สีปัสสาวะบอกสุขภาพ วิธีการตรวจเช็คด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการสังเกตสีของปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ
1.ใส ไม่มีสี แสดงว่า ดื่มน้ำในปริมาณ มากกว่า ปริมาณที่แนะนำให้ดื่มในแต่ละวัน ทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายต่ำเกินไป ในบางกรณีระดับเกลือแร่ที่ต่ำมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ บางครั้งบางคราวถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากปัสสาวะของคุณใสอยู่ตลอดเวลา คุณควรลดปริมาณการดื่มน้ำ นอกจากนี้ ปัสสาวะใสยังบอกถึงโรคบางอย่างได้ อย่างเช่น โรคเบาหวาน การกินยาขับปัสสาวะ โรคไต เป็นต้น
2.สีขาวขุ่น สีขาวขุ่นจนเห็นได้ชัด อาจเกิดจากมีหนองปน ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะทิ้งไว้เป็นเวลานาน พบได้ในคนที่ดื่มนมปริมาณมาก จนทำให้เกิดผลึกของฟอสเฟต หรือเกิดจากโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อย่างเช่น โรคกรวยอักเสบ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมถึงอาจเกิดจากการมีน้ำเหลืองปนอยู่ในปัสสาวะ หรือมีโปรตีนมากเกินไปร่างกาย
3.สีเหลืองอ่อน หมายถึง ระดับน้ำในร่างกายอยู่ในระดับปกติ ควรสังเกตว่า ปัสสาวะสีที่ปกติเป็นอย่างไร เพื่อบอกได้ว่าเมื่อใดที่สีปัสสาวะผิดปกติไป
4.สีเหลืองเข้ม เป็นสีปัสสาวะที่ปกติ แต่ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น
5.สีเหลืองสด หรือ สีนีออน เกิดจากการกินวิตามินและอาหารเสริม ซึ่งไม่เป็นอันตรายใด ๆ เป็นอาการที่บอกว่า กินวิตามินมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
6.สีส้ม ร่างกายขาดน้ำ และอาจหมายถึงมีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี หรือ ตับ อาจเกิดจากการกินแครอท การกินวิตามินบี 2 ในปริมาณมาก ยาบางชนิดที่ทำให้ปัสสาวะเป็นสีส้ม อย่างเช่น ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อต่าง ๆ ยาซัลฟาซาลาซีน ยาฟีนาโซไพริดีน ยาไอโซไนอาซิด ยาระบายบางชนิด เป็นต้น
7.สีส้มเข้ม หรือ สีน้ำตาล เกิดจากการขาดน้ำอย่างรุนแรง เป็นดีซ่าน มีภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (rhabdomyolysis) ยาบางชนิดยังทำให้ปัสสาวะมีสีน้ำตาลได้ อย่างเช่น ยาเมโทรนิดาโซลที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ยาควีนินซึ่งใช้ป้องกันโรคมาลาเรีย รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสพยาเสพติด อาจเกิดจากปัญหาตับอักเสบ มีระดับบิลิรูบิน (bilirubin) สูง จนขับออกทางปัสสาวะ หากพบว่ามีปัสสาวะสีน้ำตาล หรือ สีชา ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจร่างกายโดยด่วน
8.สีน้ำตาลเข้ม หรือ ดำ อาจเกิดจากการกินถั่วบางชนิดในปริมาณมาก ผักรูบาร์บ ว่านหางจระเข้ หรือแสดงถึงโรคบางชนิด อย่างเช่น โรคตับ โรคมะเร็งผิวหนัง อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยา อย่างเช่น ยาควีนินซึ่งใช้ป้องกันโรคมาลาเรีย ยาปฏิชีวนะเมโทรนิดาโซล
9.สีชมพู หรือ สีแดง เกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิด อย่างเช่น บีทรูท กระเจี๊ยบแดง หรืออาจเกิดจากการมีเลือดปน เป็นได้ตั้งแต่ สีแดงจาง ๆ ไปจนถึงแดงเข้ม ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพ เลือดที่ปนในปัสสาวะอาจเกิดจากการติดเชื้อ นิ่วในไต ท่อไต หรือกระเพาะปัสสาวะ เนื้องอกที่ไม่อันตราย มะเร็งในไต กระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะ
พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทั้งหญิง และ ชาย อาจพบในผู้มีอายุน้อยที่สูบบุหรี่จัด บ่อยครั้ง พบว่า ปัสสาวะมีเลือดปนเนื่องจากมีเนื้องอก หรือ มะเร็ง มักไม่มีอาการหรือความเจ็บปวดใด ๆ
การขยายตัวของต่อมลูกหมากที่ไม่เป็นมะเร็งในผู้ชาย ก็สามารถทำให้มีเลือดปนในปัสสาวะเช่นกัน หากพบว่ามีเลือดปนในปัสสาวะติดต่อกันหลายวัน หรือมีเลือดออกมากจนปัสสาวะเป็นสีแดงเข้ม ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
10.สีเขียว หรือ สีฟ้า ผักแอสพารากัสอาจทำให้ปัสสาวะมีสีเขียวและมีกลิ่น ยาบางชนิดและสีผสมอาหารสีเขียว อาจทำให้ปัสสาวะเป็นสีเขียวได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะได้
อาจเกิดจากโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิกที่หายากซึ่งทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงผิดปกติ (familial hypercalcemia หรือ blue diaper syndrome) หรือเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากยาหรือสีผสมอาหารสีน้ำเงิน อย่างเช่น ยาแก้ปวดอินโดเมทาซิน ยารักษาอาการซึมเศร้าอะมิทริปไทลีนและยายับยั้งการหลั่งกรดไซเมทิดีนและยาระงับความรู้สึกโปรโพฟอล เป็นต้น
11.สีม่วง ปัสสาวะสีม่วงมีชื่อเรียกเฉพาะว่า อาการปัสสาวะในถุงเป็นสีม่วง (purple urine bag syndrome) พบได้ไม่บ่อยในผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะที่มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะทำให้ปัสสาวะเป็นสีม่วง






















