ห้องชุดไทยยังสามารถขายได้หลังแผ่นดินไหว
หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 หลายฝ่ายคาดว่าห้องชุดจะมีปัญาในการขาย ดร.โสภณออกสำรวจถึงภาวการณ์ขายที่เกิดขึ้นและพบว่าห้องชุดยังสามารถขายได้หลังแผ่นดินไหว
เมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคม 2568 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในนามนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI Thai) ได้ร่วมกับสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย มูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ซื้อบ้านจัดสัมมนาพิบัติภัยกับอสังหาริมทรัพย์ ณ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สีลม
เฉพาะในวันที่ 28 เมษายน 2568 (1 วัน) ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สได้ออกเก็บตัวอย่างโครงการอาคารชุดที่มีความสูงตั้งแต่ 20 ชั้นขึ้นไปจำนวน 37 โครงการที่ยังขายอยู่ในขณะนี้ในเขตกรุงเทพมหานครในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวโดยตรง เพื่อดูว่าภาวะการขายในเดือนเมษายน 2568 เป็นอย่างไรบ้าง ยังขายได้หรือไม่ ทั้งนี้จำนวนรวมของหน่วยขายห้องชุดในโครงการเหล่านี้รวมกันมี 7,783 หน่วย
ผลการสำรวจพบว่ามีหน่วยขายที่ขายได้เฉพาะในเดือนเมษายนจำนวน 77 หน่วยจากทั้งหมด 7,783 หน่วย ถ้าหากสำรวจครบทั้ง 30 วันของเดือนเมษายนและหากไม่คิดว่าเดือนนี้มีวันหยุดเป็นจำนวนมาก ก็อาจอนุมานได้ว่าหน่วยที่ขายได้ในเดือนเดียวนี้น่าจะมีประมาณ 100 หน่วย หรือประมาณ 1.3% ของอุปทานทั้งหมด ในขณะที่ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 ห้องชุดของโครงการ 37 แห่งดังกล่าว ขายได้ 397 หน่วย หรือ 4.9% ของทั้งหมด หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.6% ของทั้งหมด ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า แม้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ก็ทำให้ยอดขายต่อเดือนลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญ (1.3% เทียบกับ 1.6%)
ห้องชุดที่ขายได้ในเดือนเมษายน 2568 นั้น เป็นห้องชุดประเภทดังนี้:
1. ในกรณีระดับราคา พบว่า กลุ่มใหญ่ที่สุดคือราคา 5-10 ล้านบาทต่อหน่วย (44%) ราคา 3-5 ล้านต่อหน่วย (27%) โดย 2 กลุ่มนี้รวมกันถึง 71%
2. ในกรณีราคาต่อตารางเมตร พบว่า กลุ่มใหญ่ที่สุดคือราคา 150,001 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร (38%) และห้องชุดราคา 100,001 - 150,000 บาทต่อตารางเมตร (30%) โดย 2 กลุ่มนี้รวมกันถึง 68%
3. ในกรณีจำนวนห้องนอน พบว่า กลุ่มใหญ่ที่สุดคือห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน (32%) และห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน (23%) โดย 2 กลุ่มนี้รวมกันถึง 55%
4. ในกรณีขนาดตารางเมตรของห้องชุด พบว่า กลุ่มใหญ่ที่สุดคือห้องชุดที่มีขนาด 31-40 ตารางเมตร (44%) และห้องชุดขนาด 41-50 ตารางเมตร (16%) โดย 2 กลุ่มนี้รวมกันถึง 60%
สรุปผลการสำรวจพบว่า
1. หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ผู้มีความประสงค์จะซื้อคอนโดมิเนียมมีท่าทีระมัดระวังและชะลอการตัดสินใจ
2. เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ความเชื่อมั่นได้ทยอยกลับคืนสู่ภาวะปกติ เริ่มมีการเข้าชมโครงการที่เพิ่มขึ้นแต่ยังชะลอการซื้อ รวมถึงยอดขายและราคาขายยังทรงตัวไม่ปรับเปลี่ยนมากนัก
3. ระดับราคาขายส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับราคาลดลง ราคายังคงทรงๆ แต่จะเสนอเงื่อนไขการดูแลห้องหลังการขายให้ลูกค้ามากขึ้น และมีลูกค้าบางกลุ่มที่ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะมีโปรโมชั่นพิเศษหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว
4. โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและยังเปิดขายอยู่ ที่ได้รับผลกระทบช่วงนี้จะอยู่ในระหว่างการปิดซ่อมแซมภายใน และทยอยเปิดเข้าชมภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ลูกบ้านยังคงอาศัยได้ตามปกติ
