หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รักแท้คือกรุณา โดย ว.วชิรเมธี

โพสท์โดย machete007

 

ในเมื่อความรักมีอยู่ 4 ประเภท และที่เป็นรักแท้ก็มีเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ รักแบบเมตตา และ รักมีแต่ให้เหตุเพราะ รักตัวกลัวตาย เป็นความรักอิงสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ยังไม่ใช่รักแท้ พื้นฐานของรักตัวกลัวตาย คือ รักตัวเองเท่านั้นแหละ ส่วนรักใคร่ปรารถนา ก็ไม่ใช่รักแท้ เพราะเป็นความรักที่มอบให้คนอื่นเพื่อที่จะให้คนอื่นมาเติมตัวเองให้เต็ม

 

โลกแห่งความรัก คือ โลกที่ไร้การเบียดเบียนอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อรักแท้คือรักแบบเมตตาและรักมีแต่ให้แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงรักแท้ได้ ก็ต้องเรียนรู้วิธีขยายความรักออกไปให้ไร้พรมแดนจนกลายเป็นรักแท้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

 

วิธีที่ 1 บ่มเพาะวิธีคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา

วิธีคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา พระพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้แล้ว เป็นคำสอนพื้นฐานของพระพุทธศาสนามากเลยก็คือในคำแผ่เมตตานั่นเอง พระองค์ตรัสว่า “สัพเพสัพตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น” ไม่มีการแบ่งแยกเลยนะ ไม่ได้บอกว่า “สัพ

เพสัพตา สัตว์ทั้งหลาย (เฉพาะที่เป็นชาวพุทธ)” แบบนี้ไม่มี

 

“สัพเพสัพตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์” ยัง

ไม่พอ ยังไม่ครอบคลุม ท่านบอกว่า “ด้วยกันทั้งหมด”ยังกลัวไม่คลุมอีก เติม “ทั้งสิ้น” เข้าไปอีกคำหนึ่งไม่เหลือเลย มนุษยชาติตั้งแต่ ณ ที่ตรงนี้ที่เราสถิตอยู่จนถึงขอบปากจักรวาล อยู่ในข่ายที่ควรจะได้รับเมตตาทั้งหมด นี่คือเมตตาที่แท้จริง บ่มเพาะวิธีคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็หมายความว่า เราจะต้องหัดคิดหัดเข้าใจว่า คนทุกคนหรือ

สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตเหมือนกับเราเหมือนกับเราตรงไหน พระพุทธองค์ทรงให้หลักเอาไว้ว่ามนุษยชาติ สรรพชีพ สรรพสัตว์ ซึ่งรวมเทวาอารักษ์ด้วย เขาเหล่านั้นเหมือนกับเราตรงไหน เหมือนกับเราตรงที่ว่า

  1. รักสุข
  2. เกลียดทุกข์
  3. กลัวความตาย

 

เราลองไปถามดูในโลกนี้ สรรพชีพ สรรพสัตว์ มนุษยชาติ มีใครบ้างไม่รักสุข ไม่เกลียดทุกข์ ไม่กลัวตาย มีไหม ไม่มี พอเราเอาเกณฑ์เข้าไปจัด เราก็จะเห็นว่า คนทั้งโลกเหมือนกันกับเรา เราสามารถเมตตา เราสามารถรักคนได้ทั้งโลก ก็เพราะเราตระหนักรู้ว่า เขาเหมือนกันกับเรา

 

เพราะฉะนั้น ความหมายอีกแง่หนึ่งของเมตตา คือฉันรักเธอเพราะเธอเหมือนฉัน

 

วิธีที่ 2 ออกจากข่ายของความคิด ความเชื่อ ลัทธิอุดมการณ์ทั้งปวงมาอยู่กับความรู้ เมื่อเราออกจากข่ายของความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ทั้งปวงแล้วมาอยู่กับความรู้ พอเราอยู่กับความรู้หรืออยู่กับปัญญา เราจึงรักคนได้ทั้งโลก

 

ภาษิตของอินเดียโบราณท่านบอกว่า “เมื่อท่านอยู่ในบ้าน ท่านเป็นชาวบ้าน เดินออกจากบ้านมาถึงตำบล ท่านเป็นคนของตำบล เดินออกจากตำบลไปถึงอำเภอ ท่านเป็นคนของอำเภอ เดินออกจากอำเภอไปถึงจังหวัด ท่านเป็นคนของจังหวัด เดินออกจากจังหวัดไปที่เมืองหลวง ท่านเป็นคนของประเทศ และเมื่อไรก็ตามที่ท่านเดินออกจากประเทศ เมื่อนั้นท่านเป็นคนของโลกหรือมนุษยชาติ”

 

เราต้องหัดเรียนรู้ที่จะเดินออกจากสังกัดของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสมมติไปถึงแก่นแท้ของความเป็นคนคือมนุษยชาติ แล้วเราก็จะเห็นคนทั้งโลกเป็นมนุษยชาติเหมือนกับเรา ดังนั้น ใครก็ตามที่อยู่ในประเทศไทย ยังไม่เคยมีโอกาสไปเมืองนอก ถ้าว่างๆ ก็ลองไปบ้าง เพื่อขยายโลกทัศน์ ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติธรรมแล้วไปเมืองนอก

 

ถ้าเราภูมิใจในแม่น้ำเจ้าพระยาของเราว่ายิ่งใหญ่มากๆ และดูถูกชนชาติอื่น ผู้เขียนแนะนำให้ไปที่พม่า ไปดูแม่น้ำอิรวดี ถ้าเทียบกับแม่น้ำอิรวดีแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยา คือคลองคลองหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วถ้าเทียบแม่น้ำอิรวดีกับมหาสมุทรแปซิฟิก เราจะเห็นว่าอิรวดี ก็คือบึงแห่งหนึ่งเท่านั้น นี่เป็นวิธีขยายวิสัยทัศน์ของตัวเอง ให้ได้รู้จักตัวเองในฐานะว่า จริงๆ แล้วเราเป็นคนพลเมืองของโลก เป็นมนุษยชาติ พอเราเดินออกจากกรอบแคบๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นกรอบของชาติ ของศาสนา ของภาษา ของวัฒนธรรมหรือของประเทศ มันก็จะทำให้เราได้เข้าใจโลกทั้งโลกว่ามันช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน

 

สุดท้ายเราจะทิ้งความเห็นแก่ตัว เพราะไปเปรียบเทียบกับโลกทั้งโลก บางคนบอกว่า ให้ขึ้นยานอวกาศไปเลยแล้วมองเข้ามาที่โลกของเรา ใครที่มีอหังการมากๆ บอกว่าในโลกนี้ฉันยิ่งใหญ่มาก เมื่อเราหลุดออกไปจากนอกโลก แล้วมองกลับเข้ามาในระบบสุริยะจักรวาล จะเห็นว่าโลกของเราคือดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ยิ่งใหญ่เลย เล็กๆ แสนธรรมดา พอเห็นความจริงอย่างนี้ ความอหังการของเราลดลงไปหมด บางคนแนะนำอีก บอกให้ไปยืนที่หน้าผา เพื่อที่เราจะมองเห็นตัวเองเท่าหัวไม้ขีดเมื่อเทียบกับเบื้องล่าง หรือเมื่อมองขึ้นไปเบื้องบน เป็นวิธีถอนอัตตาของเราทิ้งไปทิ้งไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะกลายเป็นคนเล็กคนน้อย เป็นคน

 

ชั้นปลาย ปลายนอกปลายแถว

เมื่ออัตตาของเราเล็กลง ความหยิ่งความอหังการของเราเล็กลงหมดแล้ว เราไม่ทำร้ายคนทั้งโลก แล้วเกิดรักแท้ขึ้นมา สำหรับข้อนี้ที่แนะนำให้ออกจากข่ายของความคิดลัทธิ อุดมการณ์ต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มันกดทับเรา พระพุทธศาสนาสอนให้ถอดออกจากสมมติ เพื่อเข้าถึงแก่นแท้ของความเป็นคน ถ้าเรากำลังดูถูกใครสักคนหนึ่ง ขอแนะนำให้ถอดสมมติ

 

วันหนึ่ง หลวงพ่อทองรัตน์ ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ของหลวงพ่อชา ท่านเล่าไว้ บอกว่าไปธุดงค์ลูกศิษย์ลูกหาก็เดินตามท่านไป วันหนึ่งท่านเดินผ่านวัวผ่านควาย ผ่านควายตัวเมีย ท่านก็ชี้ให้ลูกศิษย์ดูว่า “ดูควายตัวผู้ตัวนั้นสิ”ลูกศิษย์เดินตามหลวงพ่อหัวเราะร่วนเลย เพราะอะไร เห็นควายตัวเมียแต่หลวงพ่อบอกให้ดูควายตัวผู้ เดินไปสักพักหนึ่ง เจอควายตัวผู้ หลวงพ่อทักอีก

“ดูควายตัวเมียตัวนี้สิ”

 

พระธุดงค์ที่แบกกลดเดินตามนี้งงหมด “เอ่อ....หลวงพ่อเราชักเพี้ยน จริงๆ หลวงพ่อไม่ได้เพี้ยน เพราะอะไร คำว่าตัวผู้หรือตัวเมียมันเป็นสิ่งสมมติ

เราไปสร้างให้มันเอง โดยตัวของควายแท้ๆ ควายมันไม่รู้จักเลยว่ามันเป็นตัวผู้หรือตัวเมียหรือในคัมภีร์พระวิสุทธิมรรค บอกว่า “เส้นผมไม่รู้จักว่าตัวของมันเองเป็นผม กระดูกไม่รู้จักตัวของมันเองว่าเป็นกระดูก ฟันไม่รู้จักตัวมันเองว่าเป็นฟัน” แต่เราไปตั้งชื่อให้มัน ตั้งชื่อสิ่งที่งอกอยู่บนศีรษะเรียกว่า “ผม” แล้วเรียกสิ่งที่อยู่ถัดไปว่า “หนัง” แล้วเรียกสิ่งที่อยู่ข้างในหนังศรีษะนี้ว่า “กะโหลก”

 

สามสิ่งนี้แยกจากกันอย่างเด็ดขาด ทั้งที่อยู่บนหัวเหมือนกัน ไม่สามัคคีกันเลย เพราะอะไร มนุษย์ไปตั้งชื่อให้มัน กลมๆ อยู่ตรงนี้ เขาเรียกว่า “ตา” แต่ตามันไม่รู้จักว่าตนชื่อว่าตา เราไปตั้งให้มัน แล้วที่โด่งเป็นสันออกมา เราไปตั้งชื่อให้มันว่า “จมูก” แต่ตัวจมูกมันไม่รู้ว่ามันเป็นจมูก พอเราไปแยกมันอย่างนี้ เดี๋ยวตากับจมูกทะเลาะกัน เป็นอย่างนี้

 

อันนี้คือเราหลงสมมติ พอหลงสมมติมากเข้าๆไปเจอคนอื่นซึ่งต่างกัน สมมติพระธรรมยุตกับพระมหานิกาย พระธรรมยุตมาถึงวัดค่ำมากแล้ว มาขอพักวัดพระมหานิกาย พระมหานิกายลงไปต้อนรับ

ถามว่า “ท่านสังกัดไหน”พอบอก “เป็นธรรมยุต

“นิมนต์ข้างหน้าครับ”

ไม่เอาแล้ว เพราะอะไร ก็ไปติดคำว่านิกายไง คือละกันไม่ลง

 

มีเรื่องเล่านานมาแล้ว เขาบอกว่า มีโยมคนหนึ่งไปตักบาตรพระ เขาจะถามตลอดว่า “ท่านนิกายอะไร” ถ้าบอกว่าเป็นธรรมยุตแล้วโยมตักบาตรทุกครั้งเลย แต่ถ้าเป็นพระมหานิกายจะไม่ใส่บาตร ทีนี้พระก็หมั่นไส้ พระมหานิกายบางรูปห่มจีวรสีเหลือง ก็เปลี่ยนจีวรเป็นสีกรัก เพื่อทำให้โยมเข้าใจว่าเป็นพระนิกายธรรมยุต ก็ทำให้อิ่มทุกมื้อเหมือนกันทำให้พระกลายเป็นนักโกหกอีก นี่คือพอหลงสมมติแล้วมันรวน มันรักคนอื่นไม่ลง

 

เพราะฉะนั้น ในฐานะมนุษยชาติ เราจะต้องหัดถอดสมมติเพื่อเข้าให้ถึงแก่นแท้ของความเป็นคน อย่าไปนึกว่า นั่นนิกายนี้ นั่นศาสนานี้ นั่นภาษาโน้น นั่นวัฒนธรรมนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเปลือกของมนุษย์ทั้งสิ้น ถ้าเรารักกันไม่ได้ บางครั้งเราต้องรู้จักความจริงที่แท้คืออะไร ถ้าเรารู้ เราก็รักคนได้ทั้งโลก อย่างพระพุทธเจ้า สอนคนตั้งแต่ราชากษัตริย์จนถึงจัณฑาล

 

ในคำสอนของพระองค์ซึ่งสำคัญมาก พระองค์ตรัสว่า“ไฟเกิดจากไม้ต่างชนิด แต่สีเดียวกัน คือ สีแดง ดังนั้นคนทุกคนเมื่อเข้ามาสู่ร่มเงาของพระธรรมวินัยแล้ว เป็นสมณศากยบุตรเหมือนกันหมดเลย ไม่มีพระราชามหากษัตริย์ ไม่มีพราหมณ์ ไม่มีแพศย์ ไม่มีศูทร คนทุกคนเมื่อมาบวชกับฉันทุกคนเสมอกัน คือเป็นลูกของตถาคต” แล้วตรัสอีกว่า “น้ำทุกสาย ไม่ว่าจะไหลมาจากแม่น้ำอะไรก็ตาม ชื่ออะไรก็ตาม ไหลลงสู่มหาสมุทร มีรสรสเดียวคือ รสเค็ม”ความข้อนี้ฉันใด สิ่งที่เราพูดกันอยู่ก็เช่นนั้น เมื่อเราถอดสิ่งสมมติที่ครอบงำของเราออกทั้งหมด เราจะเห็นคนที่อยู่ข้างๆเรา เป็นมนุษยชาติเท่ากันกับเรา เมื่อเห็นอย่างนี้เราก็รักคนทั้งโลก นี่แหละคือวิธีที่ทําให้เข้าถึงรักแท้

 

วิธีที่ 3 เจริญสมาธิภาวนา

วิธีเจริญสมาธิภาวนาเมื่อทําไปได้แต่ละระดับ จิตจะ ละเมียดมากๆ ผู้เขียนเคยไปฝึกสมาธิที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้ว วันหนึ่งไปเหยียบผึ้งตาย ในระหว่างที่นั่งฉันอยู่มีผึ้งมารุม เราเอาฝาบาตรไปวางไว้ถูกผึ้งตาย เชื่อไหม วันนั้นทั้งวัน นั่งสมาธิไม่นิ่งเลยหลับตาก็เห็นผึ้ง ตัวเดียวนิดเดียวแต่ สั่นคลอนเอาได้ทั้งคืนทั้งวัน เพราะเราเห็นว่าเราทําปาณาติบาต

 

ถ้าเป็นคนทั่วไปบางคนฆ่าคนหลายศพยังไม่สะเทือน เพราะจิตหยาบ เมื่อไรก็ตามที่จิตของเราประณีต แม้แต่ผึ้ง 1 ตัว มด 1 ตัว คืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับ ดังนั้น ถ้าเราฝึก สมาธิภาวนา จิตของเราประณีต แล้วทําร้ายใครไม่ลงหรอก อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย แม้แต่จะคิดให้เขาเป็นศัตรูก็คิดไม่ได้

 

ถ้าเราเจริญสมาธิภาวนา ในระหว่างที่เจริญนี่เอง จิต ก็จะละเมียดละมุนละไมทําร้ายใครไม่ลง เกิดเมตตาขึ้นมา โดยอัตโนมัติ เป็นเมตตาจิต แล้วถ้าปฏิบัติลึกไปจริงๆ ไปถึง โพธิปัญญา ถ้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ก็คือ อรหัตมรรคผลและนิพพานแล้ว ก็รักคนได้ทั้งโลก จิตนี้จะอบร่ำด้วยกรุณาอย่างแท้จริง พอเราไปถึงตาน้ำแห่งกรุณา มองไม่เห็นใครเลยที่เป็นศัตรูกับเรา รักคนทั้งโลกอย่างไม่มีเงื่อนไข เหมือนกับแสงเดือนแสงตะวันที่มันสาดลงผืนโลก โดยไม่เลือกที่รัก ไม่มักที่ชัง ไม่เก็บค่าแรง

 

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ทำงานก็ด้วยการเข้าถึงโพธิปัญญา พอเข้าโพธิปัญญาแล้ว ความรักไร้ขอบเขตไร้พรมแดนอย่างสิ้นเชิง นี่แหละคือรักแท้ที่เราจะต้องไปให้ถึง

 

ถ้าไปให้ถึงรักแท้แล้วโลกก็สันติ ถามว่าทำไมทุกวันนี้โลกถึงขาดสันติก็เพราะว่าคนที่จะไปสร้างสันติให้กับโลก ในใจยังไม่มีรักแท้ถ้าจะสถาปนาสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลก เราจะต้องเอาบุคคลแห่งความรัก บุคคลแห่งสันติไปสถาปนา แต่เอาเอาบุคคลแห่งความรุนแรงไปสถาปนา สันติมันเกิดไม่ได้

 

นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด และเป็นความจริงที่สุดที่จะสร้างสันติภาพโลก ถ้าเข้าถึงโพธิปัญญาได้เมื่อไร เมื่อนั้นโลกนี้เป็นโลกแห่งความรัก โลกแห่งความรัก พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “อัพยาปัชฌาโลก” ก็คือ โลกที่ไร้การเบียดเบียนอย่างสิ้นเชิง นี่คือโลกในอุดมคติของพระพุทธศาสนา ก็คือ โลกแห่งสันติภาพ โลกแห่งความรัก

 

ถ้าเราทำ 3 วิธีนี้ได้ เราก็ก้าวไปให้ถึงรักแท้ได้ด้วยกันทุกผู้ทุกคน และคำสอนที่สำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนาซึ่งควรจะนำมาเน้นย้ำกันก็คือ “โลโกปัตถัมภิกา เมตตา”

 

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ถ้าทำได้จริงๆ เมื่อไร โลกของเรามนุษยชาติของเรา ก็จะอบอวลไปด้วยความรัก นี่คือรักที่จะต้องเข้าไปให้ถึง สูงกว่ารักเชิงสัญชาตญาณ สูงกว่ารักตัวกลัวตาย สูงกว่ารักเพราะสายสัมพันธ์แต่เป็นรักที่เกิดจากหัวใจ ซึ่งไม่มีความโกรธเกลียดเหลืออยู่อีกเลย คือ รักเพราะกรุณาซึ่งเกิดจากโพธิปัญญาที่แท้ในพระพุทธศาสนา

 

อ้างอิง : ก้าวไปให้ถึงรักแท้ ว.วชิรเมธี

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
machete007's profile


โพสท์โดย: machete007
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: machete007
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชงแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนายกองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรงภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้าสารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส"เป็กกี้ ศรีธัญญา" โพสต์แซ่บถึง "นิยาย" ที่แสนสนุก ใครคือเจ้าของเรื่องตัวจริง?กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก, ประสบการณ์ชีวิต
การเดินทางที่ไม่สามารถที่จะระบุเวลาที่จะถึงได้ "แล้วแต่สถานการณ์ระหว่างทาง"ความรู้นั้นมีการรวบรวม ส่วนของวรรณกรรมและเรื่องราวความเป็นมา (ปราสาทหินพิมาย)"อย่าเดินเหยียบธรณีประตู" สิ่งที่ติดหูเรานั้นมาตลอด คำบอกเล่าจากยายใต้เเสงไฟคริสมาสต์ จุดประกายความหวังครั้งใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่