เมโส คืออะไร ดีต่อผิวจริงไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ทำไมหลายคนนิยม
เมโส คืออะ
ไร ดีต่อผิวจริงไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ทำไมหลายคนนิยม
หลายคนคงคุ้นกับคำว่าเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เพราะมักถูกพูดถึงคู่กันอยู่เสมอ แต่จริง ๆ แล้วคำว่าเมโส หมายถึงเทคนิคการฉีดตัวยาหรือสารบำรุงลงไปที่ชั้นกลางของผิวโดยตรง เพื่อช่วยฟื้นฟูและแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด
ปัจจุบันเมโสแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น เมโสเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เมโสสำหรับลดเลือนริ้วรอย เมโสที่ช่วยปรับสีผิวให้สว่างใสขึ้น หรือแม้กระทั่งเมโสที่ช่วยกระชับผิว ทั้งนี้การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคน
หลายคนสงสัยว่าเมโสอันตรายหรือไม่ หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน และฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็ถือว่ามีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็วเมื่อเทียบกับการบำรุงผิวด้วยวิธีทั่วไป
การฉีดเมโสอันตรายหรือไม่
หลายคนที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวให้กระจ่างใส มักจะมีคำถามว่า การฉีดเมโสหน้าใสอันตรายหรือไม่ คำตอบคือ โดยทั่วไปแล้วการฉีดเมโสถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ตัวยาที่ผ่านมาตรฐาน
เหตุผลที่เมโสถูกจัดว่าเป็นวิธีดูแลผิวที่ไม่อันตราย
ส่วนประกอบของตัวยาที่ใช้ในเมโสมักเป็นสารบำรุงที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น
- วิตามิน A, B, C และ E
- กลูตาไธโอน
- ทรานซามิน (Transamin)
- คอลลาเจน
- โคเอนไซม์ และสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่าง ๆ
สารเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและเพิ่มความชุ่มชื้น การฉีดเมโสจะทำให้สารบำรุงเหล่านี้ซึมสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง จึงสามารถแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุดมากกว่าการใช้ครีมหรือเซรั่มทั่วไป
สูตรเมโสที่ตอบโจทย์แต่ละปัญหาผิว
ปัจจุบันการฉีดเมโสถูกพัฒนาให้มีสูตรหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการที่ต่างกัน เช่น
- สูตรเมโสที่ช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น
- สูตรเมโสที่ช่วยลดการอักเสบของสิว ผื่น หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ ควรให้แพทย์เป็นผู้ตรวจประเมินผิวก่อน เพื่อเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
เมโสมีทั้งหมดกี่แบบ และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่ต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึก เพราะเมโสช่วยส่งสารบำรุงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีคอลลาเจน อีลาสติน และเส้นเลือดฝอยอยู่จำนวนมาก ทำให้เมโสสามารถฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส และแข็งแรงขึ้นได้อย่างตรงจุด
ประเภทของเมโสหน้าใส แบ่งตามเทคนิคการฉีด
โดยทั่วไป เมโสสามารถแบ่งตามเทคนิคการทำออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. เมโสสะกิด (Mesotherapy with Microneedling Technique)
ลักษณะการทำเมโสสะกิด
เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษสะกิดตัวยาบำรุงเข้าสู่ผิวหนังหลาย ๆ จุดทั่วใบหน้า โดยเน้นที่ชั้นผิวระดับตื้นจนถึงชั้นกลาง เพื่อให้ตัวยาแทรกซึมได้ดี
ข้อดีของเมโสสะกิด
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
- กระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ช่วยให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อควรระวังของเมโสสะกิด
- หลังทำอาจมีรอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย
- หากใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดมีโอกาสเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
- ไม่ควรซื้อเมโสมาฉีดเองเพราะเสี่ยงอันตรายสูง
2. เมโส 16 จุดทั่วใบหน้า (16-Point Facial Mesotherapy)
ลักษณะการทำเมโส 16 จุด
เทคนิคนี้จะฉีดสารบำรุงเฉพาะจุดตามตำแหน่งต่อมน้ำเหลืองบนใบหน้าทั้งหมด 16 จุด เพื่อให้ตัวยากระจายทั่วใบหน้าได้อย่างสม่ำเสมอ
ข้อดีของเมโส 16 จุด
- ตัวยากระจายตัวได้ทั่วหน้าโดยผ่านระบบน้ำเหลือง
- ลดการสะสมของของเสียใต้ผิวและลดอาการบวม
- โอกาสเกิดรอยช้ำน้อยกว่าวิธีสะกิด
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรอยช้ำหรือพักฟื้นนาน
จะเลือกเมโสแบบไหนดี
การเลือกเทคนิคการทำเมโสขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ เช่น ผิวหมองคล้ำ สิว รอยแดง ผิวแห้งขาดน้ำ หรือริ้วรอย โดยควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินผิวก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
เมโสหน้าใส มีกี่สูตร และควรเลือกสูตรไหนดี
นอกจากเทคนิคการทำแล้ว เมโสหน้าใสยังมีหลายสูตรที่ออกแบบมาเพื่อดูแลปัญหาผิวที่ต่างกัน ซึ่งแต่ละสูตรมีส่วนผสมและคุณสมบัติเด่นแตกต่างกัน ดังนี้
1. Made Collagen (มาเด้ คอลลาเจน)
จุดเด่น
- อุดมไปด้วยคอลลาเจน วิตามินซี และแร่ธาตุสำคัญ
- ช่วยลดการอักเสบ ขับของเสีย และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
เหมาะกับ
- ผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบหรือมีผื่น
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวเร่งด่วนให้ฟื้นตัว
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นระบบไหลเวียนน้ำเหลือง
2. Filorga (ฟิลอก้า)
จุดเด่น
- มีกรดไฮยาลูโรนิก วิตามิน และกรดอะมิโนหลายชนิด
- ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม กระชับรูขุมขน
เหมาะกับ
- ผิวแห้ง ขาดน้ำ แต่งหน้าไม่ติด
- รูขุมขนกว้างหรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา
3. REVS (รีเวิร์ส)
จุดเด่น
- เมโสสัญชาติเกาหลี มี Hyaluronic Acid, Vitamin C, Peptides และ Polynucleotide (PN)
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและปกป้องผิวจากมลภาวะ
เหมาะกับ
- ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง หรือพักผ่อนน้อย
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวอิ่มน้ำและมีความยืดหยุ่น
4. Tensonez (เทนโซเนส)
จุดเด่น
- มี Hyaluronic Acid, Collagen และสารช่วยลดเม็ดสี
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยสิว จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
เหมาะกับ
- ผู้ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส
5. Alpha Arbutin
จุดเด่น
- มีสาร Alpha Arbutin ร่วมกับ Vitamin C และ Niacinamide
- ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวขาวใสขึ้น
เหมาะกับ
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ รอยดำจากสิว
- ผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดความหมองคล้ำ
6. Neo-Glutanex Glow
จุดเด่น
- มี Glutathione, Vitamin C, Hyaluronic Acid และ Peptides
- ช่วยปรับสีผิวให้สว่าง ลดริ้วรอย และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
เหมาะกับ
- ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือใต้ตาคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
เมโสหน้าใสสูตรไหนดีที่สุด
หลายคนสงสัยว่าเมโสหน้าใสสูตรไหนดีที่สุด คำตอบคือ ไม่มีสูตรไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะเมโสแต่ละสูตรถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เวลาจะตัดสินใจว่า เมโสตัวไหนดี ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