5. โครงการที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ลูกค้าไม่สามารถเข้าพักได้ ทางโครงการรับผิดชอบ โดยซ่อมแซมห้องชุดให้ และให้ค่าที่พัก airbnb จำนวน 20,000 คอยน์ ภายในระยะเวลา 1 เดือน
6. โครงการที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง จะได้รับผลกระทบน้อย ยังสามารถขายได้ตามปกติแต่ยอดขายอาจจะลดลงประมาณ 50% จากก่อนเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากผู้ซื้อส่วนหนึ่งยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการพักอาศัยในอาคารสูง
7. ชาวต่างชาติยังให้ความสนใจซื้อห้องชุดใน Prime Area แต่จะเลือกพิจารณาในโครงการที่มีระบบโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง มีการออกแบบรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ดี
8. โครงการ High-rise โดยรวมจะได้รับผลกระทบด้านความรู้สึกสำหรับบางกลุ่ม แต่ยูนิตในชั้นล่างๆ กลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้โครงการที่ยังมีห้องว่างในชั้นล่างมีโอกาสขายได้เพิ่มขึ้น
9. โครงการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบในระดับปานกลางถึงสูงในบางชั้น หากได้รับผลกระทบสูง จะหยุดให้เยี่ยมชมห้องตัวอย่าง จะอยู่ในช่วงรีโนเวท แต่ยังเปิดขายอยู่ปกติ
10. โครงการที่มีลูกค้าขอคืนห้องและไม่ส่งดาวน์ต่อมีค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะแค่จองไว้ก่อนเกิดแผ่นดินไหว แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายจึงยกเลิก
ส่วนทิศทางในอนาคต ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส มองว่า
1. ความนิยมโครงการ Low-rise เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงโครงการ High-rise ชั้นล่างจะได้รับความสนใจมากขึ้น
2. โครงการ Low-rise จะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
3. ผู้ซื้อจะเน้น "ความปลอดภัย" และ "ความแข็งแรงของโครงสร้าง" เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อ
4. ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการแล้วเสร็จ และโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบน้อย มีความแข็งแรงในเรื่องของโครงสร้างอาคารจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้มากขึ้น
5. บริการหลังการขาย รวมถึงการดูแลแก้ปัญหาให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จะได้รับความนิคมจากลูกค้ามากขึ้น มีการบอกต่อ
6. แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคสะท้อนการให้ความสำคัญกับอาคารที่มีความเสี่ยงต่ำ และการตัดสินใจซื้อที่รอบคอบยิ่งขึ้นในภาวะที่มีเหตุการณ์ไม่แน่นอน
7. การประชาสัมพันธ์และโฆษณาจะเปลี่ยนจากเดิม โดยเน้นเรื่องโครงสร้างอาคาร วัสดุก่อสร้างที่มีความแข็งแรง มีมาตรฐานการทนแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้
8. คนที่มีกำลังซื้อส่วนหนึ่งจะมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบแทนอาคารชุด ทำให้ยอดขายบ้านแนวราบเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/68
9. นักลงทุนชะลอการลงทุนในอาคารชุดในระยะหนึ่งแต่คงไม่เกินสิ้นปีนี้
10. คาดการว่าประมาณ 1-2 ปี กลุ่มผู้ซื้อจะกลับมาสู่ภาวะปกติ เนื่องจากจำเป็นต้องทำงานหรืออยู่อาศัยในเขตเมืองชั้นในหรือชั้นกลาง จึงต้องอาศัยอยู่ในอาคารชุดเป็นสำคัญ
ดร.โสภณ ให้ข้อเสนอสรุปว่าในระหว่างนี้ บริษัทพัฒนาที่ดินพึงดูแลผู้ซื้อห้องชุดให้ดีที่สุด เพื่อแสดงความรับผิดชอบและเป็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
WOOF แก่แบบมีคุณภาพ เทรนด์การเงินใหม่ของคนวัยเกษียณ พึ่งตัวเอง มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระลูกหลาน
กลุ่มแรงงานแถลงประณามบริษัทสั่งปิดงาน ทำผิดอนุสัญญา ต้องสั่งแก้เปิดงานทันที เรียกร้องบริษัทเปิดผลประกอบการกำไร5พันล้าน ย้ำต้องแจกโบนัสตามสิทธิ เพราะทำงานหนัก
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย




