หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เงาหางพิษ

เนื้อหาโดย อักษราลัย

เงาหางพิษ
อักษราลัย

บางครั้งการยืนนิ่งเงียบบนหิน ก็หนักแน่นกว่าการตะโกนให้ดังทั้งทะเลทราย

คืนที่ทะเลทรายเงียบพอให้ได้ยินเม็ดทรายกลิ้งชนกันทีละแกร๊ก แมงป่องตัวเล็กปีนขึ้นไปบนหินสูงก้อนเดิม หางของมันตั้งชั้นจนเกือบตั้งฉากอย่างคนชูไมค์บนเวที ไม่มีใครเชื้อเชิญ แต่มันขึ้นไปเองทุกคืน

“ข้ามีพิษร้ายแรง” มันว่า เสียงแห้งแต่ดังกว่าขนาดตัว กระต่ายทะเลทรายสะดุ้ง หยุดฟังโดยไม่ตั้งใจ ลมพัดผ่านเหมือนถอนหายใจ สัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ออกหากินกลางคืนแวะหยุด มองหางที่กวัดแกว่งเป็นจังหวะเหมือนเครื่องหมายอัศเจรีย์ตัวโต แมงป่องขยับเท้าให้ยืนสูงขึ้นอีกนิด ให้เงาทอดยาวลงคลุมเท้าของตัวแรกในแถว

คืนที่สอง มีสัตว์มาดูมากขึ้น หิ่งห้อยกลับจากโอเอซิสก็แวะ ด้วงกว่างมาสามตัว ยืนพิงกันอย่างคนดูคอนเสิร์ต แมงป่องย้ำประโยคเดิม เพิ่มเติมคือเสียงตบหางบนหินดังปั้ง ๆ คล้ายกลองเปิดโชว์ มันต่อยหินให้เห็นพิษ เหล็กไนฝัง เนื้อทรายกระจายเป็นฝุ่น นาน ๆ จะมีประกายไฟจากหินเสียดกัน เสียงฮือฮาลอยขึ้นพร้อมควันจาง ๆ แมงป่องกวาดตามองผู้ชมทีละตัว เห็นตาโตเป็นคำชม เห็นสัตว์ถอยหลังเป็นชัยชนะ มันพยักหน้ารับคำสรรเสริญที่ไม่มีใครพูด

คืนที่ห้า ตะขาบเลื้อยผ่าน หยุดยืน จ้องดูอยู่นาน จนสัตว์ดูเงียบตาม

“ดังดีนะ” ตะขาบพูดเรียบ ๆ

แมงป่องยกหางสูงอีกนิด “ข้ามีพิษ ใคร ๆ ก็รู้”

“ลองสิ” ตะขาบก้ม เอาแผ่นหลังเข้าหา

เสียงปั้งของเหล็กไนกระทบหลัง ตะขาบสะดุ้ง ขนลุกแผ่ว แล้วหัวเราะ ยาว เบา แต่ไปไกลกว่าคำพูดของใครในคืนนั้น ลมช่วยพัดพาเสียงหัวเราะให้ลอยข้ามเนินทราย ความเงียบที่ตามมา ข้นหนาจนอึดอัด แมงป่องกลืนน้ำลาย เหลียวมองผู้ชมที่หันหน้าชนกันเหมือนปรึกษา คิ้วหลายคู่ขยับพร้อมกันโดยไม่มีสัญญาณมือ

คืนนั้นมันกลับลงจากหินช้ากว่าทุกคืน เดินเข้าพุ่มแคคตัส แอบซ้อมต่อยเงาตัวเองจนหางชา เลือดบาง ๆ ซึมตามปล้อง มันเลียแผล เฝ้าดูเม็ดเลือดคลุกทรายหายไปเร็วพอ ๆ กับเสียงหัวเราะเมื่อครู่ ก่อนลุกขึ้น ปีนหินกลับไปยืนที่เดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คืนที่เจ็ด มดจำนวนมากมารุมดู พวกมันเก่งการทำอะไรพร้อมกัน กึกก้องกว่าขนาดตัวสิบเท่า ผู้ชมจึงดูเยอะกว่าความจริง แมงป่องยิ้มตรงดวงตาทั้งสอง เพิ่มท่าใหม่ กระดิกหางเร็ว ๆ ก่อนแทงลงหิน มดโบกหนวดให้เพื่อนด้านหลังว่า “เด็ด” ทั้งที่ยังไม่ได้ยินอะไรใหม่

ข่าวลือเดินเร็วกว่าตะขาบ วันต่อมาด้วงตัวหนึ่งมาถึงก่อนใคร ขึ้นไปยืนริมหินตะโกน “คืนนี้มีโชว์พิเศษ ห้ามพลาด!” ไม่มีใครจ้าง แต่มันเห็นโอกาสได้ยืนใกล้หินกับเขาบ้าง แมงป่องปล่อยให้ด้วงทำหน้าที่โฆษก แล้วขึ้นยืนกลางไฟจันทร์ เปิดประโยคเดิมราวบทสวดที่ท่องจนจำ เสียงฮือรับบทของมันตามขนบ ทุกอย่างไหลลื่น ไม่ต้องใช้พิษมาก ก็ได้ความดังมากอยู่ดี

หลายคืนต่อมา แมงป่องเชื่อในเสียงฮือมากกว่าเสียงเลือดในหางที่เตือนให้พัก มันลงแรงกับ “ภาพ” มากกว่าพิษ เลือกหินที่สูงกว่าเดิม หันหาแสงให้เงาทอดยาวขึ้นอีกสองช่วงตัว จับเวลาขึ้นโชว์ให้นานกว่าเดิมจนเกือบเช้า จะได้อยู่ในสายตานานขึ้น ใครทักว่าพูดซ้ำก็เงียบลงเอง เพราะซ้ำถ้ามีไฟประกอบก็ยังตื่นเต้น

ระหว่างวันมันฝึกหนัก ต่อยหินจนรอยแตกพาดเป็นสาย ตีหางกับก้อนกรวดให้เกิดเสียง “ติ๊ก ๆ” เป็นจังหวะนาฬิกานับถอยหลัง มันลองแทงท่าต่ำ ท่าสูง ท่าควง แล้วบอกตัวเองว่า

“ต้องคม ต้องขม ต้องขยี้” คำคล้องเสียงช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น แม้หางจะเริ่มหนักเหมือนพกหินก้อนเล็กติดปลายไว้ก็ตาม

พอคำว่า “โชว์แมงป่อง” แพร่ไปไกลกว่าวงทรายเดิม ทะเลทรายเปลี่ยนเป็นงานแฟร์ชั่วครู่ หิ่งห้อยจัดไฟ พ่อค้าด้วงเสนอข่าวล่วงหน้า มดตั้งแถวเป็นระเบียบ ด้วงกว่างขายความเห็น ผู้ชมบางตัวทำหน้า “ผู้เชี่ยวชาญการปรบมือ” กระดิกหนวดตามจังหวะเหมือนเคยฝึกมา เสียงลือช่วยยกเวทีสูงขึ้นกว่าหินอีกชั้น

คืนพระจันทร์เต็มดวง แมงป่องประกาศ

“คืนนี้ใครกล้า ลองมา” เสียงดังไปถึงปลายเนิน ตะขาบกลับมา คราวนี้พาเพื่อน งู ตามมาด้วย ผิวมันเย็นแวววาวภายใต้แสงเดือนเหมือนโลหะเงียบ ผู้ชมเงียบ หัวใจของกองมดย้ายมาเต้นอยู่หน้าหิน

งู...ไม่แนะนำตัว มันเลื้อยขึ้นหิน ขดตัวเฉยจนเวลาเดินช้า แมงป่องขยับเท้าเล็กน้อย หางยกสูงตามนิสัย งูพูดคำเดียว “ต่อย”

แมงป่องขยับไปด้านข้างให้เงาดูยาวขึ้น หายใจลึก หางสั่นเพราะเจ็บและคาดหวัง เหล็กไนกดลง สัมผัสผิวงู เสียงทรายไหลจากรอยแตกของหินซ่าเบา ๆ พิษไหลเข้าสู่ผิวเย็นนั้น แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากงูหรี่ตา คล้ายคนชิมน้ำซุปแล้ววางช้อน

“อีกที” งูบอก

แมงป่องกัดฟัน แทงซ้ำ แรงกว่าเดิม ปลายหางชา รูปทรงไม่ตั้งตรงเหมือนก่อน งูขยับนิดเดียว เหมือนโดนยุงกัด แล้วเงียบ มองไปที่เหล่าสัตว์ที่รายลอมดูเหมือนลืมหายใจพร้อมกัน ตะขาบยืนหลังตรงเหมือนผู้พิพากษารอคำสารภาพ

งูสะบัดหางครั้งเดียว แมงป่องกระเด็นตกหิน หงายท้อง หางหักตรงกลาง ตัวชาไปครึ่งซีก เสียงฮือแตกยาว หิ่งห้อยดับไฟผิดจังหวะ มดยกตัวขึ้นสูงเหมือนจะอุ้มคำว่า “อุ๊ย” ให้อยู่ในอากาศนานขึ้น แล้วค่อย ๆ วางลงพร้อมเสียงซุบซิบ

แมงป่องตั้งใจลุก เสียงข้อต่อเสียดกันดังชัดกว่าคืนไหน ยืนได้ แต่หางลู่ไปกับทรายเหมือนเส้นด้ายเก่า พยายามยก ปลายชาหน่วง น้ำหนักไม่เข้าข้าง มันมองหิน—เวทีของมัน—แล้วมองสัตว์ที่เคยดูมันกำลังกลับบ้าน สีหน้าหลายตัวว่างเปล่า พรุ่งนี้ก็มีเรื่องใหม่ให้ดู

ตะขาบเลื้อยมาหยุด เอียงหน้าชี้ให้เห็นเรื่องจริงที่วางอยู่ตรงพื้น “พักบ้าง” แล้วเลื้อยจากไป ไม่ซ้ำเติม ไม่ปลอบใจ

งูยังอยู่บนหิน “พิษมี” มันพูด “แต่ไม่เท่าที่เจ้าประกาศ” แล้วเลื้อยลงอย่างช้า ผ่านหน้าแมงป่องไป เหมือนปิดงานแถลงข่าวที่ไม่มีคำถาม

ลมแรงกว่าปกติพัดเข้ามา เสียงทรายครูดหินดังเป็นระยะ เหมือนคนกวาดเวทีหลังจบงาน ผู้ชมหายไปทีละฝูง เหลือเพียงธงเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “เสียงลือ” ปักอยู่ในหัวสักคนสองคน แต่อีกไม่นานก็คงถอนออกเอง

รุ่งเช้าเลื่อนเข้ามาแบบไม่เกรงใจ แสงทำให้รอยเลือดซึมตามปล้องหางเห็นชัดกว่ากลางคืน แมงป่องเดินช้า ๆ กลับไปหลังแคคตัส พบรอยต่อยของตัวเองเรียงเป็นจุด ๆ บนลำต้น เหมือนเช็กลิสต์ที่ติ๊กจนหมดทุกช่อง มันยกหางดู ยังพอยกได้เล็กน้อย ก่อนตกลงอย่างเสียงเครื่องดนตรีที่ค่อย ๆ แผ่ว

บ่ายนั้น ด้วงโฆษกกลับมาสำรวจหิน ความเงียบติดแห้งอยู่บนพื้นเหมือนฝุ่น รอยแตกบนผิวหินคือของจริงที่สุดที่เหลือ มันเดินวนสองรอบแล้วบินไป ตะโกนฝากว่า “คืนนี้อาจมี” เผื่อไว้ก่อน เพราะความหวังขายได้เสมอ

แมงป่องนอนใต้เงาแคคตัส หลับ ๆ ตื่น ๆ ความเงียบทำงานดีกว่าเสียงปรบมือ มันนึกรายชื่อผู้ชม ตั้งแต่กระต่ายที่ทำหน้าตกใจจนฟันโผล่ หิ่งห้อยที่ชอบดับไฟตอนเข้าไฮไลต์ มดที่ยืนเบียดกันจนเพื่อนข้าง ๆ หายใจไม่สะดวก ตะขาบที่ไม่ให้คะแนนเกินจริง และงูที่ไม่ได้ด่าว่า แค่บอกขนาดจริงตกมาตรฐานประกาศ

ขณะเดียวกัน ความแสบจากแผลสอนอะไรบางอย่างที่คำชื่นชมไม่เคยสอน

ตกเย็น แสงเอียง แมงป่องลองยืน เดินออกจากเงาแคคตัสไปที่หิน ยืนตรงจุดเดิม หินยังเป็นหิน จันทร์เริ่มขึ้นช้า ชัด และเฉียบ แสงเฉือนรอยแตกเป็นเส้นทแยง สวยแบบไม่ต้องประกอบเสียง มันยกหางเท่าที่ทำได้ หายใจเข้า หายใจออก ไม่มี “ข้าพิษแรง” หลุดจากปาก ปล่อยให้ลมทำหน้าที่พาความจริงเดินผ่านเวทีไป

คนดูมากน้อยแล้วแต่ข่าวลือของด้วง คืนนั้นพอประมาณ ใจดีพอจะยืนเงียบด้วยกันสักพัก ไม่มีเพลงเปิด ไม่มีไฟประกอบ มีแต่เงาหางสั้น ๆ บนทรายที่กระเพื่อมตามลมหายใจ

เจ้าของ ผู้ชมบางตัวกระซิบกับเพื่อนว่า “จบแล้วเหรอ” เพื่อนพยักหน้า “จบแบบนี้แหละ” แล้วเดินลงเนินกลับบ้าน

