เจ้าหญิงนิทรา 4.0
ลงใน อ่านอิ่มรวมเรื่องสั้น ฉบับที่ 3 วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568
เจ้าหญิงนิทรา 4.0
โดย อักษราลัย
กาลครั้งหนึ่งในอาณาจักรชื่อว่า “นิรนาม” มีพระราชาและพระราชินีที่ครองราชย์ด้วยความเมตตาและความไม่สนใจในการบริหารบ้านเมือง ทั้งคู่ทรงโหยหาพระโอรสหรือพระธิดามานานจนแทบลืมว่าประชาชนกำลังอดอยาก
วันหนึ่งพระราชินีทรงตั้งพระครรภ์ หลังจากที่ทรงจ่ายเงินอย่างมหาศาลให้กับที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์จากต่างแดน ข่าวดีนี้ทำให้ราชสำนักจัดงานเฉลิมฉลองเต็มรูปแบบโดยเก็บภาษีพิเศษจากราษฎรที่แทบไม่มีจะกิน
เมื่อเจ้าหญิงประสูติ พระราชาทรงเรียกแม่มดทั้งสิบสามในอาณาจักรมาร่วมงานเลี้ยง แต่เนื่องจากงบประมาณถูกใช้ไปกับการตกแต่งพระราชวังใหม่ จึงมีจานอาหารเพียงสิบสองใบ แม่มดคนที่สิบสามจึงไม่ได้รับเชิญ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ประหยัดงบที่ทุกคนตั้งใจ เพราะแม่มดคนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการกินจุและมักจะนำถุงพลาสติกมาใส่อาหารกลับบ้าน
แม่มดสิบเอ็ดคนแรกมอบของขวัญให้เจ้าหญิง ทั้งความงาม เสียงไพเราะ ปัญญาเฉียบแหลม และความสามารถในการเลือกคู่ครองที่รวยที่สุด แต่แล้วแม่มดคนที่สิบสามก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยความโกรธที่ไม่ได้รับเชิญและไม่มีอาหารให้กินฟรี นางจึงสาปให้เจ้าหญิงจะต้องถูกเข็มเย็บผ้าตำในวันเกิดปีที่สิบหกและหลับไหลไปตลอดกาล
แม่มดที่สิบสองซึ่งยังไม่ได้ให้พรรีบออกมาช่วย นางบอกว่าไม่สามารถแก้คำสาปได้ทั้งหมด แต่เจ้าหญิงจะหลับไปเพียงร้อยปีเท่านั้น แล้วจะมีเจ้าชายมาปลุกด้วยจุมพิตแห่งรัก ทุกคนในพระราชวังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับว่าการหลับไปร้อยปีเป็นเรื่องน่ายินดี
พระราชาทรงออกคำสั่งให้ทำลายเข็มเย็บผ้าทุกเล่มในอาณาจักร โรงงานทอผ้าต้องปิดตัวลง คนงานตกงานนับพันคน แต่ไม่มีใครกล้าท้วงติง ยกเว้นช่างตัดเสื้อประจำราชสำนักที่ยังคงลักลอบใช้เข็มเพื่อตัดชุดใหม่ให้พระราชินีทุกสัปดาห์
เจ้าหญิงเติบโตขึ้นท่ามกลางความหรูหราฟุ่มเฟือย ทรงถูกสอนให้หวาดกลัวเข็มเย็บผ้าตั้งแต่เล็ก จนเกิดความคลั่งไคล้ในแฟชั่นที่ไม่ต้องใช้เข็มเย็บ เช่น ชุดสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่มีราคาแพงลิบลิ่ว
วันเกิดปีที่สิบหกของเจ้าหญิงมาถึง ขณะที่พระราชวังกำลังจัดงานเฉลิมฉลองอย่างอลังการ เจ้าหญิงเสด็จไปยังหอคอยที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเพราะยังไม่ได้ปรับปรุงให้มีรูปลักษณ์ทันสมัย ที่นั่นเจ้าหญิงทรงพบหญิงชราคนหนึ่งกำลังเย็บผ้า
“นั่นอะไรน่ะ?” เจ้าหญิงถาม พระองค์ไม่เคยเห็นเข็มเย็บผ้ามาก่อน
