หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ค้นพบร่องรอยการทำมัมมี่ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนตอนใต้

แปลโดย Kidmaiook

หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการทำมัมมี่มาแล้วไม่มากก็น้อย มัมมี่คือการนำศพมาดองด้วยสารเคมี และใช้ผ้าลินินสีขาวพันทั่วร่างกายเพื่อเป็นการรักษาสภาพของศพรอการกลับมาคืนร่างของวิญญาณผู้ตายตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งมัมมี่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ มัมมี่ที่เกิดมาจากมนุษย์ จะเป็นมัมมี่ที่มนุษย์เป็นคนสร้างขึ้นมาโดยเจตนา และมัมมี่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะเป็นมัมมี่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น มัมมี่เอิตซี (Ötzi) เป็นมัมมี่เพศชายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอายุราว ๆ 5,300 ปี ถูกค้นพบในธารน้ำแข็งชนัลสตัล, เอิตซทัลแอลป์ ใกล้กับเฮาสลับยอค บนพรมแดนระหว่างประเทศออสเตรีย และประเทศอิตาลี

หากพูดถึงมัมมี่ หลาย ๆ ท่านอาจจะนึกถึงมัมมี่ที่มีลักษณะพันผ้าสีขาวและถูกฝังอยู่ในพีระมิดที่ประเทศอียิปต์ แต่จริง ๆ แล้วมัมมี่ถูกพบเจอได้ทั่วไปในหลายภูมิภาค ทั้งในแถบอเมริกาหรือแม้กระทั่งในเอเชียที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง ซึ่งล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบร่องรอยการทำมัมมี่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนตอนใต้ โดยมีอายุย้อนกลับไปถึงยุคก่อนยุคหินใหม่เมื่อ 12,000 ปีก่อน ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าวัฒนธรรมที่โด่งดังที่สุดในการทำมัมมี่อย่างชนเผ่าชินคอร์โรในชิลี ซึ่งทำมัมมี่ให้กับคนตายเมื่อ 7,000 ปีก่อน และอาชีพการทำมัมมี่ของชาวอียิปต์โบราณเมื่อ 5,600 ปีก่อน 

เสี่ยวชุน ฮง (Hsiao-chun Hung) นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย บรรยายถึงลักษณะการทำมัมมี่ของศพเหล่านั้นว่า พวกเขาถูกรมควันอย่างช้า ๆ บนกองไฟเป็นเวลานาน ซึ่งพิธีกรรมนี้จะคล้ายคลึงกับการฝังศพที่พบเห็นในออสเตรเลียและนิวกินี มันจึงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมผ่านพิธีศพที่มีต่อ ๆ กันมา 

ตัวอย่างการฝังศพของเราจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เน้นย้ำถึงความเชื่อทางวัฒนธรรมและแนวทางปฏิบัติในการเก็บศพที่คงอยู่ยาวนานอย่างน่าทึ่ง ซึ่งคงอยู่มานานกว่า 10,000 นักโบราณคดีเคยสังเกตเห็นว่าการฝังศพก่อนยุคหินใหม่จำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนตอนใต้ มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกันในหลายกรณี บุคคลจะนอนขดตัวอยู่ในท่าหมอบหรือท่าทารกในครรภ์ ถูกมัดแน่นอยู่กับที่ และยังมีการเผากระดูกบางส่วนอีกด้วย 

 

แม้จะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าทำไมศพเหล่านั้นถึงถูกทำให้เป็นท่าทางดังกล่าว แต่นักวิจัยก็ได้ตั้งสมมติฐานว่าร่างของพวกเขาถูกทำให้แห้งด้วยการรมควัน ซึ่งคล้ายกับวิธีที่วัฒนธรรมของบางวัฒนธรรมในที่ราบสูงนิวกินียังคงจัดการกับศพของพวกเขามาจนถึงทุกวันนี้

ทีมวิจัยใช้ตัวอย่างกระดูก 69 ตัวอย่างจากการฝังศพก่อนยุคหินใหม่ 54 แห่ง ซึ่งมีอายุระหว่าง 4,000 ถึง 12,000 ปีก่อน จาก 11 สถานที่ต่าง ๆ ทั่วภาคใต้ของจีน ภาคเหนือของเวียดนาม และอินโดนีเซีย กระดูกเหล่านี้ได้รับการฉายรังสี (XRD) และสเปกโทรสโกปีอินฟราเรดแบบแปลงฟูริเยร์ (FTIR) XRD มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกระดูกที่เกิดขึ้นภายใต้อุณหภูมิสูงกว่า 500 องศาเซลเซียส FTIR มีประสิทธิภาพดีกว่าในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของกระดูกที่เกิดจากการสัมผัสกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่า

ตัวอย่าง 5 ชิ้นไม่พบผล FTIR ที่เชื่อถือได้ เหลืออยู่ 64 ตัวอย่าง โดยส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 84 พบว่ามีร่องรอยการสัมผัสกับความร้อน กระดูกบางชิ้นมีเขม่าสะสม ขณะที่กระดูกแต่ละชิ้นที่นำมาจากบุคคลเดียวกันให้ค่าความร้อนที่แตกต่างกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการให้ความร้อนนั้นถูกเลือกเฉพาะจุด นอกจากนี้ ยังมีรอยตัดบนกระดูกบางชิ้นด้วย

จากผลการวิจัย นักวิจัยเชื่อว่ากระบวนการนี้คล้ายคลึงกับพิธีกรรมสมัยใหม่ของชาวดานีในนิวกินี ผู้เสียชีวิตจะถูกมัดอย่างแน่นหนาก่อนจะถูกแขวนไว้เหนือกองไฟต่ำที่มีควันไฟเป็นเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน รอยตัดบนกระดูกอาจบ่งชี้ว่ารอยตัดนั้นถูกทำขึ้นเพื่อระบายน้ำหรือเพื่อแยกชิ้นส่วน 

การค้นพบหลักฐานเหล่านี้และพยายามศึกษามัน ทำให้เห็นว่าการทำมัมมี่นั้นมีอยู่ได้ทั่วทุกภุมิภาค และแต่ละที่ก็แตกต่างกันออกไป นอกจากการศึกษาแล้ว การทำมัมมี่ของคุนในยุคนั้นก็เป็นดั่งเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเป็นกับคนตาย เป็นเหมือนการผูกเอาความทรงจำของคนและเรื่องราววันวานของศพเอาไว้ด้วยกัน 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Kidmaiook's profile


โพสท์โดย: Kidmaiook
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: แสร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำรู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่คุกกี้เสี่ยงทาย... ทายนิสัยความขี้อ้อนของคนเกิดทั้ง 7 วันเขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ""DJ Sakura Soh" กับบทบาทใหม่ในวงการ JAV10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกันหนุ่มรัสเซียฉีดวาสลีน 6 ลิตรเข้าแขนเพื่อ "กล้ามใหญ่ไว" สุดท้ายกลายเป็นป๊อปอายเวอร์ชั่นสยองขวัญ แขนเน่า-แข็งเหมือนไม้!เตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เงินเดือนผู้ประกาศข่าวปลาย พรายกระซิบ ยัน "ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ต้องหาอาชีพอื่นสำรองไว้ด้วยพชร์ อานนท์ การันตี "หอแต๋วแตก" ภาคล่าสุด เส้นเรื่องแน่น มุกสดใหม่ทันเหตุการณ์"จีน-รัสเซีย" ผนึกกำลังรุมบดขยี้ "สหรัฐ" ส่งเรือรบยึดน้ำมัน ใช้กำลังทหารรุกราน "เวเนซุเอลา"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัวเปิดตำนานคุณลุงซานต้า: จากนักบุญใจบุญยุคโบราณ สู่ชายชุดแดงพุงพลุ้ยที่โคคา-โคล่าช่วยปั้น! 🎅🦌อันตรายใกล้ตัว เตือน 3 ประเภท ชามใส่อาหาร ที่หลายบ้านยังใช้ เสี่ยงสารพิษสะสมไม่รู้ตัวทึ่งทั่วโลก :แม่น้ำสองสี "อารากวี" (Aragvi) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่งในประเทศจอร์เจีย
ตั้งกระทู้ใหม่