สอนอย่างไรให้เด็กๆ ไม่พูดโกหก
ทำไมเด็กบางคนชอบพูดโกหก
เด็กในช่วง 2 – 6 ขวบ อาจยังไม่สามารถแยกแยะอะไรจริง อะไรไม่จริง เพราะ กลัวที่จะได้รับการตอบสนองในแง่ลบทั้งกับตัวเอง และ คนอื่น หากพูดความจริงแล้วอาจทำให้ตัวเอง หรือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ ทั้ง 2 ฝ่าย ผิดหวัง เสียใจ ไม่พอใจ โกรธ มีความรู้สึกในแง่ลบ จึงเลือกที่จะพูดแล้วทำให้คุณพ่อคุณแม่ คนอื่น สบายใจ ไม่โกรธ ไม่ดุด่า ตนเอง
เด็กวัยประถมกับพฤติกรรมการโกหก เด็กในวัยนี้นั้นสามารถแยกแยะเรื่องจริง และ จินตนาการได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรู้ถึงสาเหตุในการพูดโกหกของเด็กก่อนว่ามีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
- เด็กบางคนอาจพูดเติมแต่งเพื่ออยากให้คนอื่นสนใจตนเองมากขึ้น ให้ได้รับความนิยมชมชอบจากคนอื่นมากขึ้น
- เด็กบางคนพูดโกหกเพื่อหลีกหนีความผิด หลีกหนีการถูกลงโทษ เอาตัวรอดเพื่อไม่ให้โดนดุ เพราะผู้ใหญ่เมื่อพบว่าเด็กโกหกแล้วมักทำโทษแบบรุนแรง จนทำให้เด็กรู้สึกเจ็บปวดไม่ว่าเป็นทางร่างกาย จิตใจ เด็กจึงเลือกการโกหกเพื่อหลีกหนีการโดนลงโทษที่รุนแรง
- เด็กบางคนอาจทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง หรือ กลุ่มเพื่อน เช่น โกหกเพื่อการถูกยอมรับในกลุ่มเพื่อน
ผู้ปกครองควรทำอย่างไรเพื่อให้เด็กกล้าพูดความจริง
ผู้ปกครองควรรับฟังเรื่องราวของเด็ก เมื่อเด็กมาเล่าว่าทำอะไรผิดมา อย่าพึ่งตำหนิติเตียนทันที ในทางกลับกันให้รับฟังก่อน ให้ชื่นชมที่ลูกกล้าและยอมพูดความจริง ลูกจะได้เรียนรู้ว่าสามารถพูดความจริงได้ ไม่ต้องปิดบัง จนพฤติกรรมดี ๆ นี้ก็จะกลายเป็นธรรมชาติ เป็นนิสัยที่ดีติดตัวไป และ จะดียิ่งขึ้นเมื่อผู้ปกครองได้ถามวิธีแก้ปัญหาครั้งนั้น โดยอาจช่วยลูกวางแผนร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก
วิธีปรามเด็กชอบโกหก
1.ต้องเปลี่ยนวิธีการพูด ทำให้เด็กไว้ใจ เช่น เมื่อเด็กทำจานระบายสีหกเลอะเทอะ ผู้ปกครองอาจพูดกับเด็กว่า “แม่เห็นลูกทำสีหก ลูกไปหาผ้ามาเช็ดพื้น พื้นจะได้ไม่เลอะ เดี๋ยวลูกลื่นสีหกล้มนะ” ดีกว่าที่จะต่อว่า “ลูกทำอะไรน่ะ !” เพื่อไม่ให้ลูกปฏิเสธในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ
2.อย่าตำหนิ ด่า ต่อว่ารุนแรง หรือ ลงโทษอย่างรุนแรงเมื่อเด็กกทำผิด ให้คุยกันด้วยเหตุผล เพราะจะได้ไม่ทำให้เด็กปิดบังความผิด เพราะบางครั้งเด็กอาจจะกลัวที่จะถูกลงโทษ สร้างพฤติกรรมโกหกให้ตัวเอง จะทำให้เด็กกลายเป็นคนชอบโกหกมากขึ้น
3.ห้ามใจอ่อน อย่าโอ๋ อย่าเข้าข้างเด็ก เมื่อทำผิดหรือโกหก แต่ให้ยกตัวอย่างให้เด็กฟัง ให้มองเห็นผลลัพธ์ของทั้งความดีและไม่ดี คนทำไม่ดีจะไม่มีคนรักและไม่มีใครอยากยุ่งด้วย
4.ฝึกความรับผิดชอบ เช่น การตรวจเช็คการบ้าน อาจถามคุณครูว่าเด็กมีงานอะไรบ้าง พอกลับถึงบ้านก็ให้เด็กทำให้เสร็จ จากนั้นค่อยให้รางวัล โดยอนุญาตให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ต้องการ เมื่อเด็กได้ทำอย่างที่ต้องการจะรู้สึกสบายใจ ถือว่าปลูกฝังความรับผิดชอบไปในตัว และ เด็กก็ไม่จำเป็นต้องโกหกพ่อแม่ หรือ ห่วงหน้าพะวงหลัง จะได้ทำกิจกรรมอย่างที่ต้องการแบบสบายใจ ไม่ต้องกังวล
5.ให้รางวัล พูดชมเชย ให้แรงเสริมเวลาที่เด็กพูดตรงกับความจริง ชมเชยในคุณสมบัติของความซื่อสัตย์ เช่น “แม่ชอบที่ลูกพูดความจริง ชอบที่ลูกเป็นคนซื่อสัตย์ ให้ลูกรู้ว่าความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ ลูกจะได้รับการยกย่อง และ มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา” อาจขยายผลลัพธ์ของการโกหกให้เด็กฟังอีกว่า การโกหกจะทำลายความน่าเชื่อถือในตัวเด็ก ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ใครจะมาเข้าใจเด็กและยอมรับเด็กได้อีก จะทำให้เด็กอยากเป็นคนชื่อสัตย์และพูดความจริง
6.ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่โกหกใครให้ลูกเห็น เพราะอาจจะทำลูกเลียนแบบจนเป็นนิสัย ผู้ใหญ่ในบ้านควรพูดจากันแบบตรงไปตรงมา โดยที่ไม่ทำร้ายน้ำใจกัน เพราะ หากเด็กได้เรียนรู้ในบรรยากาศนี้จะซึมซับพฤติกรรมไปอย่างอัตโนมัติว่า สามารถพูดความจริงได้อย่างตรงไปตรงมาเมื่อทำผิด และจะถูกลงโทษอย่างเหมาะสมในส่วนที่เด็กทำผิด


















