หลวงปู่ผู้ถูกทรมานจนกระดูกซี่โครงหัก เสียสละตนเพื่อวงการสงฆ์จนถึงอายุ 120 ปี
วันหยุดนี้ ขอเสนอบทความที่อาจทำให้ใครหลายคนน้ำตาซึมจากหัวใจแห่งการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่กับเมตตาไม่มีประมาณ
เรื่องเล่าต่อไปนี้มาจากพระสงฆ์ชาวจีนรูปหนึ่ง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเรียกขานท่านว่า “มาสเตอร์ซูยุ่น” คำว่ามาสเตอร์นี้ใช้เรียกอาจารย์ทางพุทธนิกายเซน หมายถึงผู้นำจิตวิญญาณของลูกศิษย์ หากเทียบกับวัฒนธรรมไทยคงใกล้เคียงคำว่า “หลวงพ่อ” หรือ “หลวงปู่” ที่เรียกขานกันด้วยความเคารพรัก
หลวงปู่ซูยุ่นอายุยืนมาก ท่านเกิดราว พ.ศ. 2383 ตรงกับช่วงสงครามฝิ่นพอดี ท่าผ่านเหตุการณ์ผันผวนนานัปการในช่วงห้าแผ่นดินสุดท้ายของราชวงศ์แมนจู และทันได้เห็นการก่อร่างสร้างตัวของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน ก่อนมรณภาพใน พ.ศ.2502 รวมอายุได้ 120 ปีพอดี
พ.ศ.2494 กองทหารคอมมิวนิสต์ยุคปฏิวัติวันธรรมบุกยึดพระอารามเก่าแก่ที่หลวงปู่ไปบูรณปฏิสังขรณ์ ฝ่ายทหารจับตัวท่านขังไว้หลายวันโดยไม่ให้น้ำและอาหาร เพราะถือว่าท่านอยู่ฝ่าย “ขบถ”
ระหว่างสอบสวน ท่านถูกทุบตีอย่างไร้ปราณี การทารุณกรรมครั้งนี้มีลูกศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าไว้อย่างละเอียดในชีวประวัติของท่าน แต่โหดร้ายเกินกว่าจะเล่าสู่กันฟัง
การทำร้ายนั้นทำให้กระดูกซี่โครงหักและเลือดไหลไม่หยุด ท่านอาการสาหัสถึงขั้นปางตาย ต้องไม่ลืมว่าขณะนั้นท่านอายุ 112 ปีแล้ว คนอายุน้อยกว่านี้ยังยากจะรับมือกับสถานการณ์โหดร้ายอย่างนี้ได้
เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย ท่านได้รับการรักษาพยาบาลในวัด ลูกศิษย์ใกล้ชิดสังเกตเห็นว่า แม้จะเจ็บปวดทรมานมาก ท่านก็ยื้ยุดกับความตายจนถึงที่สุด ลูกศิษย์ทนเห็นหลวงปู่เจ็บปวดทรมานไม่ได้ จึงขอร้องว่า ถ้าหลวงปู่ทนไม่ไหวแล้ว ก็ขอให้จากไปอย่างสงบเถิด อย่าได้กังวลต่อภาระที่คั่งค้างเลย ลูกศิษย์ทั้งหลายจะอาสาดูแลงานต่างๆ เอง ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะอารามหรืออื่นๆ
หลวงปู่ฟังคำร้องขอแล้วก็ขอบคุณ แต่บอกว่าท่านยังจากไปไม่ได้.... ไม่ใช่เพราะห่วงภาระต่างๆ แต่ท่านเกรงว่า หากมรณภาพลงในตอนนี้ผู้ที่ทำร้ายท่านจะได้รับกรรมหนัก เพราะทำร้ายพระสงฆ์จนถึงแก่ชีวิต หากท่านพยายามรักษาตัวให้รอดอีกระยะหนึ่งแล้วมรณภาพไปด้วยเหตุอื่น กรรมของคนเหล่านั้นจะเบาบางลง
หลวงปู่ซูยู่นฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บครั้งนั้นและมีชีวิตยืนยาวต่อมาอีกแปดปี ก่อนจะล้มป่วยลงและมรณภาพอย่างสงบในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ตุลาคม 2502