ผ่าตัดสมองซีกเดียว: ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ที่หยุดอาการชักรุนแรงโดยไม่กระทบความทรงจำหรือบุคลิกภาพ
ผ่าตัดสมองซีกเดียว: ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ที่หยุดอาการชักรุนแรงโดยไม่กระทบความทรงจำหรือบุคลิกภาพ
ผ่าตัดสมองซีกเดียว: ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ที่หยุดอาการชักรุนแรงโดยไม่กระทบความทรงจำหรือบุคลิกภาพ
ลองจินตนาการถึงการผ่าตัดที่ฟังดูแล้วบ้าบิ่นสุด ๆ อย่างการ ผ่าเอาสมองออกไปครึ่งซีก ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด! การผ่าตัดที่เรียกว่า Hemispherectomy หรือการผ่าตัดสมองซีกเดียว ฟังดูเป็นอะไรที่รุนแรงเกินกว่าจะพิจารณาด้วยซ้ำ แต่น่าทึ่งที่ในศตวรรษที่ผ่านมา ศัลยแพทย์กลับทำการผ่าตัดชนิดนี้ไปแล้วหลายร้อยครั้ง เพื่อรักษาโรคทางสมองที่หาวิธีอื่นมารักษาไม่ได้ ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือ การผ่าตัดนี้ ไม่มีผลกระทบต่อบุคลิกภาพหรือความทรงจำ อย่างที่หลายคนกังวลเลยแม้แต่น้อย!
เรื่องราวสุดตะลึงนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1888 โดยนักสรีรวิทยาชาวเยอรมันชื่อ Friedrich Goltz เขาทำการผ่าตัด Hemispherectomy ครั้งแรกที่เรารู้จักกันใน สุนัข เป็นตัวแรก ส่วนในมนุษย์นั้น Walter Dandy ศัลยแพทย์ระบบประสาทผู้บุกเบิกการผ่าตัดนี้ ได้ทำการผ่าตัดครั้งแรกในปี 1923 ที่ Johns Hopkins University ให้กับผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง ซึ่งผู้ป่วยรายนั้นมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าสามปีก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในที่สุด นี่คือหนึ่งในการผ่าตัดสมองที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตามที่ John Freeman นักประสาทวิทยาจาก Johns Hopkins เคยติดตลกไว้ว่า “คุณเอาออกไปได้แค่ครึ่งเดียว ถ้าเอาออกไปหมด คุณคงมีปัญหาแน่ๆ”
“คุณเอาออกไปได้แค่ครึ่งเดียว ถ้าเอาออกไปหมด คุณคงมีปัญหาแน่ๆ”
— John Freeman, นักประสาทวิทยาจาก Johns Hopkins
จุดเริ่มต้นของการรักษาอาการชัก
ผลข้างเคียงที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ Kenneth McKenzie ศัลยแพทย์ระบบประสาทชาวแคนาดา รายงานไว้ในปี 1938 หลังจากทำการผ่าตัด Hemispherectomy กับเด็กหญิงวัย 16 ปีที่ประสบภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ก็คือ อาการชักของเธอหยุดลง หลังจากนั้นมา การผ่าตัดนี้จึงกลายเป็นความหวังใหม่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการชักรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยา
ในปัจจุบัน การผ่าตัด Hemispherectomy มักจะทำในผู้ป่วยที่มีอาการชัก หลายสิบครั้งต่อวัน ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยาใดๆ เลย และอาการเหล่านั้นมักจะมาจากความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อสมองเพียงซีกเดียวเท่านั้น “ความผิดปกติเหล่านี้มักจะลุกลามและทำลายสมองส่วนที่เหลือได้หากไม่ได้รับการรักษา” Gary Mathern ศัลยแพทย์ระบบประสาทจาก University of California, Los Angeles อธิบายเสริม Freeman ก็เห็นด้วยว่า “การผ่าตัด Hemispherectomy เป็นสิ่งที่เราจะทำก็ต่อเมื่อทางเลือกอื่น ๆ แย่กว่าเท่านั้น” นี่แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจทำการผ่าตัดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นทางออกสุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
ความแตกต่างของการผ่าตัด: Anatomical vs. Functional
การผ่าตัด Hemispherectomy นั้นมีอยู่สองประเภทหลักๆ ที่ต้องทำความเข้าใจ:
- Anatomical Hemispherectomy: เป็นการผ่าตัดที่ นำสมองออกไปทั้งซีก โดยสมบูรณ์แบบ ฟังดูน่ากลัว แต่สำหรับบางกรณีที่ความเสียหายรุนแรงและครอบคลุมทั้งซีกสมอง นี่คือทางเลือกที่จำเป็น
- Functional Hemispherectomy: การผ่าตัดประเภทนี้จะ นำสมองออกไปเพียงบางส่วน ของซีกสมองที่ได้รับผลกระทบ และที่สำคัญคือจะทำการ ตัดเส้นใย Corpus Callosum ซึ่งเป็นมัดเส้นใยประสาทที่เชื่อมสมองทั้งสองซีกเข้าด้วยกันออก เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติจากซีกสมองที่มีปัญหาแพร่กระจายไปยังสมองซีกที่ดี
สิ่งที่น่าทึ่งคือ หลังจากผ่าตัดแล้ว โพรงสมองที่เคยเป็นที่อยู่ของเนื้อสมองที่ถูกนำออกไปนั้นจะถูกปล่อยว่างไว้ และจะ เต็มไปด้วยน้ำไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid) ในเวลาเพียงหนึ่งวันหรือประมาณนั้นเอง ร่างกายจะปรับตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์
การผ่าตัด Hemispherectomy จึงไม่ใช่แค่การผ่าตัดสมองธรรมดา แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่สามารถช่วยชีวิตผู้คน และเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการชักรุนแรงให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แม้จะฟังดูรุนแรง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับน่าอัศจรรย์ และทำให้เห็นว่าสมองของมนุษย์นั้นมีความสามารถในการปรับตัวและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเหลือเชื่อ
คุณคิดว่าการผ่าตัดแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจหรือน่าทึ่งกันแน่? หรือคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดที่ "บ้าบิ่นแต่ได้ผล" นี้หรือไม่?
