“มันคือเครื่องมือที่ทำให้คนมีอาชีพและเลี้ยงปากท้องได้ ก่อนที่พระบิดาของเธอจะสั่งห้ามใช้” หญิงชราตอบพร้อมยื่นเข็มให้ “ลองจับดูสิ”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าหญิงหยิบเข็มมาและแน่นอน... เข็มตำพระองค์จนนิ้วเลือดออก ทันใดนั้นคำสาปก็เกิดผล เจ้าหญิงล้มลงและหลับใหล
คำสาปแผ่ขยายไปทั่วพระราชวัง ทุกคนล้มลงหลับไหล ยกเว้นรัฐมนตรีที่ดูแลงบประมาณซึ่งเผอิญไม่อยู่ที่พระราชวังในวันนั้นเพราะไปเปิดบัญชีในต่างประเทศ ภายในไม่กี่ชั่วโมง พงหนามก็งอกขึ้นล้อมรอบพระราชวัง เป็นพงหนามที่มีการเติบโตเร็วผิดธรรมชาติเนื่องจากสารเคมีจากโรงงานข้างเคียงที่ไม่มีการควบคุมมลพิษ
เวลาผ่านไปร้อยปีไวเหมือนโกหก โลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปมาก อาณาจักรนิรนามถูกลดสถานะเป็นเพียงแผ่นดินเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสนใจ เพราะไม่มีทรัพยากรที่น่าดึงดูดนักลงทุน วันหนึ่งมีชายหนุ่มที่ชื่อว่า “เจ้าชาย” (เพราะพ่อแม่ชอบตั้งชื่อลูกแบบทันสมัย) เดินทางมาถึงพงหนาม เขาไม่ได้เป็นเจ้าชายแต่เป็นนักการตลาดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เขาได้ยินเรื่องราวของพระราชวังที่ถูกทิ้งร้างและคิดว่านี่คือโอกาสทองในการสร้างรีสอร์ตหรู
เจ้าชายใช้มีดพกตัดผ่านพงหนามและเดินทางเข้าไปจนถึงห้องบรรทมของเจ้าหญิง เขาไม่ได้ตั้งใจจะจูบเธอเพราะรู้ว่านั่นเป็นการล่วงละเมิด แต่ในขณะที่กำลังถ่ายรูปพระราชวังเพื่อทำสื่อโฆษณา กล้องของเขาเกิดตกลงบนริมฝีปากของเจ้าหญิงพอดี
ราวกับปาฏิหาริย์ เจ้าหญิงลืมตาขึ้น มองเจ้าชายด้วยความสงสัยและถามว่า “ท่านเป็นเจ้าชายใช่ไหม?”
“ผมชื่อเจ้าชายครับ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าชายจริง ๆ” เขาตอบพร้อมยื่นนามบัตรให้ “ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”
ทั่วทั้งพระราชวัง ทุกคนเริ่มตื่นขึ้น พวกเขางุนงงกับโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่เจ้าหญิงกลับสนใจแผนธุรกิจของเจ้าชายมากกว่า นี่คือโอกาสที่จะทำให้อาณาจักรนิรนามกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
พระราชาและพระราชินีตกลงให้เจ้าชายแต่งงานกับเจ้าหญิง ไม่ใช่เพราะความรักแต่เพราะข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจ เจ้าชายเปลี่ยนพระราชวังให้เป็นรีสอร์ตหรู ด้วยคอนเซ็ปต์ “สัมผัสชีวิตเจ้าหญิงในยุคกลาง” ที่เรียกเก็บราคาแพงลิบลิ่ว
เจ้าหญิงและเจ้าชายไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างรวยลัลล้าตลอดไป ส่วนชาวบ้านธรรมดา ๆ ยังคงเป็นแรงงานราคาถูกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไปเหมือนเช่
นทุกยุคสมัย
………….. จบบริบูรณ์ …………….






