- สภาพผิวของตนเองในปัจจุบัน
- ปัญหาผิวหลักที่ต้องการแก้ไข เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย ผิวขาดน้ำ หรือสิว
- ความเหมาะสมของส่วนผสมและตัวยากับร่างกายแต่ละบุคคล
- คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ตรงจุด
สะกิดเมโสหน้าใส กับ ฉีดเมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบันมีเทคนิคการทำเมโสหน้าใสให้เลือกหลัก ๆ สองแบบ คือ การสะกิดเมโสหน้าใส และ การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด ซึ่งทั้งสองวิธีมีลักษณะและผลลัพธ์ที่ต่างกัน
การสะกิดเมโสหน้าใส (Microneedle Meso Therapy)
เทคนิคนี้ใช้เข็มขนาดเล็กสะกิดผิวหน้าในชั้นตื้น ๆ และเติมตัวยาเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่วใบหน้า
จุดเด่นของการสะกิดเมโสหน้าใส
- ช่วยให้ตัวยาบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกและทั่วถึง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นตื้น ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวทั้งใบหน้าแบบครอบคลุม
ข้อควรพิจารณา
- อาจมีรอยแดงหรือรอยเข็มเล็ก ๆ หลังทำ ซึ่งจะค่อย ๆ จางไป
- หากสถานที่หรืออุปกรณ์ไม่สะอาด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ปัจจุบันเทคนิคนี้เริ่มใช้ลดลง เนื่องจากมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่าและได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
การฉีดเมโสหน้าใส (16 จุดทั่วใบหน้า)
เทคนิคนี้เป็นการฉีดตัวยาลงในผิวชั้นตื้นแบบเฉพาะจุด โดยอ้างอิงตำแหน่งมาตรฐาน 16 จุดบนใบหน้า ซึ่งมีผลต่อระบบไหลเวียนและการฟื้นฟูผิว เช่น บริเวณแก้ม หน้าผาก คาง และจุดสำคัญอื่น ๆ
จุดเด่นของการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด
- เจ็บน้อยกว่าการสะกิดทั่วใบหน้า เพราะฉีดเป็นจุด ๆ เท่านั้น
- มีรอยช้ำหรือรอยเข็มน้อยกว่า ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว
- ลดความเสี่ยงการระคายเคือง เพราะแผลน้อยกว่า
- ตัวยาออกฤทธิ์ตรงจุดและกระจายตัวได้ดี อาจให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า
- ให้ผลลัพธ์ชัดเจน และเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในคลินิกความงามในปัจจุบัน
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับเมโส
เมโส เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลผิวที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดในการทำเมโส คือ การเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและให้แพทย์เป็นผู้ทำหัตถการทุกครั้ง เพราะการฉีดเมโสต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องและตัวยาที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงในอนาคต
มาแล้ว! เลขเด็ด "เสือตกถังพลังเงินดี" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68..ส่องด่วนเลย!!
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและทอดพระเนตรการดำเนินงาน
เลขเด็ด "อาม่าให้ลาภ" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68..รีบซื้อหวย รวยก่อนใคร!
ลุ้นรับ 4,000 บาท สรุปให้ชัด คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ลงทะเบียนวันไหน ใครบ้างมีสิทธิ์
เลขเด็ด "เจ้าแม่ตะเคียน" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68 มาแล้ว!..เลขไหนเข้าวิน ส่องเลย!
รีวิวหนังดัง WAR DOGS คู่ป๋า ขาแสบ
เลขเด็ด "นกตาทิพย์" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68 บินมาให้โชคแล้ว..รีบส่องด่วน!
เหมาะสมมั้ย? “แจ็ก แปปโฮ” ถอดเสื้อเต้นโชว์บนหลังคารถหน้าร้าน LAWSON ในญี่ปุ่น
มิสทีนเขมร ขึ้นเวที กล่าวสุนทรพจน์สร้างความตึงเครียดประโยคเด็ดประเทศไทยเป็นผู้เริ่มสงคราม
คุณสงสัยไหมว่า สัตว์ตัวไหนที่ตรงกับนิสัยของคุณเอง 🤔



