ชายคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาบอกความจริงของโลก และต้องจ่ายด้วย “อิสรภาพ 18 ปี” — เรื่องของ “โมรเดไค วานูนู” ที่ดิฉันอยากให้ทุกคนรู้จัก
“โมรเดไค วานูนู” เขาเคยเป็นช่างเทคนิคทำงานอยู่ในศูนย์นิวเคลียร์ลับของอิสราเอลที่ชื่อว่า ดีโมนา (Dimona)
เขาไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์เก่งกล้าระดับโลก ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่นายพล แต่เขาคือคนธรรมดา ที่กล้าบอกว่า "ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง และฉันอยากให้โลกได้รู้"
ในปี 1986 เขาออกมาให้ข้อมูลกับ The Sunday Times หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ เปิดโปงว่า อิสราเอลมีโครงการลับพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และมีหัวรบนิวเคลียร์หลายร้อยลูก ทั้งที่อิสราเอลไม่เคยยอมรับกับโลกว่า "มี" หรือ "ไม่มี" อาวุธนี้เลย
เขาถ่ายรูปโรงงานด้วยกล้องฟิล์มที่ซ่อนไว้ในถุงเท้า แอบถ่ายกลางดึก แล้วนำภาพไปเผยแพร่ จนหนังสือพิมพ์พาดหัวว่า
“เปิดโปง: ความลับคลังสรรพาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล”
กลายเป็นข่าวดังระดับโลก
แต่ผลลัพธ์ก็คือ... เขาหายตัวไปในวันเดียวกับที่ข่าวออก
ไม่ใช่เพราะหนีไปเองนะคะ แต่เพราะถูก “ลักพาตัว” โดยหน่วยข่าวกรองอิสราเอล มอสซาด
ด้วยแผนที่เรียกว่า “กับดักน้ำผึ้ง” — หญิงสาวคนหนึ่งมาทำทีเป็นจีบเขา พาไปกรุงโรม แล้ววางยา ลักพาตัวกลับอิสราเอล
โมรเดไค วานูนู เขาถูกขังอยู่คนเดียวเป็นเวลานานหลายปี ถูกตัดขาดจากโลกนอก ถูกตัดสินว่ากบฏและจารกรรม
แต่เขายืนยันเสมอว่า
“ผมไม่ได้ทรยศประเทศ ผมแค่บอกความจริงกับโลก”
ในขณะที่อิสราเอลไม่เคยรับรองหรือปฏิเสธเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ แต่ข้อมูลจากวานูนูก็ทำให้ทั่วโลกรู้ว่ามี "อะไรบางอย่าง" อยู่จริง และไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย
เขาถูกปล่อยตัวในปี 2004 หลังถูกจองจำถึง 18 ปี และถึงวันนี้เขายังถูกจำกัดเสรีภาพ เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ ถูกจับอีกหลายครั้งเมื่อฝ่าฝืนข้อห้าม
แต่เขายังคงพูดคำเดิมว่า...
“ผมไม่เสียใจเลย… กับสิ่งที่ผมทำ เพื่อให้โลกเห็นความจริง”
เรื่องของวานูนู เตือนใจดิฉันเรื่องหนึ่งค่ะ...
ความกล้าหาญบางครั้งก็ไม่ได้พาเราไปสู่ชื่อเสียง หรือความร่ำรวย
แต่มันคือการเลือกที่จะยืนอยู่ข้าง “ความจริง” แม้ต้องสูญเสียเกือบทุกอย่างก็ตาม
ดิฉันเชื่อว่า บางครั้งเราควรย้อนมองคนเล็ก ๆ ที่กล้าทำในสิ่งใหญ่ ๆ
ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกว่าใคร แต่เพราะเขามี “ความซื่อสัตย์ต่อมนุษยชาติ”
และโลกเราต้องการคนแบบนี้มากขึ้นค่ะ













