู้ชัดในสิ่งที่ตัวคุณเองต้องการ มีศรัทธาในศักยภาพของตนเอง และมุ่งมั่นในการที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทำไมคุณจึงต้อง "เป็นผู้กำหนดโชคชะตาให้ตัวเอง"
-ฉันเป็นนายแห่งโชคชะตาของตัวเอง และฉันคือผู้ควบคุมจิตวิญญาณของฉัน
-การที่จะเป็นผู้กำหนดโชคชะตานั้น จำเป็นต้องมีพลังอำนาจในการควบคุมความคิดก่อน บางครั้งสมองจะดึงดูดความคอดหลักสำคัญๆ เอาไว้ในจิตใจ และจิตใจจะไปดึงดูดเอาพลังจากผู้ตนและสถานการณ์ต่างๆ ให้มาผสมกับความคิดหลักของเราในที่สุด

หลักการที่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของคุณ
-มันจำเป็นที่เราจะต้องมีปณิธานอันแรงกล้า
/สิ่งใดก็ตามที่มนุษย์สามารถคิดและเชื่อ สิ่งนั้นย่อมสำเร็จ/

 

บทที่ ๓ ปณิธาน
-บาร์นประสบความสำเร็จเพราะเขารู้จักที่จะเลือกเป้าหมาย ทุ่มเทพลังกายพลังใจ ความพยายาม และทุกสิ่งที่เขามีเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
-ผมจะไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองถอยไปข้างหลัง แต่จะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างอนาคตที่มุ่งหวังไว้ เขาปิดหนทางในการถอยหนีของตัวเอง ต้องชนะหรือไม่ก็แพ้อย่างยับเยิน

ปิดทางถอยของตัวเอง
-ทุกคนจะชนะอุปสรรคต่างๆได้ต้องปิดหนทางที่จะถอยหนี นี่คือหลักจิตวทยาในการ กระตุ้นปณิธาน เพื่อชัยชนะ
-เมื่อเผชิญกับความยากลำบากและอนาคตที่มืดมน เาาจะลุกขึ้นแล้วมองโลกในแง่ดี
-ลำงแค่ความต้องการไม่ได้ทำให้รวยขึ้น การที่เราคิดถึงปผณิธานซ้ำๆที่จะสร้างความร่ำรวยร่วมกับการวางแผนที่ดดีต่างหากจะทำให้เรารวย จงกำหนดวิธีการที่คุณต้องใช้เพื่อฝ่าฟันอุปสรรค มุ่งมั่นกับแผนงานเพื่อปิดทางที่จะทำให้ตัวคุณล้มเหลว
-ปณิธานหรือเป้าหมายที่แน่นอนเป็นมากกว่าการตั้งวัตถุประสงค์ ปณิธานคือ แผนที่จะนำทางไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์แห่งอาชีพการงานนั่นเอง เพื่อบรรลุเป้าหมาย จะต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน

ขั้นตอนในการแปรเปลี่ยนปณิธานไปเป็นเงินทอง
-๑.ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการไว้ในใจให้ชัดเจน
-๒.กำหนดสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำเพื่อให้ได้เงินมาตามที่ปรารถนา
-๓.ระบุวันที่แน่นอนในการที่จะได้ครอบครองเงินที่ปรารถนา
-๔.สร้างสรรค์แผนการที่จะทำให้ปณิธานบรรุลูผลสำเร็จ และเริ่มลงมือทำทันที ไม่ว่าคุณจะพร้อมหรือไม่ เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ
-๕.เขียนข้อความที่ชัดเจน และกระชับถึงจำนวนเงิน กรอบเวลา สิ่งที่จะทำเงินให้คุณ และรายละเอียดแผนการที่คุณเตรียมไว้
-๖.อ่านข้อความที่คุณเขียนออกมาดังๆ วันละสอเวลา ก่อนนอน หลังตื่น ขณะอ่าน จงสร้างมโนภาพ ความรู้สึก และความเชื่อว่าตนำด้ครอบครองเงินนั้นเรียบร้อยแล้ว
-จงเห็นตัวเองประสบความสำเร็จในจินตนาการก่อนที่มันจะเป็นจริง
-จงลงมือทำ

พลังแห่งความเพ้อฝันอันยิ่งใหญ่
-เบื้องหลังความต้องการของที่ใหม่กว่าดีกว่า มีสิ่งหนึ่งที่ควรมีเพื่อชัยชนะ คือ การกำหนดเป้าหมายที่แน่นอน รู้ว่าตนต้องการอะไร และมีปณิธานอันแรงกล้าที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น
-ผู้นำที่แท้จริงล้วนสามารถควบคุมและนำพลังแห่งโอกาสที่มองไม่เห็นมาใช้ให้เกิดประโยชน์
-อย่ายอมให้ใครมาทำลายความเป็นนักล่าฝัน
-จุดเริ่มต้นของปณิธานที่จำอะไรสักอย่าง คือ ความใฝ่ฝัน
-ไม่ว่าจะพบอุปสรรคอะไรก็ตาม ควรมองอีกมุมหนึ่งว่าคุณจะไม่สนใจ และคำนึงถึงความพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะทำอะไรคุณสร้างควรสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และเลือที่จะร่วมงานกับคนที่มีเป้าหมายเหมือนกัน ปรัชญาและคำแนะนำในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นจะช่วยได้มาก ถ้ารู้จักนำมันไปใช้
-การที่เราอยากได้ แตกต่างจากการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะได้สิ่งนั้นมา ม่มีใครพร้อมจนกว่าเขาจะเชื่อในศักยภาพของตัวเองเสียก่อน ไม่เพียงหวังหรือต้องการ แต่ต้องมีความเชื่อในจิตใจด้วย มัรสำคัญมาก การที่เราใจแคบจะทำให้เรไม่เกิดศรัทธา แรงกระตุ้น และความเชื่อ
-พยายามหวังสูงที่จะมั้งคั่ง ดีกว่าต้องพยายามยอมรับความทุกข์ยากและความยากไร้ ดังบทกวี
ฉันต่อรองขอเงินหนึ่งเพนนีกับชะตาชีวิตตน แต่ไม่เคยได้
ตอนเย็นฉันอ้อนวอนขอ เพราะไม่เหลืออะไรแล้ว
ชะตาชีวิตเป็นเพียงนายจ้างของเรา ชะตะจะให้สิ่งที่เราขอ
ต่อเมื่อเราทำงานให้เท่านั้น จึงเป็นผลให้เราต้องทำงานหนัก
ฉันจึงยอมทำงานรับใช้ เพียงเพื่อจะได้เรียนรู้ว่า
ทุกสิ่งที่ฉันลงทุนลงแรงไปนั้น ชะตะพร้อมจ่ายคืนให้เสมอ

ปณิธานเอาชนะกฎธรรมชาติได้ --แบลร์
-ทุกสรรพสิ่งล้วนสอนให้เรามีศรัทธา ขอเพียงเชื่อ เราจะได้รับคำแนะนำ โดยการนอบน้อมลงฟัง เราจะได้ยินถ้อยคำที่ถูกต้อง(ปณิธาน)
เปิดโลกใหม่ด้วยเงิน ๖ เซนต์
- ยืมเงินไปซื้อ นสพ. ขาย
ความคิดที่ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์
-เขามุ่งมั่นทำวิจัย วิเคราะห์ตลาดของบริษัทผู้ผลิต และสร้างแผนงานในการเข้าถึงผู้คนที่พิการอยู่หนึ่งเดือน เขาได้เขียนแผนงานระยะเวลาสองปี เขาเสนอแผนนี้ให้บ. และบ.ก็รับเขาเข้าทำงานทันที
-ปณิธานยิ่งใหญ่กว่าความล้มเหลว
/ความคิดไม่มีขีดจำกัด เว้นเสียแต่เรายอมรับว่ามี/

 

บทที่ ๔ ศรัทธาในศักยภาพของตัวคุณเอง
-ศรัทธาเป็นปัจจัยสำคัญของจิตใจ เมื่อมันหลอมรวมกับความคิดจะทำให้จิตใต้สำนึกสามารถรับรู้ความคิดนั้นได้ จิตใต้สำนึกจะแปลความหมายและส่งมันไปสู่อัจฉริยภาพแห่งจักรวาล

จะเสริมสร้างศรัทธาได้อย่างไร
-ศรัทธา คือภาวะที่จิตถูกชักนำและสร้างสรรค์ด้วยการยืนยันหรือออกคำสั่งซ้ำๆไปยังจิตใต้สำนึก
-อารมณ์ทำให้ความคิดของคุณมีชีวิตชีวา และจะส่งผลต่อกิจกรรมที่ทำต่อไป อารมณืศรัทธา รัก กามเมื่อบวกกับความคิดจะนำไปสู่การปฏิบัติที่สุมฤทธิ์ผล
-จะเรียกใช้จิตใต้สำนึกอย่างแนบเนียนนั้น จะต้องทำให้เหมือนว่าเราได้ครอบครองสิ่งที่ต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว
-ต้องเข้าใจทฤษฎีอย่างท่องแท้และนำไปใช้ ด้วยประสบการณ์และการลงมือทำ จะทำให้คุณสามารถพัฒนาศักยภาพในการผสมสรัทธาเข้ากับคำสั่งที่ส่งไปจิตใต้สำนึก
-เชื่อว่ามันเป็นจริง ความคิดที่ถูกผสมด้วยอารมณ์ จะเป็นพลังดึงดูดความคิดอื่นๆที่คล้ายกันเข้ามา

สูตรสร้างความมั่นใจ
-๑.ฉันรู้ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายในชีวิต ดังนั้นฉันต้องแน่วแน่ และพากเพียรพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้น ขอสัญญาว่าจะทำให้ได้
-๒.ฉันตระหนักในความคิดหลักของจิตที่จะแสดงพลังออกมา โดยเปลี่ยนให้มันไปสู่ความจริง ดังนั้นฉันจะจดจ่อต่อความคิดของตน ๓๐ นาที เพื่อสร้างมโนภาพถึงคนที่ฉันตั้งใจจะเป็น
-๓.ฉันรู้ว่าปณิธานที่แน่วแน่ในจิตจะบรรลุผลที่ตั้งใจได้ ดังนั้นฉันจะสร้างความเท่อมั่นวันละ ๑๐ นาที
-๔.ฉันเขียนรายละเอียดเป้าหมายหลักในชีวิต และจะพยายามอย่างไม่ลดละจะฉันเชื่อมั่นในตนเพื่อบรรลุผล
-๕.ฉันจะประสบความสำเร็จด้วยพลังของตน และอาศัยความร่วมมือกับผู้อื่น ฉํนจะขจัดความชัง ริษยา อิจฉา เห็นแก่ตัว และเยาะเย้ย ด้าวยการสร้างความรักต่อมนุษย์ เพราฉันรู้ดีว่าทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้อื่นจะทำให้ฉันไม่ประสบความสำเร็จ ฉันจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้อื่นเพราะฉํนเชื่อมั่นในตนและผู้อื่น

ไอเดียสร้างความมั่งคั่งได้อย่างไร
-๑.บ.ยูไนเต็ต เกิดจากจิตใจของ ชาร์ล เอ็ม ชวอบ ในรูปของไอเดีย ที่เขาสร้างผ่านจินตนาการ
๒.เขาผสมศรัทธาเข้ากับไอเดีย
๓.เขาสร้างแผนการที่จะทำให้ไอเดียไปสู่ทรัพย์ที่เป็นจริง
๔.เขานำไปลงมือทำด้วยสุนทรพจน์อันโด่งดัง
๕.เขาประยุกต๋และดำเนินการตามแผนด้วยความมุ่งมั่นพร้อมตัดสินใจที่แน่วแน่จนกว่าแผนจะลุล่วง
๖.เขาตระเตรียมสู่ความสำเร็จด้วยปณิธานอันแรงกล้า


สุนทรพจน์มูลค่าพันล้านดอล
-เต็มไปด้วยคำคม และมีพลังกระตุ้น

ความร่ำรวยเริ่มจากความคิด
-จะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับความคิดในจิตใจที่จะลงนำไปทำ ศรัทธาจะทำลายอุปสรรค เมื่อคุณพร้อมที่จะเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อสิ่งที่คุณต้องการ รางวัลความสำเร็จรอคุณอยู่
-มหัศจรรย์แห่งบุคลิกภาพของชวอบเป็นที่ประจักษ์และทรงพลังยิ่ง

/คนที่ยอมแพ้ไม่เคยชนะ และผู้ชนะไม่เคยยอมแพ้/

 

บทที่ ๕ การเสนอแนะตนเอง

สร้างมโนภาพและความรู้สึกว่าเงินทองอยู่ในมือเรา
-(๖ข้อ) ต้องตั้งใจทำ ต้องลงทุนเพื่อพัฒนาความสามารถนี้
-ศักยภาพในการใช้หลักนี้ จะขึ้นกับความสามารถของคุณเองในการรวมพลังใจเพื่อจดจ่อกับปณิธาน จนเป็นการย้ำคิดที่แรงกล้า

วิธีการรวมพลังใจของคุณให้เข้มแข็ง
-อย่ารอให้แผนที่มโนไว้เสร็จเรียบร้อย จงเริ่มเดี๋ยวนี้ จงตื่นตัวกับแผนการนี้ เมื่อมันปรากฎขึ้น ให้ลงมือทำทันที มันอาจแวบเข้ามาในรูแรงบัดาลใจหรือหยั่งรู้ จงทำด้วยความเชื่อถือและทำทันทีที่ได้รับรู้
-มโนภาพเป็นทางที่จะเพิ่มความภูิใจในตนเองและปรับปรุงศักยภาพของเรา วิธีซิลวา

กระตุ้นจิตใต้สำนึกของคุณ
-๑.หาที่สงบ หลับตา เปล่งเสียงพูดข้อความ จำนวนเงิน ระยะเวลา รายละเอียดธุรกิจ แล้วนึกภาพตัวคุณเองได้เงินนั้นแล้ว ตัวอย่างเช่น คุณต้องการเงิน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ ภายใน ๑ มกราคม ๕ ปีหลัวจากนี้ และคุณเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย ยอดขายของคุณจะทำให้ได้เงินก้อนนั้นมา ดังนั้นข้อความที่คุณตั้งใจไว้จะเป็น ดังนี้
เมื่อถึง ๑ มกราคม ปี.... ฉันจะต้องมีเงิน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ ซึ่งเงินจะค่อยๆ หลั่งไหลมาหาฉันอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้เงินนั้นมา ฉันจะทำงานอย่างสุดความสามารถที่มีอยู่ ฉันจะให้บริการการขายให้ดีทั่สุด ทั้งปริมาณและคุณภาพในผลิตภัณฑ์...(บอกรายละเอียดงานบริการหรือธุรกิจที่คุณตั้งใจจะทำ)
ฉันเชื่อมั่นว่าฉันจะได้เงินนั้นมา ศรัทธาของฉันจะแรงกล้าจนสามารถมองเห็นเงินนั้นอยู่ตรงหน้า ฉันสามารถสัมผัสมันด้วยมือของฉัน เมื่อถึงเวลานั้นเงินจากการทำงานนี้จะรอฉันอยู่ ฉันกำลังรอแผนงานที่จะทำเงินนั้น และจะทำตามแผนทันที
-๒.ทำซ้ำก่อนนอน หลังตื่น จนกว่าจะเห็นเงินที่ต้องการ ในจินตนาการ
-๓.วางแผ่นกระดาษที่เขียนไว้ในที่ๆเห็นได้ง่ายในเวลากลางวันคืน และอ่านมันก่อนนอนหลังตื่น จนจำได้หมด
/ทุกครั้งที่พบอุปสรรค ทุกครั้งที่ล้มเหลว และทุกครั้งที่เจ็บปวดใจ มันได้กำไรชีวิตแก่เราเทียบเท่ากันหรืออาจมากกว่า/

 

บทที่ ๖ ความรู้เฉพาะทาง

-ความรู้ไม่สมารถทำเงินได้เลย หากปราศจากการจัดการหรือวางแผนในการนำไปใช้ ความรู้เป็นแค่ปัจจัยของอำนาจเท่านั้น จะเกืดอำนาจได้เมื่อมีการบริหารให้เป็นไปตามแผน เป้าหมายที่วางไว้เท่านั้น
-ข้อผิดพลาดของระบบการศึกษาทุกวันนี้ คือ ขาดการเชื่อมโยงในการนำความรู้ไปใช้ รากศัพท์แปลว่าการดึงออกมาหรือพัฒนาจากข้างใน

คุณสามารถหาความรู้ได้มากมายเท่าที่ต้องการ
-การระดมความคิดต้องเกิดจากกลุ่มคนที่ล้วนมีเป้าหมาย อุดมการณ์เดียวกัน และต่างมีความรู้ ความสามารถมารวมกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน

วิธีการซื้อหาความรู้ และการที่จะรู้ว่าแหล่งความรู้อยู่ที่ใด ล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย
-แหล่งความรู้ --ประสบการณ์ การศึกษา การเรียนรู้กับผู้ร่วมงาน ระดมความคิด มหาวิทยาลัย หลักสูตนอบรมพิเศษ
-เราต้องจัดการความรู้ นำมาใช้เพื่อเป้าหมายที่แน่นอน โดยอาศัยแผนการ ความรู้จะไร้ค่าหากไม่นำมาใช้
-พนักงานที่เพียรพยายามใช้เวลาว่างที่บ้านเพื่อเรียนรู้มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำองค์กร
-จุดอ่อนที่เราไม่ค่อยอยากแก้ คือ ขาดความทะเยอทะยาน
-แผนการตลาดที่เธอทำให้ลูกชาย เธอทำเอกสาร ๕๐ หน้า เล่าความสามารถ ประวัติ ประสบการณ์ เอกสารระบุตำแหน่ง รวมถึงแผนการดำเนินงานที่จะทำต่อไปเมื่อได้ตำแหน่ง เธอใช้เวลาหลายสัปดาร์ในการทำ และส่งลูกไปห้องสมุดเพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็น และส่งเขาไป บ.คู่แข่งของเจ้านายในอนาคต -๖เดือนขึ้นเป็นรองประธาน
-การทำสิ่งใดให้ดีแต่แรกย่อมไม่ลำบากในภายหลัง
-สร้างนิสัยของการค้นหา แสวงหาโอกาส และทำมันให้สำเร็จโดยไม่ลังเล
-โลกยอมรับแต่ผู้ชนะ และไม่มีเวลาสำหรับผู้แพ้
-การที่จะได้ตำแหน่งสูงต่ำ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถควบคุมเงื่อนไขแห่งความสำเร็จได้หรือไม่ และถ้าต้องการควบคุมมันอีเหตุผลหนึ่งก็คือ ทั้งสำเร็จและล้มเหลวขึ้นกับนิสัยและความคุ้นเคยของเรา
-เราต้องวางแผนให้ดี เพื่อรีบถีบตัวเองขึ้นจากจุดต่ำสุด

ให้ไอเดียของคุณทำงานด้วยความรู้เฉพาะทาง
-ไม่มีราคาตายตัวสำหรับไอเดียที่ดูเข้าที
-ความสามารถ หมายถึงจินตนาการอันเป็นสิ่งเชื่อมโยงความรู้เฉพาะทางเข้ากับไอเดีย เพื่อสร้างสรรค์แผนการเพื่อนำไปสู่ความร่ำรวย
-ไอเดียสำคัญ ความรู้หาได้รอบๆตัวหาง่ายกว่าไอเดีย
/ความสุขไม่ได้เกิดจากการได้ครอบครองความสุขเท่านั้น แต่เกิดจากการที่ได้ทำอะไรแล้วมีความสุขด้วย/

 

บทที่ ๗ จินตนาการ
จินตนาการ ๒ แบบ
-แบบสังเคราะห์ --รวมไอเดียเก่าๆ
-แบบสร้างสรรค์ --ในรูปสังหรณืใจแรงบันดาลใจ มันทำงานแบบอัตโยมัติ เพียงแต่ต้องสร้างแรงจูงใจ ให้จิตใต้สำนึก ให้พลัง มันจะไวต่อการรับรู้มาก โดยเฉพาะจิตสำนึกถูกกระตุ้นด้วยแรงแห่งปณิธานอันแรงกล้า หากไม่ค่อยใช้มีนจะอ่อนแอ
-การเปลี่ยนปณิธานเป็นเงินต้องใช้การวางแผน การวางแผนต้องใช้จินตนาการซึ่งต้องนำจิตนาการสังเคราะห์มาใช้ โดยดึงประสบการณื การศึกษา การสังเกตมาใช้ จะเกิดไอเดีย แล้วจึงนำไปประยุกต์ใช้
_lateral thinking
_six thinking hats
_the right side of the brain -betty etward
_writing the natural way-gabreal rico
_mind mapping superlearning-cheraodtrander.lenn sharoder
_a whack on the side of the head

ดึงจินตนาการสร้างสรรค์ออกมา
-ทุกสิ่งในจักรวาล ประกอบด้วย เวลา อวกาศ สสาร พลังงาน

วิธีการที่จะฝึกใช้จินตนาการ
-หม้อมหัศจรรย์--โค้ก ไอเดียที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

วิธีแปรเปลี่ยนไอเดียให้เป็นเงินเป็นทอง
-การทำงานหนัก และซื่อสัตย์อย่างเดียวไม่ทำให้รวย ความมั่งคั่งจะตอบสนองต่อความต้องการที่ชัดเจน ด้วยการนำหลักการไปประยุกต์ใช้
-ไอเดียคือความคิดที่พร้อมจะให้คุณนำไปทำ
-ส่วนสำคัญที่สุดของจินตนาการที่ใช้ในการตลาดคือ จังหวะเวลา
-คุณต้องใส่ไอเดียในจินตนาการ เพื่อให้มันเกิดผลในกางปฏิบัติ ยิ่งมีไอเดียง่ายๆพื้นๆ ยิ่งสร้างความคุ้มค่าให้คุณมากขึ้น คุณไม่ควนหาแต่ไอเดียที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนเกินไป
-เรื่องราวความรวยมักเกิดจากคนสร้างไอเดียพบคนขายไอเดีย แล้วทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธืภาพ คาร์เนกีจะแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่สามารถทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เพียงแต่มีคนสร้างไอเดียร่วมกับคนทัชี่นำไอเดียไปใช้ เท่านี้ก็ทำให้เขารวยได้
-แผนการที่ดีที่สุดต้องไม่ขึ้นกับโชค
-การเริ่มต้นไม่อยาก มันคือไอเดียที่เราต้องพัฒนา
-ความโชคดี อาศัยการกำหดนเป้าหมายที่แน่นอน ปณิธานจะบรรลุ และมความมุ่งมั่นในการศึกษาวิจัยหลายปี
-ขั้นแรกคุณต้องทุ่มชีวิตและกำลังทั้งหมดที่มีให้ไอเดียของคุณ และมันจะทำลายอุปสรรคไปจนสิ้น
/จงแสดงออกด้วยการกระทำก่อนที่จะประกาศให้โลกรู้ถึงสิ่งที่ตั้งใจไว้/

