ครีมผิวขาวที่มีเรตินอล ดียังไง? ลดจุดด่างดำ ผิวใสขึ้นได้จริงหรือ?
ครีมผิวขาวที่มีเรตินอล ดียังไง? ลดจุดด่างดำ ผิวใสขึ้นได้จริงหรือ?
ครีมผิวขาวที่มีเรตินอล (Retinol) ช่วยให้ผิวกระจ่างใสจริงไหม?
เรตินอล (Retinol) เป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่เพียงแต่ช่วยลดริ้วรอย แต่ยังมีประสิทธิภาพในการปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งหลายตัวมีเรตินอลเป็นส่วนประกอบหลัก
ครีมผิวขาวที่มีเรตินอล ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างไร?
เรตินอล (Retinol) เป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสมากขึ้น พร้อมช่วยลดเลือนจุดด่างดำและริ้วรอย จึงทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น การทำงานของเรตินอลในการช่วยให้ผิวขาวขึ้นนั้นเกิดขึ้นจาก 5 กลไกหลัก ดังนี้
- เร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่า
โดยปกติแล้วผิวของเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุก 28-30 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส เรตินอลช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น ช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพและสะสมอยู่บนผิว เมื่อเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ ผิวจึงดูกระจ่างใสขึ้นตามธรรมชาติ
- ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนจุดด่างดำ
เมลานิน เป็นเม็ดสีที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุของ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และความหมองคล้ำ เรตินอลมีคุณสมบัติช่วย ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีเมลานิน เมื่อเมลานินถูกผลิตลดลง ผิวจึงดูขาวกระจ่างใสขึ้น และลดความเข้มของจุดด่างดำ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
คอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโครงสร้างโปรตีนสำคัญของผิว ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอิ่มฟู เมื่อใช้เรตินอลเป็นประจำ ผิวจะค่อย ๆ กระชับขึ้น ดูเนียนละเอียด และมีความเปล่งปลั่งมากขึ้น ทำให้ผิวดูเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก พร้อมช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยดำจากสิว
นอกจากช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการผลิตเมลานินแล้ว เรตินอลยังช่วยกระจายเม็ดสีผิวให้กระจายตัวสม่ำเสมอมากขึ้น ช่วยลดปัญหาผิวที่มี สีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ และรอยดำจากสิว ให้ดูจางลง ทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น และดูมีออร่ามากกว่าเดิม
- ควบคุมความมัน ลดโอกาสเกิดสิว
ผิวที่มีความมันมากเกินไป อาจทำให้ดูหมองคล้ำและเกิดปัญหาสิว เรตินอลช่วย ควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) ใต้ผิวหนัง ทำให้ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน เมื่อลดความมันส่วนเกิน รูขุมขนจะกระชับขึ้น ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น และดูเปล่งปลั่งขึ้นโดยไม่มันวาว นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ลดโอกาสเกิดสิว และลดรอยดำที่เกิดจากสิว อีกด้วย
ครีมผิวขาวที่มีเรตินอล เหมาะกับใคร?
