ย้อนรอยประวัติศาสตร์จีน จากขอทานสู่ปฐมจักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น
ในยุคที่แผ่นดินจีนเต็มไปด้วยความวุ่นวายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิฉิน บรรดาวีรบุรุษต่างพยายามช่วงชิงอำนาจ แต่ใครจะเชื่อว่าชายสามัญชนไร้ชื่อเสียงที่เคยเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เล็กๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นขอทาน จะก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ที่ปกครองจีนยาวนานเกือบ 400 ปี ชายผู้นั้นคือ หลิวปัง
หลิวปัง ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจน ไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลขุนนางหรือชนชั้นสูง แม้ไม่ค่อยขยันในงานเกษตร แต่เขากลับมีพรสวรรค์ในการพูดจาโน้มน้าวใจ เข้ากับคนง่าย และชักจูงผู้คนได้เก่งกาจ เขาเริ่มต้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ตำบลระดับล่าง ซึ่งแม้จะเป็นตำแหน่งเล็กๆ แต่ก็ทำให้เขาได้รู้จักเครือข่ายของคนมีอำนาจและขุนศึกในพื้นที่มากขึ้น
จุดเปลี่ยนและโอกาสในความวุ่นวาย
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของหลิวปังมาถึงเมื่อจักรวรรดิฉินเริ่มเสื่อมอำนาจลง หลังการสวรรคตของจิ๋นซีฮ่องเต้ แผ่นดินจีนก็ตกอยู่ในความแตกแยกและเกิดกบฏขึ้นทั่วทุกหนแห่ง การปกครองที่โหดเหี้ยมและการเกณฑ์แรงงานอย่างหนักเพื่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น กำแพงเมืองจีน ทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างมาก หลิวปังเองในฐานะผู้ควบคุมแรงงาน ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อแรงงานบางคนหนีหายไป เขารู้ดีว่าจะถูกลงโทษประหาร จึงตัดสินใจหลบหนีไปเช่นกัน
ในปี 209 ก่อนคริสตกาล การก่อกบฏของเฉิงเซิลและอู๋กวางได้จุดประกายให้คนทั้งแผ่นดินลุกขึ้นต่อต้านจักรวรรดิฉิน หลิวปังมองเห็นโอกาสในความวุ่นวายนี้ จึงประกาศตนเป็นขุนศึก รวบรวมกำลังพลในท้องถิ่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วยทักษะการโน้มน้าวใจผู้คน
พันธมิตรและการชิงชัยสู่บัลลังก์
หลิวปังได้เข้าเป็นพันธมิตรกับ เซี่ยงอวี่ ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังต่อต้านจักรวรรดิฉิน ทั้งสองตกลงกันว่าใครยึดเมืองหลวงเสียนหยางได้ก่อนจะได้เป็นผู้ครองแผ่นดิน และหลิวปังก็สามารถยึดเมืองหลวงได้ก่อนในปี 206 ก่อนคริสตกาล ด้วยความมีเมตตา เขาไม่ปล้นสะดมและไม่ทำร้ายเชื้อพระวงศ์ฉิน ทำให้ได้รับความนิยมจากประชาชน
แต่ความสำเร็จของหลิวปังทำให้เซี่ยงอวี่ไม่พอใจ เซี่ยงอวี่รีบยกทัพเข้าเสียนหยาง สั่งกำจัดจักรพรรดิองค์สุดท้ายและเผาเมือง หลังจากนั้นเซี่ยงอวี่ได้ตั้งตัวเองเป็นฉู่ป้าอ๋อง และส่งหลิวปังไปปกครองแคว้นฮั่น ซึ่งเป็นดินแดนที่ห่างไกลและยากจน เหตุการณ์นี้ทำให้ความบาดหมางระหว่างทั้งสองชัดเจนขึ้น นำไปสู่ สงครามฉู่-ฮั่น ที่กินเวลานานกว่า 4 ปี
แม้เซี่ยงอวี่จะเป็นยอดขุนศึกที่เก่งกาจด้านการทหาร แต่หลิวปังกลับมีความสามารถในการบริหารจัดการคน การเมือง และการวางกลยุทธ์ เขาร่วมมือกับแม่ทัพยอดฝีมืออย่าง ฮั่นซิ่น เซียวเหอ และ จางเหลียง ในที่สุด หลิวปังก็สามารถเอาชนะเซี่ยงอวี่ได้ เซี่ยงอวี่ตัดสินใจจบชีวิตที่ริมแม่น้ำอู๋เจียง และหลิวปังก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่น มีพระนามว่า ฮั่นเกาจู่
ชีวิตรักและฉายา "ร่วมทุกข์ได้ แต่ร่วมสุขไม่ได้"
ชีวิตของหลิวปังเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าทึ่ง รวมถึงชีวิตรักของเขากับ หลี่จื้อ ภรรยาผู้ฉลาดและแข็งแกร่ง ทั้งคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่หลิวปังยังเป็นขุนนางเล็กๆ แม้ในยามที่หลิวปังออกศึก หลี่จื้อและบุตรชายต้องตกเป็นตัวประกัน แต่เธอก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้
เมื่อหลิวปังเป็นฮ่องเต้ หลี่จื้อได้เป็นฮองเฮา แต่ชีวิตรักของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอนเมื่อหลิวปังมีนางสนมมากมาย โดยเฉพาะพระสนมฉี ซึ่งเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ หลังจากหลิวปังสิ้นพระชนม์ หลี่จื้อ ซึ่งต่อมาได้เป็นหลี่ไทเฮา ได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ และทรมานพระสนมฉีอย่างโหดเหี้ยม เรื่องราวนี้เป็นที่โจษจันในประวัติศาสตร์จีน
มีคำกล่าวว่าฮั่นเกาจู่ "ร่วมทุกข์ได้ แต่ร่วมสุขไม่ได้" หมายความว่าในช่วงที่หลิวปังยังไม่ได้เป็นฮ่องเต้ เขามีบุคลิกอ่อนโยนและสร้างพันธมิตรได้ดี แต่เมื่อได้ครองราชย์ เขากลับเริ่มระแวงและกำจัดขุนศึกที่เคยร่วมรบด้วยอย่างโหดเหี้ยม แม้ชีวิตของหลิวปังจะพลิกผันจากยาจกสู่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่เปลี่ยนแปลงบุคลิกของมนุษย์ได้