 

บทที่ ๘ การวางแผนอย่างเป็นระบบ

คำแนะนำพื้นฐานสำหรับวางแผนปฏิบัติ
-จงพาตนไปอยู่ในกลุ่มคนที่จะช่วยสร้างสรรค์ และคิดแผนเพื่อความมั่นคง ใช้หลักระดมความคิด จงทำตามคำแนะ อย่าละเลย
-ก่อนจะสร้างทีม ตัดสินใจก่อนว่าคุณจะให้ผลประโยชน์อะไรกับสมาชิก เพื่อตอบแทนวามร่วมมือ
-พยายามจัดประชุมอย่าง ๒ครั้ง ต่อสัปดาห์ จนกว่าแผนจะเสร็จ
-รักษาความสัมพันธ์กับสมาชิก หลักระดมจะไม่ได้ผลเลยหากไม่มีความสัพันธ์ที่ดีต่อกัน
ข้อเท็จจริง
-คุณต้องมีส่วนร่วมในภาระที่สำคัญ เพื่อแน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จ ต้องมีแผนรองรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
-ต้องใช้ความได้เปรียบที่ตวเองมีในด้านต่างๆ

-ไม่มีใครมีประสบการณ์ ความรู้ ศักยภาพเพียงพอที่จะได้มาเพื่อความรวยโดยปราศจากผู้อื่น ทุกแผนควรมีส่วนร่วมกับทุกคนในทีม อาจต้องเริ่มหรือแก้แผนใหม่ แต่จงให้ทุกคนยอมรับแผนการนั้นเสมอ

ถ้าแผนการแรกล้มเหลว จงลองแผนต่อไป
-คนส่วนใหญ่พบความล้มเหลว เพราะขาดความมุ่งมั่น
-ถ้าไม่มีแผนการที่ดีและใช้ได้จริง คนที่ฉลาดที่สุดก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จ
-ความล้มเหลวชั่วคราว มีความหมายเพียงว่าแผนมีข้อบกพร่องบางอย่าง
-ความสำเร็จของคุณขึ้นอยู่กับแผนการ
-ไม่มีอะไรเอาชนะคุณได้ ถ้าคุณไม่ถอดใจยอมแพ้ก่อน
-เมื่อความล้มเหลวมาเยือน จงรู้เพียงว่ามันเป็นสัญญาณเตือนว่าแผนไม่ดีพอ
-การคัดเลือกทีมระดมสมอง คุณควรเลือกคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คนงมงายว่าเงินสร้างเงินได้ มันไม่จริงเลย ปณิธานเท่านั้นที่จะเปลี่ยนเป็นเงินทองได้
-ในการปฏิบัติ ความมั่งคั่งอาจเริ่มจากขายงานบรอการเฉพาะบุคคลหรือขายไอเดีย ถ้าไม่มีผลิตภัณฑ์หรือทรพย์สินในมือ

ผู้นำหรือผู้ตาม
-คนที่สามารถตามผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก่อน ย่อมเป็นบุคคลที่มีศักยภาพสูงในการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ฉลาดมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง รวมถึงโอกาสที่จะได้เรียนรู้ความรู้จากผู้นำ
ลักษณะเด่นของผู้นำ
-๑.กล้าหาญ ยืนหยัดบนพื้นฐานความรู้และวิชาชีพของตน
-๒.ควบคุมตนเอง
-๓.สำนึกความยุติธรรม ถ้าขาดจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้ตาม
-๔.ตัดสินใจแน่วแน่ เด็ดขาด แสดงความมั่นใจในตัวเอง จะนำคนได้สำเร็จ
-๕.แผนการที่ควร ต้องวางแผน และลงมือทำ
-๖.นิสัยทำงานเกินกว่าค่าตอบแทน ผู้นำต้องเต็มใจที่จะทำงานมากกว่าลูกน้อง
-๗.บุคลิกภาพดีเป็นที่ประทับใจของผู้อื่น ผู้ตามจะไม่ยอมนับถือผู้นำทีบุคลิกภาพดีน้อยกว่า
-๘.ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ เข้าใจลูกน้องและปัญหาของลูกน้อง
-๙.ความรอบรู้ในงานปลีกย่อย
-๑๐.เต็มใจรับผิดชอบอย่างเต็มที่ เต็มใจรับผิดชอบข้อผิดพลาดและจุดอ่อนของลูกน้อง ถ้าลูกน้องคนใดทำพลาดหรือไร้ความสามารถ คุณต้องพิจารณาว่าคุณนั่นแหละเป็นผู้ล้มเหลว
-๑๑.ความร่วมมือ ต้องเข้าใจรู้จักประยุกต์หลักการประสานความร่วมมือร่วมใจ สามารถชักชวนให้ลูกน้องทำตาม ผู้นำต้องการพลัง และพลังต้องการความร่วมมือ
ภาวะผู้นำ ๒ ประเภท
-๑.มีประสิทธิภาพสูงสุด ยอมรับ ให้ความเห็นอกเห็นใจ
-๒.ใช้การบังคับ ไม่ยอมรับและเห็นอกเห็นใจ

สาเหตุ ๑๐ ข้อ ที่ทำให้ผู้นำล้มเหลว
๑.จัดการกับเรื่องปลีกย่อยไม่ได้
๒.ไม่เต็มใจทำงานบริการต่ำๆ บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือคนที่พร้อมรับใช้ทุกคน
๓.คาดหวังผลตอบแทนจากความรู้ มากกว่าใช้ความรู้ลงมือทำ
๔.กลัวการแข่งขันจากผู้ตาม ผู้นำที่ดีจะใช้ความรู้ร่สมกับบุคลิกภาพที่่าประทับใจ ในการเพิ่มพูนศักยภาพของผู้อื่นเพื่อผลที่ดีกว่า
๕.ไร้จินตนาการ สร้างแผนดีๆไม่ได้
๖.ความเห็นแก่ตัว ผู้นำแท้จริงย่อมไม่ขอรับเกียรติใดๆ ขอเพียงความพอใจในความสำเร็จเท่านั้น เขาตระหนักดีว่าคนทำหนักเพื่อให้ได้รับความยกย่องมากกว่าเงินทอง
๗.ทำตามอำเภอใจ ทำลายความอดทนของผู้ตาม
๘.ความไม่ภักดี
๙.ให้ความสำคัญกับอำนาจผู้นำมากเกินไป ผู้นำที่ดีจะนำโดยกระตุ้น โดยไม่ให้ความกลัวเข้าไปในจิตใจลูกน้อง
๑๐.ให้ความสำคัญแก่ยศศักดิ์ ทางสู่ผู้นำที่ดีจะเปิดกว้างสำหรับคนที่ปราศจากแบบแผน พิธีการ และการโอ้อวด
-คุณจะได้ในสิ่งที่คุณจ่ายไป
-ความฉลาดเป็นสิ่งดี แต่ความมืออาชีพสำคัญกว่า

ทำอย่างไรจึงจะได้งานที่ปรารถนา
๑.ตัดสินใจให้แน่ชัดว่างานแบบไหนที่คุณต้องการ
๒.เลือกบริษัทหรือคนที่คุณอยากทำงานด้วย
๓.จงเรียนรู้ว่านายจ้างของคุณ ทั้งด้านการบริหาร เรื่อส่วนตัว โอกาสในการก้าวหน้า
๔.วิเคราะห์ตัวคุณเอง พรสวรรค์ ความสามารถ ประเมินสิ่งที่คุณมี วางแผนหาทางที่เชื่อว่าตนเองมี เพื่อความสำเร็จในอนาคต
๕.จงใส่ใจแต่สิ่งที่คุณจะให้
๖.เมื่อมีแผน เขียนลงไปอย่าละเอียดครบถ้วน
๗.นำเสนอต่อคนที่เหมาะสมและหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทุกบริษัทมีที่ว่างเสมอ สำหรับคนที่มีแผนปฏิบัติการที่เป็นประโยชน์กับบริษัท
-ไม่ว่าเพิ่งเริ่ม หรืออยู่กลางทาง ล้วนต้องวางแผนอย่างรอบคอบและเข้าใจ
-เราเป็นอย่างที่เราอยู่ ที่เราทำ เพราะพฤติกรรมของเรานั่นเอง
ถ้ามีหลักการของเหตุผลที่ใช้ควบคุมธุรกิจ การเงิน ฯลฯ เราใช้หลักการเดียวกันเพื่อควบคุมคน และกำหนดสภาวะทางเศรษฐกิจ

การตลาดสำหรับบริการ QQS(Quality,Quantity,Spirit) ทำจนเป็นนิสัย
-คุณภาพ สิ่งที่แสดงออกมาทุกรายละเอียดความสัมพันธ์อันดี ด้วยจิตที่เปี่ยมด้วยความพร้อมที่จะให้สิ่งซึ่งดีกว่า
-ปริมาณ นิสัยให้บริการทั้งหมดที่จะให้ได้
-จิตวิญญาณ อ่อนโยน ประสานสัมพันธ์ความร่วมมือ
-คาร์เนกียืนยันกับคนที่ทำงานให้มีอัธยาศัยที่ดีต่อกัน เพื่อพิสูจน์ว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
-บุคลิกภาพที่น่าประทับใจ เป็นส่วนสำคัญในการให้บริการด้วยจิตวิญญาณ
-ไป เพื่อให้

พื้นฐานความล้มเหลว
๑.พันธุกรรมไม่ดี
๒.ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน
๓.ขาดความทะเยอทะยานที่จะตั้งเป้าให้เกินธรรมดา
๔.การศึกษาไม่พอ
๕.ขาดวินัยในตัวเอง
๖.สุขภาพไม่ดี
๗.สภาพแวดล้มในวัยเด็กแย่
๘.ผัดวันประกันพรุ่ง
๙.ขาดความมุ่งมั่น
๑๐.บุคลิกภาพไม่ดี
๑๑.ขาดการควบคุมแรงกระตุ้นทางเพศ
๑๒.ไม่ควบคุมความอยากในการเสี่ยงโชค
๑๓.ขาดพลังการตัดสินใจ
๑๔.มีความกลัวพื้นฐาน ๖ ประการ (จน ถูกตำหนิ ทำไม่ด ขาดรัก ชรา ตาย)
๑๕.เลือกคู่ผิด
๑๖.รอบคอบมากไป ไม่ฉวยโอกาส
๑๗.เลือกเพื่อนธุรกิจผิด จงเลือกนายที่ควรเลียนแบบ
๑๘.งมงาย อคติ
๑๙.เลือกวิชาชีพผิด
๒๐.ไม่จดจ่อกับงานที่ทำ
๒๑.ใช้จ่ายขาดสติ
๒๒.ขาดความกระตือรือร้น
๒๓.ไม่ยอมรับความคิดต่าง
๒๔.ไม่ยับยั้งชั่งใจ
๒๕.ไม่สามารถทำงานกับผู้อื่นได้
๒๖.ได้อำนาจที่ไม่ได้มาจากความพยายามของตน
๒๗.จงใจทุจริต
๒๘.ถือตัวว่าเหนือกว่า ยโส
๒๙.คาดเดาแทนที่จะคิด
๓๐.ไม่ยอมลงทุน
๓๑. อื่นๆ

