อาหารกระตุ้นการเผาผลาญ กระตุ้นเมตาบอลิซึม (Metabolism)
1.พริก อาหารรสเผ็ด อุดมไปด้วยสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ให้ความเผ็ด ออกฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและแคลอรี่ หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัยและช่วยให้อารมณ์ดี
การบริโภคพริก 135-150 มิลลิกรัมต่อวัน อาจมีส่วนช่วยในการเผาผลาญได้ประมาณ 50 กิโลแคลอรี่ต่อวัน นอกจากนี้ สารแคปไซซินยังช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วย
2.ปลาโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ ปลาทูน่า ปลาเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารไม่ว่าจะเป็น วิตามินดี แร่ธาตุ และแคลเซียม นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ช่วยให้การเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นการผลิต เลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรับรู้เมื่ออิ่มนั่นเอง
3.อะโวคาโด ให้พลังงานต่ำ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี เป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อย่างเช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ช่วยให้สุขภาพของดวงตาดีขึ้น เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า 20 ชนิด
4.ขิง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ และช่วยควบคุมความอยากอาหาร มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการคลื่นไส้ระหว่างตั้งครรภ์ และการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้อีกด้วย
5.ชา กาแฟ สารคาเฟอีนและสารคาเทชิน (Catechins) ที่พบได้ในชาและกาแฟนั้นมีส่วนช่วยเพิ่มการเผาผลาญ โดยเฉพาะชาอู่หลงและชาเขียว อาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึงร้อยละ 4-10 ช่วยให้ร่างกายใช้ไขมันที่สะสมไว้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ชาเขียว มีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และไขมัน เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยให้น้ำหนักตัวคงที่
มัทฉะ (ชาเขียวญี่ปุ่น) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะในมัทฉะ มีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) อย่างน้อย สามเท่าของใบชาเขียวปกติ จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี แต่อย่าดื่มมากจนเกินควร เพราะในชาเขียว หรือชาอื่น ๆ มี คาเฟอีน อยู่ในปริมาณมาก อาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี
คาเฟอีนที่พบได้ในกาแฟ มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ประมาณ 11% อัตราการเผาผลาญอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างเช่น น้ำหนัก อายุ ดัชนีมวลกาย เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี แต่ไม่ควรดื่มเกิน 3 แก้วต่อวัน เพราะอาจส่งผลให้นอนไม่หลับ และอาจทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายได้
6.เกรปฟรุต (Grapefruit) ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อยู่ในตระกูลส้ม (Citrus) ซึ่งเกิดจากส้มเช้งและส้มโอ มีรสเปรี้ยวอมหวาน หอม เป็นแหล่งของวิตามินซี เส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ให้แคลอรีน้อย มีสารประกอบที่เรียกว่า นารินจิน (naringin) ที่ช่วยต้านการอักเสบ และต้านสารอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ลดน้ำหนัก และยังช่วยให้เพิ่มเผาผลาญได้ดี เหมาะสำหรับอาหารว่าง
7.บรอกโคลี มีสารที่เรียกว่า กลูโคราฟานิน (Glucoraphanin) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อการเผาผลาญ ลดระดับไขมันในเลือด
8.น้ำมันมะพร้าว มีไตรกลีเซอไรด์ประเภทกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาวปานกลาง (high in medium-chain triglycerides หรือ MCTs) ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มากกว่าไขมันแบบโซ่ยาว การบริโภคน้ำมันมะพร้าว 30 มิลลิลิตรต่อวัน อาจช่วยลดขนาดรอบเอวในคนอ้วนได้
9.สาหร่ายทะเล ช่วยให้ร่างกายได้รับไอโอดีนเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล อาจมีส่วนช่วยลดความอ้วน



