คืนต่อ ๆ มา แมงป่องไม่ได้หายไป มันยังฝึก แต่เปลี่ยนจาก “แทงให้ดัง” เป็น “แทงให้ได้” เปลี่ยนจาก “ชูหางให้สูง” เป็น “ยกเท่าที่ไหว” เสียงหางกระแทกหินยังมี แต่สั้น สุภาพ และซื่อกับขนาดจริง มันเริ่มสังเกตว่าพิษที่เหลืออยู่ ทำหน้าที่ได้พอประมาณ—พอป้องกันตัว พอหากิน ไม่ใช่พอจะเปิดทัวร์คอนเสิร์ต

หมู่มดยังมาบ้างไม่มาบ้าง หิ่งห้อยหายไปช่วงหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมจังหวะไฟใหม่ ด้วงยังประกาศข่าว “คืนนี้มีใครไหม” แบบเผื่อ ๆ เผื่อมีผู้มีพรสวรรค์ตัวต่อไปขึ้นเวที ผู้ชมหน้าเดิมบางตัวแวะมาดูเงียบ ๆ แบบคนที่เลิกปรบมือแต่ยังฟังอยู่

คืนหนึ่ง ตะขาบผ่านมาอีก “หายโกรธโลกหรือยัง”

แมงป่องส่ายหัวเบา ๆ “หายโกรธหินก่อน” มันตอบ เสียงไม่แข็ง ไม่อ่อน แต่ตรง

ตะขาบขยับหนวด “ดี” แล้วเลื้อยต่อ

อีกคืน งูปรากฏอยู่ไกล ๆ ไม่ขึ้นหิน ไม่เรียก ไม่ทดสอบอะไร มันแค่มอง แมงป่องมองกลับ ยกหางสูงแค่พอดี ทั้งคู่ต่างรู้ขนาดของกันและกันโดยไม่ต้องพูด

คืนหนึ่งที่ลมสงบเป็นพิเศษ แมงป่องปีนขึ้นหิน เงายังสั้นเท่าเดิม มันยืนเฉย ๆ ดูจันทร์เลื่อนขอบฟ้า ช้า พอดี และจริง มีสัตว์ยืนดูบ้าง นั่งบ้าง เงียบจนได้ยินใจของตัวเองเต้น ไม่ต้องมีคำโปรย ไม่ต้องมีท่าไม้ตาย หางไม่ยกสูงเล่าเรื่องครบถ้วนกว่าคำอวดนับร้อย

ไม่มีเสียงปรบมือ จบแล้วก็จบ ไม่มีดนตรีปิด มันไม่โกรธ ไม่ขอมีอใครอีก เงาหางพิษสั้นลงตามอายุและแผล แต่พอดีกับตัวอย่างน่าแปลกใจ

ก่อนลงจากหิน มันพูดเบา ๆ คำสั้น จังหวะชัด คล้องใจตนเองมากกว่าคนอื่น “เก่งพอใช้ พักพอเพียง พิษพอประมาณ” แล้วก้าวลงอย่างคนรู้จักพื้นของตัวเอง

ใครอยากดัง ก็ขึ้นไปต่อ เวทียังว่าง หินเอื้อเฟื้อกับทุกตัวเท่าเดิม ใครพิษมากก็โชว์ไป ใครพิษน้อยอย่าตะโกนจนหางหัก หากจะอวด ก็อวดให้เท่ากับของ ถ้าอยากอยู่ ก็อยู่ให้เท่ากับตัว

แมงป่องตัวเล็กเดินหายไปในเงาแคคตัส เงียบ ง่าย และพอดี เงาหางที่เคยยาวคลุมเวที ตอนนี้สั้นพอจะคลุมตัวเองเท่านั้น ลมพัดผ่าน พาเสียงที่ไม่จำเป็นออกจากค่ำคืน ทรายไหลกลบรอยเท้าอย่างขยันขันแข็ง หินวางนิ่ง เงาสั้นลง ลมหายใจสั้นยาวพอดี และเมื่อฟ้าสาง ทุกอย่างก็ยังอยู่ที่เดิม—นอกจากความจำเป็นที่จะต้องตะโกน ซึ่งก็ไม่อีกแล้ว

-จบ-

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้ปมปริศนาการจากไป! พ่อแม่ 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' อายัดศพ หลังทราบผลชันสูตร🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีกองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสีพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ปมปริศนาการจากไป! พ่อแม่ 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' อายัดศพ หลังทราบผลชันสูตร“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส"เป็กกี้ ศรีธัญญา" โพสต์แซ่บถึง "นิยาย" ที่แสนสนุก ใครคือเจ้าของเรื่องตัวจริง?กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสีเหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เรื่องสั้น
มรดกพระเครื่องน้ำตาแม่คำมั่นที่ไร้เจ้าของหอคอยกระจกทราย
ตั้งกระทู้ใหม่