คุณมีคุณค่าเท่าไหร่
-คุณค่าจะกำหนดโดยความสามารถที่เป็นประโยชน์หรือชักนำให้ทำได้ ขึ้นอยู่กับผลงานของตัวเอง

แบบทดสอบถามเพื่อวิเคราะห์ตนเอง
๑.ฉันได้บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้สำหรับปีนี้หรือยัง? (คุณควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ทุกปี เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใรชีวิตด้วย)
๒.ฉันได้ให้บริการด้วยปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วหรือยัง หรือฉันปรับปรุงบริการนี้ได้อีกไหม?
๓.ฉันได้ให้บริการที่มีคุณภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือยัง?
๔.จิตวิญญาณแห่งความประพฤติของฉัน สร้างความกลมเกลียวและร่วมมือกันตลอดเวลหรือไม่?
๕.ฉันปล่อยให้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งมาลดประสิทธิภาพไหม เพราะอะไร?
๖.ฉันได้ปรับปรุงบุคลิกภาพของฉันหรือไม่ ถ้าใช่เพราะอะไร?
๗.ฉันได้พากเพียรพยายามในการทำตามแผนการจนสำเร็จหรือไม่?
๘.ฉันได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ทุกครั้งไหม?
๙.ฉันได้ยอมให้ความกลัว ๖ ประการมาลดประสิทธิภาพการทำงานฉันไหม?
๑๐.ฉันมีความระมัดระวังมากเกินไป หรือประมาทดกินไปหรือไม่?
๑๑.ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อร่วมงานดีไหม? ถ้าไม่ค่อยดี เป็นความบกพร่องของฉันบางส่วนหรือทั้งหมด?
๑๒.ฉันใช้พลังงานของตัวเองอย่างสูญเปล่า ด้วยการไม่มีใจจดจ่อกับงานที่ทำหรือไม่?
๑๓.ฉันได้เปิดใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดในเรื่องที่เกี่ยวข้องหรืไม่?
๑๔.ฉันได้ปรับปรุงความสามารถในการให้บริการอย่างไรบ้าง?
๑๕.ฉันมีอุปนิสัยมัวเมาหรือไม่ยับยั้งชั่งใจบ้างไหม?
๑๖.ฉันได้แสดงว่าถือตัวเหนือกว่าคนอื่นทั้งโดยเปิดเผยหรือปกปิดบ้างไว้หรือไม่?
๑๗.ฉันทำให้ผู้ร่วมงานนับถือหรือไม่?
๑๘.ความคิดเห็นและกาตัดสินใจของฉันขึ้นกับการคาดเดาหรือได้คิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว?
๑๙.ฉันได้บริหารจัดการเวลา ค่าใช้จ่าย และรายได้หรือไม่?
๒๐.ฉันได้ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สารหรือที่เป็นประโยชน์หรือไม่?
๒๑.ฉันจะบริการจัดการเวลาใหม่ และเปลี่ยนนิสัยเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ได้อย่างไร?
๒๒.ฉันละอายกับพฤติกรรมที่ขัดกับจิตสำนึกของตัวเองหรือไม่?
๒๓.ฉันได้ให้บริการมากกว่าและดีกว่าที่ตัวเองได้จ่ายเงินไปเพื่อซื้อบริการนั้นๆ หรือไม่?
๒๔.ฉันมีความยุติธรรมกับบางคนหรือไม่ ถ้ามี เป็นเพราะอะไร?
๒๕.ถ้าหาก ฉันเป็นเป็นผู้ซื้อบริการของตัวเองตลอดปีที่ผ่านมานี้ ฉันพึงพอใจกับการซื้อหรือไม่?
๒๖.ฉันได้ใช้วิชาชีพอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่?
๒๗.ผู้ซื้อบริการจากฉันได้รับความพึงพอใจจากการบริการของฉันบ้างรือไม่ ถ้าไม่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
๒๘.จากการประเมินหลักการพื้นฐานแห่งความสำเร็จของตัวเอง ผลเป็นอย่างไร? (จงประเมินอย่างยุติธรรม และให้คนอื่นที่กล้าพอที่จะตรวจสอบตัวคุณอย่างตรงไปตรงมาเป็นคนร่วมประเมินด้วย)
/ความหลงตัวเอง คือ หมอกควัน ซึ่งปกคลุมตัวตนที่แท้จริงของเราไว้โดยไม่รู็ตัว มันลดศักยภาพและเพิ่มความขัดแย้งในตัวเรา/

 

บทที่ ๙ การตัดสินใจ
-ตัดสินใจด้วนตัวคุณเอง
-หากตกอยู่ภายใต้อิธิพลความคิดของคนอื่น คุณจะไม่มีปณิธานของตัวคุณเอง
-จงเป็นตัวของคุณเองในการตัดสินใจ มั่งคงต่อไป อย่าให้ใครมาทำลายความมั่นใจของคุณ อว้นแต่ทีมระดมความคิด และต้องมั่นใจว่าคนในทีมมีวัตถุประสงค์เดียวกัน
-ถ้าต้องการข้อเท็จจริงหรือข้อมูลจากผู้อื่น ควรหาข้อมูลอย่างเงียบๆ อย่าเปิดเผยเป้าหมายของคุณออกไป
-สัญลักษณ์ของผู้มีสติปัญญาที่แท้จริง คือ เงียบ และถ่อมตน
-มิใช่คำพูดแต่เป็นการกระทำต่างหากที่มีค่า
-พลังที่ใช้กำหนดชะตาตัวเอง ๖ ประการ (ปณิธาน การตัดสินใจ ศรัทธา ความมุ่งมั่น การระดมความคิด การวางแผนการ)
-ทุกย่างก้าวของผู็นำ ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หนักแน่น มั่นคง จำเป็นต้องใช้ความกล้า
/ไม่มีใครบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ถ้าไม่ยอมอุทิศตนให้กับมัน/

 

บทที่ ๑๐ ความมุ่งมั่น
-ทุกครั้งที่ล้มเหลวมันได้ให้กำไรชีวิตเรแล้วเช่นกัน
-ควรเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง

สร้างความมุ่งมั่นในตนเอง
-เป้าหมายที่แน่นอน
-ปณิธาณ
-ความเชื่อมั่นในตนเอง
-แผนการที่ชัดเจน
-รู้จริง อาศัยประสบการณ์ การสังเกต การกระตุ้นตัวเองให้มุ่งมั่น อย่าคาดเดา
-ความร่วมมือ
-พลังแห่งความตั้งใจ
-สร้างนิสัย เอาชนะความกลัวโดยบังคับตนให้ทำ

จุดอ่อนที่ต้องกำจัด
๑.ล้มเหลวที่จะตระหนักรู้ และกำหนดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ
๒.การผัดวันประกันพรุ่ง จะโดยมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม (มักจะตามมาด้วยข้อแก้ตัวมากมาย และคำขอโทษ)
๓.ขาดความสนใจในการหาความรู้เฉพาะทาง
๔.ความไม่กล้าตัดสินใจ และนิสัยจับจด แทนที่จะเผชิญกับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา (มักตามด้วยคำแก้ตัวและคำขอโทษเช่นกัน)
๕.ติดนิสัยพึ่งพาการขอโทษ แทนที่จะวางแผนแก้ไขปัญหา
๖.พอใจแต่สิ่งที่ตัวเองมี สิ่งนี้ยากที่จะแก้ไข และค่อนข้างสิ่งหวังสำหรับคนเป็นเช่นนี้
๗.ความไม่ใส่ใจ มีกจะสะท้อนว่า คุณพร้อมที่จะยอมตายมากกว่าเผชิญและต่อสู้กับอุปสรรค
๘.นิสัยชอบการกล่าวโทษผู้อื่นในความผิดพลาดของตัวเอง และเมื่อตัวเองอยู่ในสภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
๙.ขาดปณิธานอันแรงกล้า เนื่งอจากคุณละเลยที่จะสร้างแรงจูงใจที่จะผลักดันให้ลงมือทำ
๑๐.เต็มใจที่จะล้มเลิกตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่ายแพ้ (ขึ้นกับความกลัว ๖ ประการ)
๑๑.ขาดการวางแผนที่ได้เขียนและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
๑๒.นิสัยเพิกเฉยที่จะลงมือทำตามความคิดตัวเอง หรือฉวยโอกาสเมื่อมันเข้าหา
๑๓.อยากทำแต่ไม่ตั้งใจทำ
๑๔.นิสัยยอมรับสภาพความยากไร้ แทนที่จะตั้งเป้าหมายให้ตัวเองร่ำรวย ขาดความทะเยอทะยานที่จะเป็น ที่จะทำ ที่จะครอบครอง
๑๕.ค้นหาแต่ทางลัดที่จะร่ำรวย พยายามที่จะได้อะไรมาโดยไม่ลงทุนลงแรง สะท้อนนิสัยนักพนัน หรือพยายามต่อรองด้วยวิธีทุจริต
๑๖.กลัวการถกวิพากวิจารณ์ สิ่งที่คนอื่นคิด ทำหรือพูด ทำให้การสร้างแผนการและการนำไปปฎิบัติที่ล้มเหลว นี่เป็นศุตรูที่อันตรายที่สุดของคุณ เพราะมันจะเข้าไปฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก โดยคุณเองอาจไม่รู้ตัว

ถ้าคุณกลัวถูกวิพากวิจารณ์
-คนสวยใหย่มักยอมให้ญาติ เพื่อนฝูง และสาธารณะชนมามีอิทธิพลต่อเขา เพราะกลัวถูกวิจารณ์ ดังนั้นเขาจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเอได้
-ใครก็ตามที่ถูกความกลัวเข้าครอบงำ จะเกิดความเสียหายที่แก้ไขได้ยาก เพราะมันจะทำลายความทะเยอทะยาน และปณิธานที่จะประสบความสำเร็จ
-ความรับผิดชอบไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำลายความทะเยอทะยานส่วนตัว และสิทธิ์ที่ใช้ีวิตในแนวทางของตัวเอง
-ไอเดียส่วนใหญ่ไม่ได้ผล เราจำเป็นต้องใส่ความมีชีวิตชีวาลงไปในไอเดีย ด้วยแผนที่ชัดเจนและลงมือทำทันที การบ่มเพาะไอเดียต้องทำตอนตั้งแต่มันเริ่มเกิดขึ้น ทุกๆนาทีที่ยังมีไอเดียอยู่ จะช่วยให้มันคงอยู่ต่อไป ความกลัวถูกวิจารณ์เป็นตัวทำลายไอเดียทั้งหมด ทำให้ไม่ถึงแผนการที่วางไว้

สร้าง"โชค"ด้วยตัวเอง
๑.มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ร่วมด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่จะบรรลุเป้าหมาย
๒.มีแผนการที่ชัดเจน ตามด้วยการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
๓.ไม่ยอมให้อิทธิพลเชิงลบที่จะทำให้ท้อถอย รวมไปถึงคำแนะนำเชิงลบ จากญาติมิตร และคนรู้จักเข้ามาสู่จิตใจได้
๔.พยายามสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่กระตุ้นเตือนให้คุณทำตามแผนและจุดมุ่งหมายที่วางไว้
-ความโชคดี ควบคุมได้ ไม่ว่ารู้ตัวหรือไม่รู้ตัว สามารถนำโชคให้ตัวเองได้ ๒ วิธี คือตั้งใจให้ตัวเองอยู่ในวิถีนำโชค และคุณต้องทำให้คนอื่นอยากช่วยเหลือคุณ เพราะควรค่าแก่การช่วย
/บนจุดสูงสุดของบันไดสู่ความสำเร็จ จะมีคนอยู่ไม่มากนัก/

