กินของหวาน ขนม ยามดึก ก่อนเข้านอน มีผลเสียมากกว่าที่คิด
1.น้ำหนักขึ้นง่าย อ้วน อาหารหวาน มีน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง หลังอาหารมื้อเย็น เป็นช่วงพักผ่อนที่ไม่ค่อยได้ทำงาน หรือออกกำลังกาย หมายถึง ร่างกายไม่มีเวลาเผาผลาญแคลลอรี่ที่กินเข้าไปได้หมด น้ำตาลจะแปรสภาพเป็นไขมัน เกาะอยู่ตามต้นแขน ต้นขา ที่เห็นได้ชัดเจน คือ หน้าท้อง
2.เพิ่มน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน การกินของหวาน, อาหารที่เป็นแป้ง, เสี่ยงต่อการเพิ่มน้ำตาลในเลือดมาก แม้เป็นผู้ที่มีน้ำตาลปกติ หากกินบ่อย ๆ ก็เสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้ เพราะร่างกายสามารถดูดนำไปใช้ หรือเก็บได้ทันที ทำให้ต้องหลั่งอินซูลินมาก เพื่อให้กำจัดน้ำตาลให้หมด สุดท้ายการหลั่งอินซูลินจะแปรปรวนจนกลายเป็นโรคเบาหวานได้
3.นอนหลับยาก หรือ นอนไม่หลับ การกินอาหารเข้าไปมาก ๆ ก่อนนอน จะทำให้ร่างกายโดยเฉพาะกระเพาะอาหารทำงานหนักไม่ได้หยุดหรือช้าเหมือนอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้การนอนหลับเป็นไปได้ไม่ดี เพราะกระเพาะอาหารยังคงทำงาน ทำให้เกิดพลังงานและความร้อน จนทำให้มีอาการนอนกระสับกระส่าย ร่างกายก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่หมด ไม่สดชื่นหลังการตื่นนอนอีกด้วย
4.ผิวพรรณไม่ดี แก่ง่าย ฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การเผาผลาญพลังงานทำได้ไม่หมด อวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งผิวพรรณ คอลลาเจนและอิลาสติน ยังคงถูกทำลาย จะส่งผลให้ ร่างกายเสื่อม
5.ฟันเสียหายร้ายแรง นักวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ได้ศึกษาประวัติการแพทย์ของชาวเดนมาร์ก 2,217 คน พบว่า ผู้ที่ชอบกินเวลากลางดึก จะเสี่ยงกับเป็นคนฟันเสียมากที่สุด เพราะคนเราจะมีน้ำลายน้อยที่สุดตอนกลางคืน จนไม่เพียงพอที่จะทำความสะอาดกำจัดเศษอาหารในปาก
วารสารวิชาการ "พฤติกรรมการกิน" ของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานการศึกษา แจ้งว่า ผู้ที่ถูกพบว่า เป็นคนชอบกินกลางคืนจะฟันเสียมากที่สุด ศาสตราจารย์ดาเมียน วอล์มสลีย์ ที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของทันตแพทย์สมาคมอังกฤษ กล่าวให้ความเห็นว่า การกินเวลากลางคืน ในยามที่ปากมีน้ำลายอยู่น้อยที่สุด จะทำให้มีอาหารอยู่ในปากนานที่สุด ทำให้น้ำตาลและอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดคงอยู่ในปากนานที่สุด พร้อมกับแนะว่า ทางที่ดีที่สุด ก่อนจะแปรงฟันก่อนเข้านอนไม่ต่ำกว่า 1 ชม. ควรจะกินแต่น้ำเท่านั้น






