7 เหตุผลที่คนต่างชาติไม่เข้าใจเมื่อต้องทำงานกับคนญี่ปุ่น!!
ใครๆก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีคุณภาพและทุ่มเทให้การทำงานมาก จนเป็นที่ยอมรับกันว่านั้นคือสิ่งที่ฝังรากลึกในความเป็นญี่ปุ่นไปแล้ว แต่เมื่อลองถามคนต่างชาติ และประกอบกับประสบการณ์ตรง ผมก็ขอลิสต์เหตุผลที่มักจะทำให้เสียอารมณ์เมื่อทำงานที่ญี่ปุ่นมาฝากกัน
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าทำงานหนัก ต้องทำโอทีเยอะ ใครที่เคยทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น แม้แต่ในไทยเองก็ตามจะรู้ดีว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยเลิกงานตามปกติเท่าไหร่ บางก็ หนึ่งทุ่ม สองทุ่ม หรือใครหนักๆก็เลยไปอีก แต่อยากถามว่าทำไมต้องทุ่มเทถึงขนาดนั้น? หนึ่งในเหตุผลที่อยากจะฟังดูแปลกๆคือ กลับไม่ได้!!! เพราะที่ทำงานญี่ปุ่นโดยมาก หากหัวหน้าคุณยังไม่กลับ คุณก็ห้ามกลับ ไม่ใช่กฏบริษัทแต่อย่างใด แต่เป็นเหมือนธรรมเนียมไปแล้ว นั้นคือ ทำนาน (Stay long) ทำหนัก (Hard work) ต้องแสดงให้เห็นว่าเราทุ่มเทกับงานจริงๆนะ อีกเหตุผลคือ งานล้นมือเพราะการแบ่งเวลาในการทำงานนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพดีพอ (อาจจะเป็นเหมือนกันทุกประเทศ) โดยเฉพาะพนักงานขายทั้งหลายที่กว่าจะกลับจากหาลูกค้าก็เย็นแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งเมลล์ ส่งใบเสนอราคา ฯลฯ
และที่สำคัญ บริษัทที่ญี่ปุ่นโดยมากมักจะไม่จ่ายโอทีครับ!!!
2. คนญี่ปุ่นงานยุ่งตัวเป็นเกลียวจริงๆเหรอ??
เอ๊ะ มันยังไง ใครๆก็รู้ว่าอิมเมจของพนักงานบริษัทญี่ปุ่นคือดูต้องยุ่ง แบกกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ ทั้งคุยโทรศัพท์ ทั้งงานเอกสารเอย ต่างๆนานาๆ อีกทั้งยังมีโอทีอีก มันจะไม่ยุ่งจริงๆได้ยังไง? แต่จริงๆแล้ว เมื่อผมลองวิเคราะห์และจากการหาข้อมูลดู ก็พบว่าคนญี่ปุ่นในออฟฟิตส่วนหนึ่งนั้นไม่ได้ยุ่งจริงๆหรอก เหตุผลนั้นก็คือหากเทียบแล้วปกติพนักงานญี่ปุ่นนั้นต้องทำงานกันวันละ 12 ชม. ดังนั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่ไม่นิยมโอที กับงานปริมาณเท่ากัน เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด คนญี่ปุ่นจึงต้อง “แกล้งทำเป็นงานยุ่ง” เพื่อให้ครบเวลา หรือแม้แต่การทำงานให้ช้ากว่าความเป็นจริงจะได้ดูงานเยอะ (แน่นอนว่า บริษัทที่งานยุ่งจริงๆก็มี) ตัวเลขยืนยันนั้นมาจากการวิเคราะห์ คือเรื่อง GDP ต่อชม.เมื่อเทียบกับปริมาณชม.ทำงาน พบว่า ญี่ปุ่นนั้นน้อยกว่าอเมริกาเกือบๆครึ่งนึงเลยทีเดียว
อเมริกา:56.90 USD
เยอรมัน:50.90 USD
ญี่ปุ่น:36.10 USD
(ที่มา OECD)
3. อาวุโสนั้นคือที่สุด