 

บทที่ ๑๑ พลังแห่งการระดมความคิด
-การบริหารจัดการความรู้อย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการสร้างความร่ำรวย และรักษาเงินทองที่ได้มาอีกด้วย

แหล่งกำเนิดของความรู้
-อัจฉริภาพแห่งจักรวาล เราได้รับด้วยจินตนาการสร้างสรรค์ที่มาจากจิตใต้สำนึก
-ประสบการณ์ที่ได้สะสมมา ประสาบการณ์ที่มนุษย์ได้สะสมไว้ในห้องสมุด เราได้อีกส่วนหนึ่งจากการเรียนการสอนซึ่งมีคุณภาพและมาตรฐาน
-การทดลองและการวิจัย มันจะเป็นแหล่งความรู้ที่คุณใช้ หากคุณไม่สามารถหาความรู้จากประสบการณ์ของตนได้ และอาจต้องใช้จินตนาการร่วมด้วย

-เราเปลี่ยนความรู้ที่ได้ให้เป็นพลังได้ ด้วยการจัดการความรู้เพื่อนำไปสู่แผนการที่ชัดเจน และนำแผนนั้นไปทำ ถ้าแผนการใหญ่และรายละเอียดมาก คุณจำเป็นต้องหาคนมาร่วมมือ เพื่อเพิ่มความสามารถของคุณในการเปลี่ยนแผนให้เป็นพลัง

สร้างพลังจากการระดมความคิด
-ถ้าคุณทำตามคำแนะนำในบทที่ ๘ ด้วยความมุ่งมั่น มีไหวพริบ และพยายามแยกแยะในการคัดเลือกทีมระดมความคิดของคุณแล้วล่ะก็ คุณก็ได้บรรลุเป้หมายไปครึ่งทางแล้วโดยคุณอาจไม่รู้ตัว
ลักษณะของหลักการระดมความคิด ๒ ประการ
-พลังงานทางเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอาจได้มาจากใครก็ตามที่ทำให้ตัวเองแวดล้อมไปด้วยคำแนะนำ คำปรึกษา และความร่วมมือร่วมใจจากกลุ่มคนที่พร้อมจะช่วยอย่างหมดจิตหมดใจ ด้วยจิตแห่งความประสานสามัคคี รูปแบบการร่วมมือร่วมใจฉันมิตรเป็นพื้นฐานสำคัญของความร่ำรวยทั้งหลาย สถานะการเงินของคุณอาจขึ้นอยุ่กับว่า ตัวคุณเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดีหรือไม่
-พลังจิต เมื่อใจสองดวงมารวมกัน ย่อมสร้างสรรค์พลังที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ ไปสู่ดวงใจที่สามเสมอ เมื่อจิตของคนสองคนประสานกันด้วยจิตแห่งความสมานสามัคคี พลังงานจากจิตใจของแต่ละคนจะช่วยจับพลังงานจิตของคนอื่น มารวมตัวกันเป็นพลังจิตแห่งการระดมความคิด

-คนร่ำรวยมหาศาลใช้หลักการระดมความคิดทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถจะได้มาด้วยวิธีอื่นอีกแล้ว

วิธีเพิ่มพูนพลังสมองของคุณ
-เคล็ดลับพลังได้มาจากพลังสมองของคนอื่นล้อมรอบตัวผู้นั้นนั่นเอง พลังที่เพิ่มขึ้นก็มาจากจิตใจของสมาชิกแต่ละกลุ่มนั่นเอง
-จิตใจคนหนึ่งสามารถมีอิทธิพลความสำเร็จของจิตใจอีกคนหนึ่งได้
-การค้นหาคนไม่เพียงแต่แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับคุณได้เท่านั้น แต่ยังต้องเป็นคนที่สามารถแลกเปลี่ยนไอเดีย ข้อมูลใหม่ๆและเชื่อมต่อกับคุณได้ คนกลุ่มนี้จะช่วยให้คุณสามารถนำประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญของพวกเขาไปใช้ประโยชน์ได้ราวกับเป็นของคุณ และการที่เขาจะทำได้ก็ต้องมีความสมัครสมานกัน

ค้นหาสมาชิกในทีมระดมความคิดของคุณ
-จงเอาตัวคุณไปอยู่ในกลุ่มคนที่คุณต้องการ เพื่อให้เกิดระดมความคิดที่จะช่วยสร้างสรรค์และประสบความสำเร็จในแผนของคุณ จงให้ความร่าวมมือทำตามคำแนะนำอย่างจริงจัง
-คุณต้องเลือกคนที่มีเป้าหมาย ความสนใจ ปณิธานแรงกล้าที่จะทุ่มเทเช่นเดียวกับคุณ มี ๒ สิ่งที่จำเป็นต้องใส่ใจไว้ คือ ๑.ความสามารถในการทำงาน ๒.ความสามารถที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความสมานฉันท์ จำเป็นต้องมีการประชุมด้วยใจโดยไร้ข้อจำกัด ความทะเยอทะยานส่วนตัวต้องเป็นรองการบรรลุเป้าหมาย คุณต้องยืนยันเรื่องนี้อย่างลับๆ คนที่ให้ไอเดียพื้นๆได้ เพราะช่างพูด อย่าเอาเข้ามาในกลุ่ม
-จงปรับตัวให้เข้ากับสมาชิกทุกคนในกลุ่ม ให้ความสนใจกับภาษากายที่เขาแสดงออก บางทีสิ่งที่เขาพูดทิ้งไว้ก็มีความสำคัญ อย่าบีบบังคับให้คนในกลุ่มก้าวเร็วเกินไป จงยอมให้คนที่อยากทดสอบความคิดตัวเองได้มีโอกาสท้าทายของคุณบ้าง

ตอบแทนทีมระดมความคิดของคุณ
-ก่อนจะสร้างทีม จงตัดสินใจว่าอะไรบ้างที่คุณจะให้สิทธิประโยชน์กับสมาชิก ไม่มีใครทำงานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่มีคนฉลาดคนไหนร้องขอหรืหวังให้คนอื่นทำงานโดยไม่ได้รับการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
-จงให้เขาอย่างยุติธรรรม และใจกว้าง การที่สมาชิกได้รับการยอมรับ มีโอดาสแสดงความคิดเห็น อาจสำคัญพอๆกับเงินทอง
-หลักการของหุ้นส่วนที่ทำงานเกินเงินสำคัญมาก ในฐานะผู้นำคุณควรเป็นตัวอย่าง
-สมาชิกแต่ละคนต้องตกลงกันได้ตั้งแต่แรก

การประชุมทีมระดมของคุณ
-จัดประชุม จนกว่าคุณจะร่วมกันทำแผนที่จำเป็นหรือแผนสร้างความร่ำรวยเป็นผลสำเร็จ อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง
-ครั้งแรก เกี่ยวกับ การแยกแยะจุดแข็ง จุดอ่อน และปรับรายละเอียดของแผนการ พันธมิตรต้องมีความกระตือรือร้นที่จะทำงาน สร้างความรับผิดชอบ และวางขั้นตอนในการปฏิบัติ
-อย่าให้ประชุมสม่ำเสมอหรือทางการไป จงห้ามรับโทรศัพท์หรือตืดต่ออย่างไม่เป็นทางการ

ธำรงรักษาการระดมความคิด
-จงสร้างสรรค์บรรยากาสที่เป็นมิตร ยอมรับทุกความคิดเห็น ด้วยความสนใจ ใส่ใจในความรู้สึกผู้นั้น ทุกคนต้องอยู่กับผู้อื่นด้วยหลักจริยธรรม ต้องไม่มีใครในทีมหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม
-ในฐานะผู้นำ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนในทีม ว่าคุณได้อุทิศตนให้กับปณิธานซึ่งเป็นเป้าหมายของทีม สมาชิกต้องรู้ว่าคุณน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้
3เมื่อคุณพร้อมที่จะเสนอผลงานต่อนักลงทุน ผู้ซื้อ หรือสาธารณะชน คุณอาจถูกท้าทายภาวะผู้นำในการรักษาความสามัคคีในทีม ความพยายายมของทีมกำลังถูกตัดสินจากคนภายนอกและต้องเผชิญกับการตัดสินใจของผู้อื่นด้วยความกล้าหาญและอดทน ความกล้าของแต่ละคนเทียบไม่ได้กันทั้งทีม ยิ่งสามัคคีพลังยิ่งมาก และคุณก็จะชนะอุปสรรคได้

การแต่งงานกับการระดมความคิด
-จงทำให้มิตรภาพจากการระดมความคิดเข้ามาอยู่ในชีวิตแต่งงานของคุณด้วยตั้งแต่ต้น ความจริงแล้วครอบครัวของคุณควรถูกรวมเข้ามาเป็นพันธมิตรของคุณด้วย ครอบครัวที่เป็นหนึ่งกับทีมงานเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การระดมความคิดและอัจฉริยภาพแห่งจักรวาล
-กลุ่มคนร่วมใจกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี และทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจน หมายความว่าเขาได้วางตัวในตำแหน่งที่ซึมซับพลังแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่

พลังแห่งอารมณ์เชิงบวก
-ในการใช้พลังเพื่อไล่ตามเงินทองที่ต้องเอาชนะด้วยวิธีการเหมือนคู่รักให้ประสบความสำเร็จ ต้องผสมด้วย ศรัทธา ปณิธาน ความมุ่งมั่น ต้องประยุกต์ใช้แผนการ และนำไปทำ
-กระแสแห่งชีวิต ขึ้นอยู่กับขั้นตอนในการคิดของคนๆนั้น อารมณ์เชิงบวกจะสร้างกระแสนำพาคุณไปสู่ความมั่งคั่ง
-ความร่ำรวมจะแทนที่ความจนได้โดยการวางแผนอยางระมัระวังและไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วเท่านั้น
/ความคิดของมนุษย์เป็นขุมทองที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าขุมทองอื่นใดในผืนโลก/

 

บทที่ ๑๒ สัมพันธภาพทางเพศ

เสน่ห์ดึงดูด
-อารมณ์ของมนุษย์มีส่วนสำคัญในการสร้างกฎและอารยธรรม คนมักอยู่ใต้อิทธิพลของอารมณ์มากกว่าเหตุผล การสร้างสรรค์งานคุณต้องใช้อารมณ์ ไม่ใช้เหตุผลล้วนๆ
-จิตของเราตอบสนองกับสิ่งเร้า เช่น ความกระตือรือร้น จินตนาการสร้างสรรค์ หรือปณิธานแรงกล้า ได้แก่
๑.ความต้องการแสดงออกทางเพศ
๒.ความรัก
๓.ความปรารถนาในชื่อเสียง อำาจ ความมั่นคงทางการเงิน
๔.ดนตรี
๕.มิตรภาพ และการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
๖.กัลยาณมิตรที่พร้อมจะร่วมกันคิด และรดมความคิดเพื่อความก้าวหน้า
๗.ความเห็ฯอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
๘.การเสนอแนะตนเอง
๙.ความหวาดกลัว
๑๐.แอลกฮอล์และยา
-ความต้องการทางเพศมีผลต่อจิตในอันดับต้นๆ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งนี้ คนเราจะกล้าหาญ มีอำนาจจิต จินตนาการ ความสามารถในการสร้างสรรค์ มันกระตุ้นให้เรากล้าเสี่ยงและพยายามสร้างชื่อเสียง
-มันสามารถส่งผลดีให้กับร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ หากเราควบคุมและจัดการให้เป็นประโยชน์ได้ โดยใช้เพื่อสร้างงานวรรณกรรม ศิลปะ อื่นๆ รวมถึงความร่ำรวยด้วย นักขายที่เก่งที่สุดมักเป็นคนที่มีแรงดึงดูดทางเพศหรือแรงดึงดูดเฉพาะตัวมากที่สุด
-การเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดและการแสดงออกทางร่างกาย ไปกระตุ้นให้เกิกความรู้สึกตามธรรมชาติแก่ผู้อื่น คุณสามารถสร้างและพัฒนาคุณลักษณะนี้ได้จากการติดต่อกับคนอื่น ใช้มันสร้างความได้เปรียบในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ พลังส่งต่อผู้อื่นได้ด้วยวิธีการดังนี้
๑.การจับมือ
๒.โทนเสียง ที่ไพเราะและมีเสน่ห์
๓.กิริยาท่าทาง กระฉับกระเฉงแต่สุภาพเรียบร้อย
๔.บุคลิกภาพ ท่สามสารถโน้มน้าวผู้อื่นได้
๕.เสื้อผ้าและการแต่งกาย พิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้า และเหมาะสมกับบุคลิกภาพและสถานที่
-ข้อสรุป
๑.ผู้ปะสบความสำเร็จไม่เพียงพัฒนาธรรมชาติทางเพศ แต่ยังเรียนรู้สิลปะแห่งการแปรสภาพพลังแงกามารมณ์ด้วย
๒.คนที่ประสบความสำเร็จในด้านวรรณกรรม ศิลปะ และอุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม มักได้รับอิทธิพลและแรงจูงใจจากคนรัก
-ศักยภาพของจินตนาการสร้างสรรค์มาจาหแหล่งกำเนิเหล่านี้
๑.จากจิตใจของผู้อื่นที่ให้ไอเดียและหลักการ ผ่านความคิดในระดับจิตใต้สำนึก
๒.จากจิตใต้สำนึกของเราเอง ซึ่งรวบรวมความคิด ความประทับใจที่เคยประสบ
๓.จากแหล่งจิตใต้สำนึกของผู้อื่น
๔.อัจฉริยภาพแห่งจักรวาล
-เมื่อสมองถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้า ๑๐ ประการดังกล่าว มันจะยกระดับความคิดให้เหนือกว่าปกติ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้น และจนตภาพที่สูงขึ้น เข่นความสามารถในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ ความสามารถในการสร้างสรรค์จะเป็นอิสระที่จะทำงาน สัมผัสที่หกทำงานเต็มที่ พร้อมรับไอเดีย

พัฒนาจิตนาการสร้างสรรค์ของคุณ
-ยิ่งใช้ความสามารถในการสร้างสรรค์มาก ยิ่งทำให้คุณกระตือรือร้นและพร้อมรับปัจจัยซึ่งเกิดมาจากภายนอกจิตสำนึก และยิ่งเกิดความคิดและมีไอเดียมากขึ้นเท่านั้น เราพัฒนาได้ด้วยการใช้บ่อย
-ศิลปิน นักเขียน นักดนตรี นักกวี ล้วนรับฟังเสียงกระซิบแห่งจินตนาการ มักได้ไอเดีย จากความรู้สึกล่วงหน้าหรือความสังหรณ์ใจ
-หลับตา หรือนั่งอยู่ในห้องมืดสงบ รอไอเดียแว็บขึ้นมา
-จิตใตที่มีเหตุผลอาจบกพร่อง เพราะเราเอาประสบการณืหลากหลายมาใช้ แต่ความคิดสร้างสรรค์มักถูกต้องมากกว่า เพราะมันมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือกว่า

วิถีแห่งอัจฉริยบุคคลพร้อมแล้วสำหรับคุณ
-วิธีการที่จะดึงเอาความรู้มาจากศักยภาพแห่งการสร้างสรรค์
๑.ใช้สิ่งเร้ากระตุ้นจิตใจของตัวเองให้ทำงานมากกว่าปกติ
๒.กำหนดรู้ปัจจัยที่ควบคุมได้ (ส่วนงานประดิษฐที่สมบูรณ์) แล้วสร้างภาพในใจของปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ (งานที่ยังไม่เสร็จ) ขึ้นมา แล้วจึงนำภาพในใจลงไปสู่จิตใตสำนึก แล้วผ่อนคลาย ปล่อยวางความคิดอื่น รอจนกระทั่งเกิดแสงสว่างแห่งปัญญาขึ้นเองในใจ
จินตนาการ

ความรักสำคัญไฉน
-ความรักเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุดได้ มันมีอืทธิพลยาวนาน ผู้ที่ไม่สามารถถูกระตุ้นด้วยความรักให้ประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างสิ้นหวัง เหมือนตายแล้วแต่ยังมีชีวิตอยู่
/ความสำเร็จไม่ต้องการคำอธิบาย ความล้มเหลวไม่ยอมรับคำแก้ตัว/

 

บทที่ ๑๓ จิตใต้สำนึก
หลักการทั้ง ๑๓ ประการที่เป็นพื้นฐานหนังสือเล่มนีเ จะเป็นตัวกระตุ้นให้คุณสมารถเข้าถึงและชักนำจิตใตสำนึกได้ อย่าท้อถ้าทำไม่ได้ในครั้งแรกจำไว้ว่าเราสามารถสั่งจิตใต้สำนึกด้วยการทำจนเป็นนิสัย แต่ถ้าคุณยังไม่มีเวลาพอที่จะจัดการกับศรัทธา จงอดทนและมุ่งมั่นต่อไป
-หากไม่ปลูกฝังปณิธานลงไปในจิตใต้สำนึก จะทำให้ความคิดทั้งเชิงลบและบวกเข้ามาในจิตใต้สำนึกอย่างต่อเนื่องและเติบโตแทน อันเป็นผลจากการละเลยข้อนี้ ความเหล่านี้มาจากแหล่งกำเนิด ๔ ประการ
๑.จิตสำนึกของผู้อื่น
๒.จิตใต้สำนึกของคุณเอง
๓.จิตใต้สำนึกของผู้อื่น
๔.อัจฉริยภาพแห่งจักรวาล
-คุณควรปิดกั้นความคิดเชิงลบ และชักนำจิตใต้สำนึกด้วยหลังความคิดเชิงบวก เมื่อทำได้ คุณจะควบคุมประตูลู่จิตใต้สำนึกได้ทั้งหมด ไม่ความคิดไม่พึงปรารถนาใดๆ มากล้ำกรายจิตใต้สำนึกของคุณได้

อารมณ์เชิงบวก ๗ ประการ
-อารมณ์แห่งปณิธาน
-ศรัทธา
-รัก
-กามารมณ์
-ความกระตือรือร้น
-พิศวาส
-ความหวัง
(มันจะถูกควบคุมด้วยการใช้มัน)

อารมณืเชิงลบ ๖ ประการที่ควรเลี่ยง
-กลัว
-อิจฉา
-เกลียดชัง
-อาฆาตแค้น
-โลภ
-งมงาย
-โกรธ
/เมื่อเราไม่ใส่ใจกับความยากลำบากที่มันเป็นอยู่ เราก็จะไม่ท้อแท้สิ้นหวัง/

 

บทที่ ๑๔ พลังแห่งสมอง
วิธีการที่จะรวมใจกันทำงานเป็นทีม
-เรานั่งบนโต๊ประชุม พูดคุยถึงปัญหาที่กำลังเจอแต่ละคนมีส่วนร่วมคิดในเรื่องอะไรก็ได้ที่เกิดขั้น ด้วยกระประยุกต์ใช้หลัก ที่ปรึกษาที่มองไม่เห็น วีธีกระตุ้นนี้ทำให้เกิดสิ่งประหลาดในการติดต่อกับแหล่งความรู้ที่ไม่รู้จักและนอกเหนือประสบการณ์
-ยิ่งคุณทำงานร่าวมกันมากเท่าไร สมาชิกก็ยิ่งได้เรียนรู้ที่จะคาดการณ์ความคิดของคนอื่น ทำให้ติดต่อกันด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้น และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจมากขึ้น
/ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มาจากการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ หาใช่ความเห็นแก่ตัวไม่/

 

บทที่ ๑๕ ประสาทสัมผัสที่หก
-เราจะนำไปใช้ต่อเมื่เราควบคุมหลักการอื่นทั้ง ๑๒ ประการแล้ว

ให้ผู้ยิ่งใหญ่เปลี่ยนชีวิตคุณ
-ผมพบว่าตัวเองพยายามเลียนแบบคนที่ผมชื่นชอบมากที่สุด สิ่งที่ดีที่สุด คือ พยายามเอาอย่างวีรบุรุษเพื่อให้เท่าเทียมกับท่าน โดยพยายามทำตัวให้เหมือน ชอบ รู้สึกเหมือนท่านเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ สรัทธาซึ่งผมได้พยายามเลียนแบบวีรบุรุษเหล่านั้น ทำให้ผมมีศักยภาพที่ยิ่งใหญที่จะทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ
-ผมสร้างนิสัยในการเปลี่ยนบุคลิกภาพของตัวเอง โดยพยายามเลียนแบบคนทั้งเก้าที่เคยมีชีวิตจริง ทุกๆคืนผมได้จัดประชุมในจินตนาการกับกลุ่มที่ประชุมที่มองไม่เห็นหลายปี
-วิธีคือ ผมหลับตาแล้วจินตนาการคนกล่มนั้นนั่งล้อมผมร่วมโต๊ะประชุม โดยผมเป็นประธาน ผมมีเป้าหมายชัดเจนกับวิธีนี้คือ การสร้างบุคลิกภาพของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดการผสมผสานแห่งบุคลิกภาพที่มาจากที่ปรึกษาแต่ละคนในจินตนาการของผม
เช่น คุณ....ครับ สิ่งที่ผมอยากได้จากคุณคือ...

พลังอันน่าตื่นตาตื่นใจของจินตนาการ
-ผมได้ศึกษาประวัติแต่ละคนด้วยความอุตสาหะ แต่ละครั้งที่ผมจัดประชุมในจินตนาการเริ่มกลายเป็นความจริงสำหรับผมมากขึ้น คนทั้งเก้าพัฒนาลักษณะเฉพาะตัวขึ้นมาจนผมแปลกใจ แม้การประชุมมีอยู่แต่ในจินตนาการ แต่พวกเขาได้ชักนำให้ผมไปสู่ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าอารมณ์ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจให้ผมซื่อสุตย์กล้าหาญ ชัดเจนในการแสดงความคิดเห็นของตัวเอง (เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับนักแต่งนิยายทุกยุค)
-เป้าหมายเดิมในการจัดประชุมในจินตนาการคือเสนอแนะตัวเองเพื่อประทับบุคลิกภาพที่ผมต้องการลงไปในจิตใต้สำนึก ปัจจุบันผมรจะเข้าร่วมกับที่ปรึกษาที่มองไม่เห็น เมื่อผมและลูกค้าของผมต้องเผชิญกับปัญหายากๆ ระหว่าประชุม ผมพบว่าตัวเองรับรู้ไอเดีย ความคิด ความรู้ที่ผ่านประสาทสัมผัสที่หกเข้ามา
-โปรดทบทวนประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่ห่วงว่าคุณได้เรียนรู้มากน้อยเท่าใด คุณจะพบว่าคุณสลัดความท้อแท้ทิ้งไป จัดการกับความกลัว ดึงจิจตนาการออกมาใช้ได้อิสระ
/มีแต่คนซึ่งรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิตเท่านั้น ที่จสามารถไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการ/

 

บทที่ ๑๖ หกปีศาจแห่งความกลัว
-การเตรียมไม่ยาก เริ่มจากการศีกษา วิเคราะห และทำความเข้าใจกับศัตรู ๓ ประการอย่างท่องแท้ คือ ไม่กล้าตัดสินใน ลังเลสงสัย กลัว
-การไม่กล้าตัดสินใจบ่มเพาะความกลัว การไม่กล้าตัดสินใจจะตกผลึกเป็นความลังเลสสัย รวมกันเป็นความกลัว
-คุณจะสามารถสร้างสรรค์ได้ต่อเมื่อเริ่มสร้างรูปแบบแห่งพลังความคิดขึ้นมาก่อน

ความกลัวที่พลังทำลายล้างมากที่สุด
-ความกลัวความยากจน
อาการของความกลัวยากจน
-ความไม่ใส่ใจ ไม่ทะเยอทะยาน เต็มใจอดทนต่อความยากจน เกียจคร้านทั้งกายและใจ ขาดจินตนาการ กระตือรือร้น และควบคุบตัวเอง
-ไม่กล้าตัดสินใจ ยิมให้คนอื่นคิดแทน รีรอ เลี่ยงการตัดสินใจ
-วิตกกังวล โดยการจับผิดผู้อื่น แนวโน้มใช้จ่ายเกินตัว เพิกเแยต่อภาพลักษณ์ตัวเอง หน้าบึ้งตึง ขาดความสุขุมเยือกเย็น หมกหมุ่นกับเรื่องของตัวเอง
-รอบคอบมากไป มักคิดและพูดถึงความล้มเหลวที่อาจเกิดแทนที่จะมุ่งสฟุ่ความสำเร็จ ไม่เคยคดหาแผนการที่จะเลี่ยงความล้มเหลว มักรอเวลาอันเหมาะสม จนติดนิสัยรอ
-ผัดวันประกันพรุ่ง ลังเล สงสัย วิตก มักปฏิเสธความรับผิดชอบ เต็มใจประณีประนอมมากกว่าฝ่าฟัน ไม่ค่อยต่อรองกับชะตาชีวิต คบกับคนที่ยอมรับสภาพความจนมากกว่าคนรวย

-ความกลัวถูกตำหนิแย่งชิงความคิดริเริ่มไปจากเราทำลายพลังจินตนาการ จำกัดบุคลิกเฉพาะตัว ความเชื่อมั่นในตัวเองหายไป พ่อแม่มักทำร้ายจิตใจลูกจนแก้ไม่ได้ด้วยการตำหนิ อันเป็นการสร้างปมด้อยในจิตใจลูก เราควรแนะนำในทางสร้างสรรค์แทนที่จะตำหนิซึ่งเป็นการปลูกฝังความกลัวและความไม่พอใจลงไปในจิตใจมนุษย์ โดยไม่ได้สร้างความรักและความพอใจเลยแม้แต่น้อย

อาการกลัวถูกตำหนิ
-ละอายตัวเอง อาการวิตก ไม่กล้าพูดต่อหน้าชุมชน เคอะเขิน ไม่กล้าสบตา
-ขาดความมั่นใจ น้ำเสียงไม่หนักแน่น กังวลเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน บุคลิกท่าทางไม่ดี ความจำไม่ดี
-บุคลิกภาพอ่อนแอ ตัดสินใจไม่แน่นอน ไม่มีเสน่ห์ แสดงความคิดเห็นออกมาไม่ได้ เลี่ยงการเผชิญหน้า คล้อยตามโดยปราศจากการตรวงสอบความคิดเห็นของผู้อื่นให้ดีก่อน
-รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ยอมรับสภาพโดยพยายามปกปิดความต่ำต่อยของตน ชอบชทเพื่อสร้างความประทับใจ เลียนแบบคนอื่นทั้งการแต่งกาย คำพูด ท่าทาง โอ้อวดความสำเร็จในจินตนาการ แสดงอาการยโสเพื่อปกปิดความต่ำต่อยของตน
-ความฟุ่มเฟือย ทำให้ตัวเองทัดเทียมกับผู้อื่น
-ปราศจากการคิดริเริ่ม เลี่ยงการตอบคำถามจากผู้ที่เหนือกว่า ท่าทางหูดจาลังเล หลงตัวเองทั้งการพูดและการกระทำ
-ขากความทะเยอทะยาน เกียจคร้านทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยืนหยัดในความคิดของตัวเอง ตัดสินใจช้า ชักจูงง่าย ยอมแพ้ตั้งแต่ไม่สู้ นินทาลับหลัง ประจบประเจง ระเวงผู้อื่นไม่มีสาเหตุ ไม่มีกาลเทศะทั่งกริยามารยาทและคำพูด ไม่เต็ยใจรับคำตำหนิ

อาการกลัวความเจ็บป่วย
-การเสนอแนะตัวเองในเชิงลบ ครุ่นคิดถึงอาการโรคต่างๆ ลองวิธีการรักษาที่ถูกแนะนำที่ปราศจากการแนะนำของแพทย์
-โรควิตกว่าตัวเองป่วย เป็นโรค
-การออกกำลังกาย
-ความต้านทานโรคไม่ดี
-สำออย แสร้งป่วยเพื่อปกปิดความเกียจคร้าน ความเฉื่อยชาของตัวเอง
-ไม่ยับยั้งชั่งใจ
-ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ

อาการกลัวสูญเสียคนที่รัก
-อิจฉา ระแวง กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน
-จับผิด เรื่องความขัดแย้งน้อยๆหรือไม่มีเหตุผลเลย
-ชอบพนัน ขาดความไว้วางใจในตัวเอง หงุดหงิดง่าย

อาการกลัวแก่ชรา
-ขาดความกระตือรือร้น ทำอะไรช้าลง เชื่อผิดๆว่าโอกาสจะหลุดไปเพราะอายุที่มากขึ้น ว่าแก่เกินไปที่จะทำอะไรให้มีคุณภาพ
-หมกหมุ่นอยู่กับคำพูดบางคำ ขอโทษตัวเองสำหรับความแก่ แทนที่จะพอใจในตัวเองที่ฉลาด รอบคอบ และเข้าใจโลกมากขึ้น
-แต่งกาย วางบุคลิกท่าทางไม่เหมาะสม ทำตัวเด็กกว่าวัย

-แนวคิดการลงโทษหลังความตายทำลายความน่าสนใจและความสุขของชีวิต
-ทุกอย่างบนโลกเกิดจาก ๔ สิ่ง เวลา อวกาศ พลังงาน สสาร ทั้งพลังงานและสสารเปลี่ยนรูปแบบได้ แต่ทำลายไม่ได้ ชีวิตคือพลังงาน
อาการกลัวตาย
-ย้ำคิดเกี่ยวกับการตาย แก้ได้โดยปณิธานอันแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ ร่วมกับการทำประโยชน์ให้ผู้อื่น คนที่ยุ่งอยู่กับงานมักพบว่าชีวิตเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเกินกว่าจะกังวลเรื่องความตาย
-อาจเกี่ยวกับกลัวความจ เพราะการตายทำให้คนรักยากจน
-ความเจ็บป่วย ภูมิต้านทานโลก
-โรคภัยไข้เจ็บ ความจน ไม่มีงานทำ ผิดหวังจากความรัก วิกลจริต คลั่งศาสนา

หายนะแห่งความวิตกและความคิดเชิงลบ
-กำจัดความวิตกทุกรูปแบบ ด้วยการตัดสินใจว่ามันไม่ได้ให้อะไรที่มีค่าเลย มันจะทำให้เรามีจิตใจมั่นคง สงบเยือกเย็น และมีความคิดสุขุมหนักแน่น ซึ่งจะนำความสุขมาให้
-คนที่พูดจาหรือมีความคิดไม่สร้างสรรค์ ย่อมมีประสบการณืที่ได้รับผลจากการย้อนกลับในเชิงลบของคำพูดนั้น ประการแรกผู้ที่ปล่อบความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ต้องได้รับความเสียหายจากการสูญเสียจินตนาการของตัวเอง ประการสอง อารมณืไม่สร้างสรรค์ทำให้เสียบุคลิกภาพ ประการที่สามความเสียหายมีผลต่อคนอ่นและฝังลงไปในจิตใต้สำนึกของคนที่ปล่อยออกมาด้วยจนกลายเป็นอุปนิสัย
-การทำธุรกิจให้สำเร็จ ค้องมีใจที่สงบนิ่ง หาสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต และเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข ความสำเร็จทั้งปวงเริ่มจากพลังความคิด
-คุณมีพลังที่จะสร้างความคิดใดก็ได้ตามต้องการ คุณควรรับผิดชอบด้วยการใช้ไปในทางสร้างสรรค์ คุณอาจชี้นำหรือควบคุมสภาพแวดล้อมของคุณเองทำให้ชีวิตเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ


ปฏิบัติการของปีศาจร้าย
-มันก่อตัวจากความล้มเหลว ฝังรากลึกลงไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว คือความพร้อมที่จะยอมรับอิทธิพลเชิงลบ คนที่ร่ำรวยจะปกป้องตัวเองจากอิทธิพลเชิงลบ คุณควรตรวจสอบตนอย่างรอบคอบว่าคุณยอมรับมันหรือไม่ ถ้าคุณไม่สนใจวิเคราะห์ก็เท่ากับคุณสละสิทธิ์ที่จะบรรลุเป้าหมาย บางครั่งมันมากับคำพูดปรารถนาดีของผู้อื่น ผ่านทัศนคติของเรา

วิธีการป้องกันตัวเองจากอิทธิพลเชิงลบ
-พลังแห่งความตั้งใจของคณจะเป็นตัวต่อต้าน คุณต้องใช้อย่างต่อเนื่องจนสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต้านมันได้สำเร็จ
-โดยธรรมชาติแล้ว ทุกคนมีความเกยจคร้าน เฉื่อยชา พร้อมที่จะยอมรับความกลัว และมีผลผ่านจิตใต้สำนึกของคุณและยากจะรู้ตัว จงปิดกั้นจิตใจจากใครก็ตามที่จะทำให้คุณซึมเศร้า รู้สึกไม่ดี เจ็บปวดหรือท้อแท้ไม่ว่ากรณีใดๆ
-จงหากลุ่มที่จะมีอิทธิพลต่อคุณในการคิดและลงมือทำเพื่อตัวคุณเอง ขณะที่เขากำลังช่วยให้คุณสมหวัง อย่ามองว่าเป็นปัญหา