ครีมผิวขาวที่มีเรตินอลจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เรตินอลช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ให้ขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ หรือความเครียด
- ผู้ที่มีจุดด่างดำ ฝ้า กระ ต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
เรตินอลช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทในการผลิตเม็ดสีผิว เมื่อใช้เป็นประจำ จุดด่างดำจะค่อย ๆ จางลง ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและกระชับผิวไปพร้อมกัน
เรตินอลช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก รอยตีนกา และร่องแก้ม
- ผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย
เรตินอลช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน เพื่อลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ทำให้ผิวมันน้อยลงและรูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ลดการเกิดสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอุดตัน ได้
วิธีใช้ครีมผิวขาวเรตินอล ให้ได้ผลดี
เรตินอล (Retinol) ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง แห้งลอก หรือผิวบางได้ ดังนั้น เรามาดูกันว่าควรใช้เรตินอลอย่างไรให้ได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด
- ใช้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน
เรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดด การใช้ในตอนกลางวันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแดง ผิวไหม้ หรือระคายเคือง เรตินอลจะทำงานได้ดีที่สุดในตอนกลางคืน ขณะที่ผิวซ่อมแซมตัวเอง
หากจำเป็นต้องใช้ตอนกลางวัน ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเสมอ
- ทาครีมกันแดดทุกวัน ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
เนื่องจากเรตินอล เร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวใหม่บางลงและไวต่อแสงแดด แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30-50 และต้องมี PA+++ ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง
- เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ (0.1%-0.3%) แล้วค่อยเพิ่มขึ้น
หากเป็น ผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล แนะนำให้ใช้ ความเข้มข้นต่ำ (0.1%-0.3%) ก่อน เพื่อให้ผิวค่อยๆ ปรับตัว เมื่อผิวเริ่มทนได้ ค่อยปรับเพิ่มเป็น 0.5% - 1.0% เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นวันเว้นวัน หรือทุกวันตามสภาพผิว
- ใช้ในปริมาณเล็กน้อย (เท่าเมล็ดถั่วเขียว)
เรตินอลมีความเข้มข้นสูง ไม่จำเป็นต้องใช้เยอะ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ปริมาณที่เหมาะสมคือ เท่าเมล็ดถั่วเขียว ทาให้ทั่วใบหน้า หากทามากเกินไป อาจทำให้ ผิวแห้งลอก แดง หรือระคายเคือง ได้
- ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
เรตินอลอาจทำให้ ผิวแห้งหรือลอก ได้ในช่วงแรก แนะนำให้ใช้ มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ (Ceramide), ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), และไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น หากรู้สึกว่าผิวแห้งมาก สามารถใช้ เทคนิค "Sandwich Method" ได้ โดยทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อนและหลังใช้เรตินอลเพื่อลดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซีในเวลาเดียวกัน
สารเหล่านี้ เป็นกรดและมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เหมือนกันกับเรตินอล หากใช้ร่วมกัน อาจทำให้เกิด อาการระคายเคือง รอยแดง หรือผิวลอกมากขึ้น
วิธีใช้ที่ถูกต้อง คือ การใช้เรตินอลตอนกลางคืน และใช้ AHA, BHA หรือวิตามินซีในตอนเช้า หรือ สลับวันใช้ เช่น วันจันทร์ใช้เรตินอล วันอังคารใช้ AHA/BHA
- งดใช้ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
สารเรตินอลและอนุพันธ์ของวิตามินเอ อาจซึมเข้าสู่กระแสเลือด และมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลระหว่าง ตั้งครรภ์และให้นมบุตร หากต้องการบำรุงผิวในช่วงตั้งครรภ์ สามารถใช้ทางเลือกอื่น เช่น ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือวิตามินซี (Vitamin C) ที่ปลอดภัยกว่า
- หยุดใช้ก่อนทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ผิว
เรตินอลช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวไวต่อแสงและอ่อนไหวต่อการระคายเคือง ควรหยุดใช้เรตินอลก่อนทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือขัดผิว (Peeling, Dermabrasion, Microneedling) อย่างน้อย 5-7 วัน การใช้เรตินอลต่อเนื่องก่อนทำเลเซอร์ อาจทำให้ผิวเกิดอาการแสบ แดง ลอก หรือระคายเคืองรุนแรง หลังทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ก่อนกลับมาใช้เรตินอล
อ่านเพิ่มเติทได้ที่ : https://pdl.co.th/what-is-retinol/
เรตินอลแตกต่างจากไวท์เทนนิ่งตัวอื่นอย่างไร?
เรตินอล (Retinol) และไวท์เทนนิ่ง (Whitening) เป็นสารบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองได้ดังนี้
กลไกการทำงาน
- เรตินอล: ช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวที่หมองคล้ำหลุดออกเร็วขึ้น เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม
- ไวท์เทนนิ่ง: ส่วนใหญ่จะช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นต้นเหตุของจุดด่างดำ ฝ้า กระ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
จุดเด่นของเรตินอล
- ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยดำจากสิวจางลงเร็วขึ้น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงและเต่งตึงขึ้น
- ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว และช่วยกระชับรูขุมขน
จุดเด่นของไวท์เทนนิ่ง
- ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้น
- ลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บางสูตรมีสารให้ความชุ่มชื้นช่วยลดการระคายเคือง
อ้างอิงจาก: https://pdl.co.th/what-is-retinol/
https://pdl.co.th/whitening-cream-factory/
















