หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องราว "แอนนาลิส มิเชล" ตำนานหลอนที่โลกไม่ลืม

เนื้อหาโดย มะม่วงแอปเปิ้ล

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1968 เมื่อแอนนาลิส มิเชล เด็กสาววัย 16 ปี เริ่มมีอาการตัวสั่นและชักบ่อยครั้ง แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคลมบ้าหมู แต่หลังจากรักษาตัวถึง 5 ปี อาการกลับไม่ดีขึ้น แถมเธอยังเริ่มเห็นภาพหลอนและพูดถึงผีปีศาจ จนทุกคนเชื่อว่าเธอถูกผีสิง ครอบครัวจึงพาเธอไปหาบาทหลวงและหมอผี แต่สถานการณ์ยิ่งแย่ลง แอนนาลิสเริ่มทำร้ายตัวเองและคนในครอบครัว ปฏิเสธอาหารปกติ แต่กลับกินแมลง ซากสัตว์ และแม้กระทั่งปัสสาวะของตัวเอง

ตลอด 8 เดือน แอนนาลิสเข้าร่วมพิธีไล่ผีถึง 67 ครั้ง ร่างกายของเธอทรุดโทรมลงอย่างหนักจากการขาดสารอาหารและบาดแผลต่างๆ เธอเสียชีวิตลงในวัย 24 ปี พร้อมกับประโยคสุดท้ายที่น่าเศร้าว่า "แม่...หนูกลัว"

ตำนานของแอนนาลิสถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม มีมุมมองทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นว่าอาการของเธออาจเป็นโรคลมชักจิตเวช หรือโรคลมชักกลีบขมับ ซึ่งไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมในยุคนั้น นอกจากนี้ ระหว่างที่เธอมีอาการ เธอยังส่งเสียงกรีดร้องในภาษาที่ไม่คุ้นเคย คล้ายภาษาของซาตาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังคงเป็นปริศนา

ภายหลังการเสียชีวิตของแอนนาลิส พ่อแม่และบาทหลวงที่ทำพิธีไล่ผีถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท เนื่องจากแอนนาลิสเสียชีวิตจากการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง น้ำหนักตัวของเธอเหลือเพียง 30 กิโลกรัม ร่างกายอ่อนแอมากจากอาการป่วยและการอดอาหารเกือบปี รวมถึงภาวะปอดบวมด้วย

คดีนี้เป็นที่ถกเถียงอย่างมาก พ่อแม่และบาทหลวงได้รับการปกป้องทางกฎหมาย และศาลตัดสินว่าพ่อแม่ควรได้รับการยกเว้นโทษ เนื่องจากพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการจากไปของลูกสาวมากพอแล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยบรรเทาโทษตามกฎหมายของเยอรมนี

เรื่องราวของแอนนาลิส มิเชล เป็นกรณีที่ซับซ้อนที่ผสมผสานความเชื่อทางศาสนา การวินิจฉัยทางการแพทย์ และกระบวนการยุติธรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นตำนานที่ยังคงถูกเล่าขานและสร้างความหลอนให้กับผู้คนทั่วโลก

เนื้อหาโดย: มะม่วงแอปเปิ้ล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: paktronghie
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีเซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 256810 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉยเมื่อตัวแม่ปะทะเจ้าของบริษัท! "ป้ารัตนา" โชว์สกิลสัมภาษณ์งาน ทำเอา "มอส มัดจุก" ถึงกับไปไม่เป็นเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"เปิดใจ "เหมย หมึกเป็นซาซิมิ" นาทีช็อกเห็นภาพบาดตาผ่านกล้องวงจรปิด บทเรียนของความไว้ใจ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
วัฒนธรรมของ สัตว์เลื้อยคลาน ที่มันคือกิ้งก่าขนาดใหญ่นี่หน่ะหรือ ขนมที่ใช้ในพิธีขันหมากศึกเดือดกลางเมืองชล! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะคารมกลุ่มแม่ยก "พี่เฮ้ง" ปมแก้รัฐธรรมนูญและตรวจสอบทุจริตบราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ ส่วนผสมน้อย อร่อยสร้างภาพความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม'ซ่าหริ่ม' ขนมไทยโบราณที่ยังนิยมอยู่ในยุคปัจจุบัน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ“ทำไมคนขยันหลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ? ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ”ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
ตั้งกระทู้ใหม่