คำถามเพื่อวิเคราะห์ตัวเอง
-คุณบ่นว่ารู้สึกแย่ใช่ไหม? อะรไรเป็นสาเหตุ
-คอยจับผิดด้วยเรื่องขัดใจเล็กน้อยใช่ไหม?
-มักทำงานผิดพลาดบ่อยๆใช่ไหม? อะไรเป็นสาเหตุ
-คุณพูดส่อเสียดให้คนอื่นรำคาญใจไหม?
-คุณจงใจเลี่ยงมีความสัมพันธ์กับผู่อื่นไหม เพราะ?
-คุณมีปัญหาอาหารไม่ย่อยไหม? อะไรเป็นสาเหตุ
-ชีวิตของคุณดูไร้ความหมาย และสิ้นหวังในอนาคตไหม?
-คุณชอบอาชีพที่ตัวเองทำอยู่ไหม? ไม่เพราะ?
-คุณรู้สึกสงสารตัวเองบ่อยไหม? เพราะ
-คุณอิจฉาคนที่เก่งกว่าไหม?
-คุณใช้เวลาส่วนใหญ่คิดเกี่ยวกับความสำเร็จหรือล้มเหลว?
-เมื่ออายุมากขึ้น คุณมันใจใตัวเองมากขึ้นหรือยิ่งเสียมันไป?
-คุณได้เรียนรู้บางสิ่งที่มีค่าจากการทำผิดใช่ไหม?
-คุณยอมให้คนรู้จักทำให้คุณต้องกังวลไหม? ถ้าใช่ ทำไม
-บางครั้งคุณตื่นเต้นกับชีวิต แต่บางครั้งก็ท้อแท้ใช่ไหม?
-ใครเป็นคนสร้างแรงจูงใจให้คุณได้มากที่สุด อะไรคือเหตุผล?
-คุณอดทนต่ออิทธิพลเชิงลบที่ทำให้ท้อแท้ได้ไหม?
-คุณไม่ค่อยใส่ใจบุคลิกท่าทางของคุณใช่หรือไม่ เป็นตั้งแต่เมื่อไร ทำไม?
-คนเรียนรู้วิธีการเพิกเฉยต่อความยุ่งยากด้วยการทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ใช่ไหม?
-เวลาขอให้คนอื่นทำตามสิ่งที่คุณคิด คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ต้องพึ่งคนอื่นใช่หรือไม่?
-มีสิ่งรบกวนใจที่ทำให้คุณรำคาญมากน้อยเพียงไร ทำไมจึงยอมทนอยู่?
-คุณใช้สารเสพติดเพื่อคลายกังวลไหม? ทำไมไม่ลองใช้พลังความตั้งใจจริงแทน?
-มีคนคอยกวนใจคุณไหม? เพราะ
-มีเป้าหมายที่แน่นอนไหม? คืออะไร มีแผนอะไรบรรลุเป้าหมายนั้น
-เป็นทุกข์กับความกลัวทั้งหกไหม? ประเภทไหน
-พัฒนาวิธีการป้องกันความคิดเชิงลบที่มาจากผู้อื่นไหม?
-เสนอแนะตัวเองเพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่จิตใจบ้างไหม?
-สิ่งใดที่มีค่าต่อคุณมากที่สุด การได้ครองทรัพย์สิน หรือสิทธิพิเศษของศักยภาพแห่งการควบคุมความคิดของตัวเอง?
-ถูกคนอื่นชุกจูงได้ง่ายทั้งที่ขัดกับการตัดสินใจของตัวเองหรือไม่?
-คุณได้เพิ่มคุณค่าให้กับคลังความรู้หรือสภาวะจิตใจของคุณทุกวันบ้างไหม?
-เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือพยายามเลี่ยงความรับผิดชอบ?
-วิเคระห์ข้อผิดพลาดและความล้มเหลว และพยายามหาประโยชน์จากมันไหม? หรือคุณมีทัศนคติว่าไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ?
-คุณบรรลุจุดอ่อนของคุณที่ทำให้เกิดความเสียหายมาสักสามข้อได้ไหม? และจะแก้ยังไง
-คุณให้กำลังใจคนอื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจไหม?
-คุณได้เลือกประสบการณ์ บทเรียนในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยพัฒนาตนเองบ้างไหม?
-คุณเองมีอิทธิพลเชิงลบกับคนอื่นบ้างไหม?
-นิสัยแบบใดของคนอื่นที่รบกวนคุณมากที่สุด?
-คุณมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง หรือปล่อยในคนอื่นมีอิทธิพลต่อตัวคุณ?
-เรียนรู้จะสร้างสภาวะจิตที่จะทำให้คุณสามารถปกป้องตัวคุณจากอิทธิพลเชิงลบหรือไม่?
-อาชีพของคุณสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ศรัทธาและความหวังไหม?
-รู้ตัวไหมว่ามีพลังแห่งจิตวิญญาณพอที่จะทำให้จิตใจเป็นอิสระจากความกลัวทุกรูปแบบ?
-ศาสนาที่คุณนับถือช่วยให้จิตใจคุณดีงามขึ้นไหม?
-รู้สึกเป็นหน้าที่ที่จะแบ่งปันความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยกับผู้อื่นไหม? ทำไม
-คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณเองโดยศึกษาจากเพื่อสนิทของคุณบ้างไหม?
-คุณเห็นความเชื่อมโยงระหว่างคนที่ใกล้ชิดคุณที่สุด กับประสบการณ์ที่ทำให้ไม่มีความสุขไหม?
-เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เป็นเพื่อสนิทจริงๆแล้วเป็นศัตรู เพราะเขามีอิทธิพลเชิงลบต่อจิตใจของคุณ?
-คุณใช้หลักอะไรในการตัดสินว่าใครช่วยเหลือคุณ และใครสร้างความเสียหายให้กับคุณ?
-เพื่อนสนิทคุณมีอำนาจเหนือจิตใจคุณ หรืออยู่ภายใต้อำนาจจิตใจของคุณ?
-ใน ๒๔ ชั่วโมงคุณอุทิศเวลาให้กับเรื่องใด? (อาชีพคุณ การนอน การเล่นพักผ่อน แสวงหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ ปล่อยเวลาให้ศูนย์เปล่า)
-คนที่คุณคุ้นเคยเป็นคนยังไง? (ให้กำลังใจคุณมากสุด ตักเตือนคุณมากสุด ทำให้คุณท้อถอยมากสุด)
-อะไรทำให้คุณกังวลมากสุด? ทำไมทนอยู่กับมัน
-เมื่อคุณได้รับคำแนะนำ คุณยอมรับโดยปราศจากข้อสงสัยหรือพยายามวิเคราะห์คำแนะนำนั้นก่อน?
-เหนือสิ่งื่นใดคุณปรารถนาอะไรมากที่สุด? ตั้งใจที่จะได้มันมาไหม เต็มใจสละความต้องการอื่นเพื่อแลกกับมันไหม อุทิศเวลามากน้อยเพียงไรในหนึ่งวันเพื่อให้ได้มันมา?
-เปลี่ยนใจบ่อยๆไหม? ทำไม
-คุณมักทำสิ่งที่เริ่มต้นไว้จนสำเร็จไหม?
-คุณประทับใจต่อธุรกิจ อาชีพ ปริญญา หรือความร่ำรวยของคนอ่นไหม?
-มักคล้อยตามคนอ่นที่คิดหรือพูดเกี่ยวกับคุณไหม?
-คุณชื่นชมผู้อื่นตรงฐานะทางสังคมหรือฐานะการเงิน?
-ใครเป็นคนเชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในคนที่มีชีวิตอยู่? นับถือเขาเพราะ
-อุทิศเวลามากน้อยแค่ไหนเพื่อศึกษาและพยายามตอบคำถามเหล่านี้? (คุณอาจต้องใช้เวลาหนึ่งวันตอบสิ่งเหล่านี้ จงกลับมาทบทวนทุกสัปดาห์ติดต่อกันหลายเดือน คุณจะอัศจรรย์ใจกับความรู้อันมีค่าที่เพิ่มขึ้น)

สิ่งเดียวที่คุณควบคุมได้โดยสิ้นเชิง
-คือความคิดของคุณนั้นเอง อาจมีความหมายเดียวกับที่คุณสามารถกำหนดชะตชีวิตของตัวเองได้ จิตใจของคุณเป็นทรัพย์สินแห่งจิตวิญญาณ จงปกป้องและดูแล ฟอร์ดมีจิตใจที่เขาสามารถควบคุมได้
-การควบคุมจิตใจเป็นผลมาจากการมีระเบียบวินัยในตัวเอง วิธีที่ให้ผลทางปฏิบัติมากที่สุดในการควบคุมจิตใจ คือ การสร้างนิสัยที่จะทำให้ตัวเองมุ่งอยู่กับเป้าหมายที่แน่นอน ด้วยแผนการที่วางไว้อย่างเป็นระบบ จงศึกษาประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จ เขาล้วยนควบคุมจิตใจตัวเองได้ และชักนำจนบรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้

๕๕ ข้อคนชอบแก้ตัว
-ถ้าฉันกล้าพอที่จะมองตัวเองตามสภาพแห่งความเป็นจริง ฉันพบว่าตัวเองได้ทำผิดไปแล้วฉันรีบแก้ไข ฉันได้รู้แล้วว่าฉันทำบางสิ่งผิดไป มิเช่นนั้ฉันคงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ฉันตระหนักแล้วว่ามีบางอย่างในตัวฉันที่ผิดพลาดไป ฉะนจะใช้เวลามากขึ้นเพื่อวิเคราะห์จุดออ่น และใช้เวลากับการแก้ตัวให้น้อยลง
-ข้อแก้ตัวคือผลผลิตแห่งจินตนาการของคุณเอง
-ชัยชนะครั้งแรกและยิ่งใหญที่สุด คือการชนะตัวเองการพ่ายแพ้ตัวเองเป็นสิ่งที่น่าอาย และเวร้ายเหนือสิ่งอื่นใด
-ฉันประหลาดใจมากเมื่อค้นพบว่า สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดเท่าที่ฉันเห็นในตัวผู้อื่น แท้ที่จริงก็คือสิ่งสะท้อนออกมาจากตัวฉันนั่นเอง
-มันเป็นเรื่องลึกลับสำหรับผมว่าทำไมคนเราจึงใช้เวลามากมายเหลือเกินในการหลอกตัวเอง ด้วยการสร้างข้อแก้ตัวเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง ถ้าเราทำตัวแตกต่าไปจากเดิม โดยใช้เวลาที่เสียไปนี้เพื่อการบำบัดรักษาความอ่อนแอในตัวเรา ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อแก้ตัวใดๆอีกต่อไป
-ชีวิตเหมือนกระดานหมากรุก และผู้เล่นฝั่งตรงข้ามของคุณคือเลา ถ้าลังเลในการเดินหมาก หรือเพิกเฉยที่จะเดินให้ทันกาล หมากของคุณจะถูกเวลากินไป คุณกำลังเล่นต่อสู้กับคู่แข่งที่จะไม่อดทนรอต่อความไม่กล้าตัดสินใจ!
-คุณจะพึงพอใจที่สามารถเอาชนะตัวเองได้ บีบบังคับให้ชะตาชีวิตจ่ายสิ่งที่เราร้องขอได้ รางวัลนั้นคุ้มค่ากับความพยายามของคุณ คุผณพร้อมจะเริ่มต้นและมั่นใจหรือยัง?
/จงจำไว้ว่าความมั่งคั่งร่ำรวยที่แท้จริงของคุณ ไม่สามารถวัดได้จากสิ่งที่คุณมี แต่วัดได้จากสิ่งที่คุณเป็น/

โพสท์โดย: molgnaw
แหล่งที่มา:Think & grow rich -napoleon hills
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
molgnaw's profile


โพสท์โดย: molgnaw
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยอิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?"ลาบูบู้" ไม่รอด โดนเขมรเคลมเรียบร้อยแล้ว..บอกรากเหง้ามาจาก "หน้ากาล"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สาว "เจี๊ยบ" ทำเนียนเดินรวมกับ นร.ญี่ปุ่น..ทำเอาหนุ่ม "บอย" ถึงกับแยกไม่ออกชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
รีวิวหนังสือ ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเองtorment: ทรมาน ระทมทุกข์"Colosseum" โคลอสเซียม ณ อิตาลีenhance: เสริม ยกระดับ ทำให้มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่