หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เทือกเขาอัลไต ตำนานการอพยพของคนไทยที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง

เนื้อหาโดย มะม่วงแอปเปิ้ล

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวว่าคนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต แต่เรื่องนี้จริงแท้แค่ไหน และเทือกเขาอัลไตอยู่ที่ใดกันแน่? เรามาไขข้อกระจ่างไปพร้อมกันค่ะ

ความเชื่อเรื่องการอพยพของคนไทยจากเทือกเขาอัลไตนั้นแพร่หลายมานาน โดยเฉพาะในหนังสือภูมิศาสตร์ที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก อย่างหนังสือของทองใบ แตงน้อย หรือกระทั่งการเรียนการสอนในห้องเรียนสมัยก่อน แต่ในปัจจุบัน นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ได้มีเครื่องมือและวิธีการพิสูจน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม และได้ข้อสรุปแล้วว่า ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริง ด้วยเหตุนี้ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ถอดเรื่องนี้ออกจากหลักสูตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 แล้วค่ะ

แล้วอะไรคือที่มาของความเชื่อนี้? ต้นตอของทฤษฎีนี้มาจาก ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือชื่อ "หลักไทย" หนังสือเล่มนี้มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศจากการประกวดของราชบัณฑิตยสถานในรัชสมัยรัชกาลที่ 7 แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ในหนังสือของขุนวิจิตรมาตรากล่าวถึงเทือกเขาอัลไตเพียงสั้นๆ ว่า "ในขั้นแรกทีเดียว ไทยจะมีชาติภูมิอยู่ตรงไหนนั้น ไม่มีทางทราบได้ แต่อาจจะกล่าวได้กว้างๆ ว่า มีแหล่งเดิมอยู่ในบริเวณภูเขาอัลไต อันเป็นบ่อเกิดของพวกมงโกลด้วยกันเท่านั้น" โดยไม่ได้ให้หลักฐานหรือคำอธิบายเพิ่มเติมใดๆ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 ขุนวิจิตรมาตราได้ให้สัมภาษณ์และอ้างว่าแนวคิดนี้มาจาก หมอ Dodd (William Clifton Dodd) มิชชันนารีและแพทย์ชาวอเมริกันที่เข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เมื่อตรวจสอบงานเขียนของหมอ Dodd กลับพบว่า หมอ Dodd ไม่เคยระบุว่าคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตโดยตรง เพียงแค่กล่าวว่าคนไทยอาจมีเชื้อสายร่วมกับพวกมองโกล ซึ่งมองโกลมาจากเทือกเขาอัลไตเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อนี้เป็นการตีความและเล่าต่อกันมาแบบปากต่อปาก จนกลายเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เชื่อถือ

เทือกเขาอัลไตมีอยู่จริงและมีความสำคัญอย่างไร?

แม้ว่าคนไทยจะไม่ได้อพยพมาจากเทือกเขาอัลไต แต่เทือกเขาแห่งนี้ มีอยู่จริง และมีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์มากค่ะ

เทือกเขาอัลไต ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียกลาง ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 845,000 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศไทยทั้งประเทศ ทอดยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร จากทะเลทรายโกบีไปจนถึงที่ราบไซบีเรีย พาดผ่านหลายประเทศ ทั้ง จีน มองโกเลีย รัสเซีย และคาซัคสถาน ชื่อ "อัลไต" มาจากภาษาเตอร์กิก แปลว่า "เทือกเขาทองคำ" ซึ่งอาจมาจากแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบหิมะปกคลุมยอดเขาให้กลายเป็นสีทอง

สภาพอากาศในเทือกเขาอัลไตมีความหลากหลายอย่างมาก บางพื้นที่หนาวจัดถึง -60 องศาเซลเซียส ในขณะที่บางส่วนอาจร้อนถึง 40 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อน แม้จะมีความหนาวเย็น แต่เทือกเขาอัลไตก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ในปี ค.ศ. 2010 มีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ชื่อ Denisovans ที่มีอายุประมาณ 50,000 ปี ในถ้ำ Denisova นอกจากนี้ยังพบโครงกระดูกของมนุษย์ Neanderthals และ Homo Sapiens ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าเทือกเขาอัลไตเป็นศูนย์รวมของอารยธรรมมนุษย์ยุคโบราณที่สำคัญ และเชื่อกันว่าผู้คนในบริเวณนี้คือบรรพบุรุษของชนกลุ่มต่างๆ ทั่วโลก

ในยุคประมาณ 800 - 300 ปีก่อนคริสตกาล เทือกเขาอัลไตยังเป็นที่อยู่ของกลุ่ม Scythians ซึ่งชาวจีนเรียกว่า ซงหนู พวกเขาเป็นนักรบบนหลังม้าและเลี้ยงสัตว์ มีบทบาทสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างกรีก เปอร์เซีย อินเดีย และจีน

ปัจจุบัน ประชากรที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาอัลไตส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย คาซัคสถาน และชาวอัลไตพื้นเมือง พวกเขายังคงดำรงชีวิตด้วยการ ทำปศุสัตว์ เลี้ยงแกะ วัว และม้า รวมถึงการทำเกษตรกรรมและการขุดแร่ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้บริเวณนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดินแดนที่ถูกเวลาลืม" ผู้คนยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม เช่น การเดินทางด้วยม้าและรถเลื่อน นอกจากนี้ ยูเนสโกยังยกย่องให้เทือกเขาอัลไตเป็นหนึ่งในเจ็ดแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย

สรุปแล้ว เทือกเขาอัลไตเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่างยิ่ง แต่ทฤษฎีที่ว่าคนไทยอพยพมาจากที่นี่นั้นได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ที่ทันสมัย คนไทยในปัจจุบันจึงไม่ได้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับเทือกเขาอัลไตในแง่ของการอพยพในอดีตค่ะ

เนื้อหาโดย: มะม่วงแอปเปิ้ล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญอดีตกัปตันเรือยอชต์สุดหรู ถูกจับฐานเชื่อมโยงกับแก๊งในเขมรทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นายช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรกวินาทีชีวิต! ภาพไวรัล "หนูนา" หน้าตาสุดอ้อนวอน ในกรงเล็บนกเหยี่ยวเลขเด็ด "แม่นมาก ขั้นเทพ" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..คอหวยส่องด่วน!!ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“คาล์ฟคิก” ท่าเตะเงียบที่ทำให้นักมวยไทยหลายคน ยางแตกกลางยกเขมรจับ นกพิราบสายลับ อ้างติด GPS ชี้เป้าให้ F-16 แต่สุดท้ายเป็นแค่นกแข่งธรรมดาวินาทีชีวิต! ภาพไวรัล "หนูนา" หน้าตาสุดอ้อนวอน ในกรงเล็บนกเหยี่ยวทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือ ที่วัดกู้ นนทบุรี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
“คาล์ฟคิก” ท่าเตะเงียบที่ทำให้นักมวยไทยหลายคน ยางแตกกลางยกแมงมุมกระโดดเลียนแบบมด ที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมดเด็กสาวคอโค้ง 90 องศา จากปากีสถาน สู่รอยยิ้มครั้งใหม่หลังการผ่าตัดในอินเดียภาพวาดดินสอดำของเด็กอนุบาล เสียงตะโกนเงียบ ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องฟังให้ได้
ตั้งกระทู้ใหม่