“กุ้งฝอย” ขุมทรัพย์จากธรรมชาติ แคลเซียมสูงกว่าเต้าหู้ถึง 3 เท่า – จีนยกให้เป็นยาบำรุงฤดูร้อน
ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดจนอาจทำให้หลายคนรู้สึกเบื่ออาหาร การเลือกวัตถุดิบที่ให้ทั้งความสดชื่นและประโยชน์ทางโภชนาการจึงเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในอาหารที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้ คือ “กุ้งฝอย” วัตถุดิบจากท้องทะเลที่ได้รับการยกย่องในประเทศจีนว่าเป็น “ยาบำรุงแสนอร่อยประจำฤดูร้อน”
กุ้งฝอย เป็นวัตถุดิบที่คนไทยคุ้นเคยกันดี และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามตลาดสดทั่วไป นอกจากจะมีรสชาติอร่อย เนื้อนุ่ม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวแล้ว ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะ “แคลเซียม” ที่มีในปริมาณสูงมาก
จากข้อมูลทางโภชนาการ พบว่า
- กุ้งฝอย 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 991 มิลลิกรัม
- ขณะที่เต้าหู้ในปริมาณเท่ากัน มีแคลเซียมเพียง ประมาณ 367 มิลลิกรัม
- และเนื้อไก่มีเพียง 11 มิลลิกรัม เท่านั้น
ซึ่งหมายความว่า กุ้งฝอยมีแคลเซียมมากกว่าเต้าหู้ถึง กว่า 3 เท่า และมากกว่าเนื้อไก่ถึง กว่า 90 เท่า จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมแคลเซียมให้ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ เด็กในวัยเจริญเติบโต หรือหญิงตั้งครรภ์
นอกจากแคลเซียมแล้ว กุ้งฝอยยังอุดมด้วย
- โปรตีนคุณภาพสูง
- ไอโอดีน ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ธาตุเหล็ก ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
- ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนในขนาดเพียงช้อนเดียว กุ้งฝอยจึงถือเป็น “ขุมทรัพย์ทางอาหาร” ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารเพื่อฟื้นฟูความสดชื่น
ประชาชนสามารถนำกุ้งฝอยมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ยำ แกง ไข่เจียว หรือเป็นไส้เกี๊ยวแบบจีน ก็ให้รสชาติกลมกล่อมและเติมคุณค่าทางอาหารได้อย่างลงตัว