น่าจะเรียกว่าเป็นค่านิยมของชาวเอเชียที่ถือเรื่องต้องมีกาลเทศะในการทำงาน และนับถือความอาวุโส (โดยมากจะเน้นที่อายุคนมากกว่าอายุงาน) นี้ถือว่าเป็นเรื่องดีดังที่สุภาษิตอาบน้ำร้อนมาก่อนมักจะใช้ได้ผลเสมอ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น ลำดับอาวุโสในที่ทำงานมันคนเป็นอะไรที่ฝังรากลึก และมีผลกระทบมากกว่ากับประเทศอื่นๆเลยทีเดียว โดยเฉพาะบริษัทเก่าๆที่ยังไม่ได้ปรับปรุงการรูปแบบบริหารซักที เรียกได้ว่าคุณอย่าหวังว่าจะได้เลื่อนขั้น หากมียังคนที่อายุงานมากกว่าคุณยังค้ำคออยู่แม้จะทำผลงานดีเท่าไหร่ก็ตาม คนญี่ปุ่นถือว่าพนักงานนั้นทำเพื่อบริษัทเป็นอันดับแรก ซึ่งอาจจะต่างจากฝรั่งที่มักจะทำเพื่อผลประโยชน์ร่วม และเรื่องการจ้างงานตลอดชีวิต (Lifetime employment) ที่เป็นธรรมเนียมของบริษัทญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสถานการณ์ได้เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางโลกมากขึ้น เมื่อคนรุ่นใหม่มาแทนที่คนหัวโบราณ และค่านิยมการทำงานแบบเดิมๆเริ่มไม่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่
4. ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากซับซ้อน
คนญี่ปุ่นนั้น ต้องยอมรับจริงๆเลยว่ามีความสามารถที่จะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากซับซ้อนได้ เรียกว่า บางอย่างก็อาจจะเกินความจำเป็นได้ ตัวอย่างเช่น การดำเนินเอกสารกับบริษัทญี่ปุ่น ทั้งๆที่เป็นบริษัทเอกชน แต่กลับมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน และโดยมากต้องอาศัยเอกสารตัวจริงที่มีตราประทับ อีกทั้งต้องผ่านหลายขั้นตอน ทั้งหัวหน้าทีม หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่าย ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนในการทำงานเข้าไปอีก หรือการข้อเปิดบริการต่างๆต้องมีหลักฐานและขั้นตอนที่ยุ่งยาก ราวกับงานราชการประมาณนั้น แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้เกิดความปลอดภัยสูง และมีระเบียบแบบแผนชัดเจน ถึงอย่างนั้นก็ตาม เราก็รู้ๆกันว่าบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆหลายๆเจ้าก็แพ้บริษัทฝรั่งไปแม้แต่ในตลาดบ้านเกิดตัวเอง เพราะตัดสินใจทางการตลาดที่ช้านั้นเอง
5 งานเลี้ยงหลังเลิกงาน
โนมิไก (Nomikai – 飲み会い) มันคืองานเลี้ยงกินดื่มหลังเลิกงานที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น จริงๆแล้วแม้แต่คนญี่ปุ่นเอง ที่ผมเคยสอบถามก็ไม่มีใครอยากจะไปมันซักคน! แต่ก็ยังเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้หากคุณต้องทำงานที่ญี่ปุ่น โดยหลักๆแล้วสมาชิกคือคนในที่ทำงานซึ่งรวมไปถึงหัวหน้าในแผนกและเพื่อนร่วมงาน จุดประสงค์ของมัน (ตามปากคำของหัวหน้า) คือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในที่ทำงาน เพื่อให้มาปรับทุกข์ หรือให้เสนอแนะจุดต่างๆ คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะพนักงานที่อาวุโสน้อยกว่ามักจะถือโอกาสนี่ในการพูดเรื่องต่างๆที่ตนเองหรือติดใจให้หัวหน้ารับรู้ (ซึ่งก็บางทีก็เมาจนพูดไม่รู้เรื่อง) แต่!!