อธิษฐานเลิกจองเวรแบบได้ผลจริง
ที่ตั้งใจเลิกจองเวร
แล้วไม่ได้ผล
มีอยู่ ๒ สาเหตุหลัก
หนึ่ง คือ ยังเจอหน้า
ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร
กระตุ้นให้อยากล้างผลาญกันอีกเรื่อยๆ
ด้วยวิถีความเคยชินเดิมๆทางใจ
สอง คือ ขณะจิตที่ตั้งใจเลิกจองเวร
ยังมีความขุ่นมัว
ขัดข้องค้างคาอยู่ในเวร
เปรียบเหมือนเล่นชักเย่อกับอีกฝ่าย
ดึงกันไป ดึงกันมา เอาแพ้เอาชนะกัน
เบื่อแล้ว ไม่อยากชักเย่อต่อแล้ว
แต่มือยังกำแน่นไม่ปล่อยอยู่
ดูมือนั้นดูง่ายว่า
กำลังกำหรือแบ
แต่ดูใจนั้นดูยากว่า
กำลังยึดหรือปล่อยกันแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเก้ๆกังๆ
เบื่อๆอยากๆ
ที่ไม่ปล่อยจริง
เพราะส่วนใหญ่เกือบร้อยทั้งร้อย
พยายามกำจัดความขุ่นเคืองเอาดื้อๆ
ซึ่งมันทำกันไม่ได้จริง
และเหลือตะกอนโทสะตกค้างเสมอ
จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
วิธีที่ถูก
คือ สำรวจตามจริงทุกครั้ง
ที่โดนเจ้ากรรรมนายเวรกระตุ้น
หรือคุณนั่งอยู่คนเดียว
แล้วไพล่ไปนึกถึงเขาขึ้นมา
นึกเอง เคืองเองอยู่คนเดียว
เช่นนั้นก็ให้เห็น
และยอมรับให้ได้ตามจริงว่า
กำลังเกิดความเคืองจิตอยู่
มากหรือน้อยเพียงใด
กินเวลานานต่างกันกี่ลมหายใจ
กว่าความเคืองจะค่อยๆจางลงเอง
แม้จะกินเวลาเป็นชั่วโมงก็รอดูไป
ยิ่งเก็บรายละเอียด
ความแตกต่างแต่ละครั้งว่า
บางครั้งเคืองมาก หายช้า
บางครั้งเคืองน้อย หายเร็ว
หรือบางครั้งน้อย แต่ยืดเยื้อยาวนาน
ใจจะยิ่งรู้ทาง
ยิ่งรู้ชัดว่า กี่ครั้งก็ไม่เที่ยง
กระทั่งเกิดอาการคร้าน ‘ขี้เกียจถือสา’
รู้สึกห่างๆ วางๆ ว่างๆไปเอง
แบบไม่ฝืนเลยแม้แต่นิดเดียว
ทุกครั้งที่ดูความไม่เที่ยงของโทสะ
ไปถึงตรงความรู้สึก
วางลงได้จริง หายเคืองได้จริง
ก็ให้เอาจิตที่ว่างจากความเคืองนั่นแหละ
ไปตั้งอธิษฐานขอให้เลิกแล้วต่อกัน
อย่าได้มีภัยเวรต่อกันอีก
หากทำบ่อย ก็จะปลดขั้วภัยเวร
จากฝั่งเราได้จริงเช่นกัน
และถ้าขั้วภัยเวรจากหัวใจของคุณหลุดจริง
ก็จะเกิดผลกระทบต่อเขาหรือเธอ
ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร
คือ เมื่อเจอหน้าคุณ
เขาจะรู้สึกถึงความเย็น ว่าง สว่าง
แม้ทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือ
อยากหาเรื่องคุณเหมือนเดิม
แต่ที่สุดก็จะเพลาