8 สัญญาณเตือนต้องเปลี่ยนงาน ถึงเวลาหางานใหม่ เปลี่ยนงานก่อนหมดใจ หางานใหม่ที่ใช่กว่าเดิม
1.รู้สึกว่าไม่โอเคกับระบบขององค์กร เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรไม่ได้
ยิ่งทำงาน ยิ่งรู้สึกว่ารับไม่ได้ ไม่โอเคกับระบบภายในองค์กร ปรับตัวเข้ากับองค์กรลำบาก เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรไม่ได้เลย เหมือนกับสำนวนที่กล่าวไว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ต้องคอยฝืนความรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนใจอยู่ต่อ องค์กรแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันไป ย่อมมีที่อื่นที่เหมาะกว่าแน่นอน
2.เบื่อหน่ายกับการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน
ปัญหาในการทำงานส่วนใหญ่มาจากคน “เยอะ” ทั้งเรื่องเยอะ ใช้อารมณ์ในการทำงาน ตั้งกฎเกณฑ์ต่อกันมากมาย คนทำงานด้วยก็เบื่อหน่ายและหมดความอดทน
3.ไม่ชอบงานที่ทำอย่างมาก อยู่ที่ทำงาน แล้วไม่มีความสุข ร้องไห้เพราะการทำงานบ่อย ๆ
ถ้าระดับของความไม่ชอบรุนแรงมากถึงขั้นที่ต้องใช้คำว่าฝืนใจไปทำงาน ขาดแรงจูงใจอย่างสิ้นเชิง เฝ้ารอแต่สุดสัปดาห์ ถึงเวลาทำงานก็ทำแบบขอไปทีให้หมดไปแต่ละวัน รู้สึกว่าที่ทำงานคือสถานที่ที่ทำให้ไม่มีความสุข งานที่ทำให้เสียน้ำตาบ่อย ๆ ไม่ว่าจะมาจากตัวเนื้องาน หรือ จากคนร่วมงานก็ตาม นี่คือสัญญาณอันแรงกล้าว่าอาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังแล้ว
4.ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่มีโอกาส ก้าวหน้า
ถ้าทำงานไปแล้วรู้สึกย่ำอยู่กับที่ เหมือนเดิมทุกวัน ไม่เกิดความท้าทายอะไรใหม่ ๆ หรือ ทำงานมาก็หลายปี ประสบการณ์มากมาย ผลงานก็อยู่ในขั้นดีมากแต่ก็ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เคยได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง บางครั้งมีคนใหม่เข้ามากลับก้าวหน้าแซงเราไปได้อย่างรวดเร็ว หากปรึกษาปัญหานี้กับหัวหน้าแล้วทุกอย่างก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง มีแต่คำสัญญาที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง อาจจะต้องพิจารณาไปหาความก้าวหน้าที่องค์กรอื่นดูบ้าง
5.สุขภาพเริ่มย่ำแย่
บางครั้งร่างกายก็ส่งสัญญาณให้รับรู้ถึงความไม่สมดุลในชีวิต หากต้องเผชิญกับความเครียด หรืออาการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเรื้อรังเป็นประจำ นี่ก็เป็นหนึ่งในอีกสัญญาณว่างานที่ทำอยู่อาจจะไม่ใช่ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก หากสูญเสียไปแล้วบางครั้งอาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน บางครั้งก็อาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่กำลังจะเสียไป
6.เงินเดือนไม่พอใช้ รู้สึกว่าค่าตอบแทนไม่คุ้มค่า
หากทำงานแสนสาหัส แต่เงินเดือนแสนเบา หรือมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน แต่เงินเดือนยังผ่อนจักรยานไม่ได้ เงินเดือนสวนทางกับงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เงินเดือนไม่พอใช้ แบบนี้แล้วการเปลี่ยนงานใหม่ที่ให้ค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อน่าจะดีกับชีวิตในระยะยาว
7.แยกเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้ ส่งผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัว
แม้ว่าจะเลิกงานแล้ว แต่ยังมีเสียงโทรศัพท์ เสียงแชทคอยมาตามงานอยู่ตลอด จนทำให้แทบจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเป็นของตัวเอง เรียกว่าไม่มี work life balance และกระทบต่อการใช้ชีวิตในด้านอื่น ๆ ทำให้หงุดหงิดเอาอารมณ์เสียจากที่ทำงานมาระบายใส่คนที่บ้าน ขอให้ลองพิจารณาว่าสิ่งใดกันแน่ที่มีความสำคัญต่อชีวิต ความสำเร็จอาจไม่มีคุณค่าเท่าที่คิด หากสุดท้ายต้องอยู่เพียงลำพัง
8.มีเป้าหมายอื่นในชีวิต
อาจจะอยากเปลี่ยนสายงาน อยากเรียนต่อหรืออยากหันมาทำประโยชน์เพื่อสังคมให้มากขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม หากเป้าหมายใหม่ในชีวิตแรงกล้ามากจนพร้อมที่จะเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลอง ขอเพียงตัดสินใจด้วยเหตุผลและมีแผนการที่ชัดเจน ไม่ใช้เพียงแค่อารมณ์ในการตัดสินใจ