ดูเหมือนเหตุผลของมัน บางครั้งที่ไม่ได้มีเหตุอะไรก็จัดงานเพราะคนชวนนี่แหละที่แค่อยากกินดื่มให้หายเครียด หายเหนื่อยจากแรงกดดันที่ทำงานมาไม่เพียงเท่านี้งานเลี้ยงนั้นมักจะมี ก๊ง 2 หรือ 3 หรือ คาราโอเกะตามมา เรียกได้ว่าเอากันจนถึงเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายก่อนจะกลับ!! ซึ่งเรื่องโนมิไกนี่เป็นอะไรที่คนต่างชาติส่วนหนึ่งยากจะรับได้ เพราะการกินเลี้ยงนั้นมันต้องไปกินกับเพื่อนฝูงหรือคนสนิทที่เราอยากไป ไม่ใช่กับหัวหน้าหรือคนในแผนก! และการไปบ่อยๆหลายครั้งตลอดสัปดาห์ทำให้กลับบ้านดึก และไม่มีเวลาให้ลูกเต้าครอบครัว จนเกิดเป็นปัญหาภายในครอบครัวตามมาได้
6. ห้ามปฏิเสธ
น่าจะเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณในตัวคนญี่ปุ่นเลย เรื่องการตามน้ำ และไม่ทำตัวแปลกฝูง คนญี่ปุ่นถือเรื่องการตามน้ำในกลุ่มสังคม โดยเฉพาะในที่ทำงานเป็นอย่างมาก โดยคนญี่ปุ่นนั้นมักจะเรียกมันว่า บรรยากาศ (Kuki-空気) สำหรับความหมายจริงๆนั้นมันลึกกว่า คำว่า”บรรยากาศ”(เช่นบรรยากาศที่ทำงานฯลฯ)ในภาษาไทย มันคือการเข้าสังคม ความคิด กระแสของคนกลุ่มนั้นๆ ขอบเขตอำนาจ และความรู้สึกปลอดภัย นั้นคือเมื่อมีคนสร้างบรรยากาศโดยเฉพาะผู้ที่มีอาวุโสหรือคนที่มีอำนาจ คนญี่ปุ่นมักจะไม่ชอบให้มีคนมาทำลายบรรยากาศที่ตนเองสร้าง และถึงแม้จะไม่แสดงออกในทันที แต่ก็จะเกิดการกีดกันทางสังคมขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เช่นหากคุณถูกหัวหน้าเชิญไปงานเลี้ยงหลังเลิกงาน แล้วคุณปฏิเสธบ่อยๆ คุณจะถูกกีดกันขึ้น นั้นอาจจะหมายถึงอนาคตตำแหน่งงาน หรือการเติบโตได้ แม้ว่าในที่ทำงาน ประสิทธิภาพคุณดีแค่ไหน คุณสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างคล่องแคล่วก็ตาม เมื่อหัวหน้าไม่ถูกใจคุณด้วยเหตุผลนี้คนญี่ปุ่นจึงมันจะปฏิเสธไม่เป็น และนั้นเองเป็นสาเหตุให้เกิดวัฒนธรรมแปลกๆ ขึ้นมากมาย
7. การสื่อสารนั้นมันช่างยากจริงๆ
สำหรับการทำงานที่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นนั้น อุปสรรคที่มักจะเจอคือเรื่องการสื่อสารโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ในมุมมองของคนต่างชาตินั้น พนักงานญี่ปุ่นทั่วๆไป มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่ไม่สูงมาก และการจะเอาตัวรอดในบริษัทได้คุณก็ต้องหาหัวหน้าหรือคนที่สามารถสื่อสารกับคุณได้ หากคุณไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ยิ่งวัยเก่าๆนี่พูดอังกฤษไปตอบญี่ปุ่นมาเฉยเลยก็มี (แน่นอนว่าไม่รู้เรื่อง) ปัญหานี่เป็นปัญหาการศึกษาระดับชาติ ของญี่ปุ่น และกำลังเป็นที่ถกกันเพราะโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคในอีก 5 ปีข้างหน้านี่แล้ว อย่างไรก็ดีตอนนี้ก็เริ่มมีการรณรงค์ให้มีการเรียนภาษาอังกฤษทั้งในสถานศึกษา และที่ทำงาน รวมทั้งคอร์สการฝึก ภาษาและนักเรียนแลกเปลี่ยนก็มีมากขึ้น ในอนาคตนั้นก็หวังว่ากำแพงภาษานั้นบางลงก็ยังดี สำหรับคนที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้จะได้มีทางเลือกอนาคตมากขึ้น
nekoneko
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย



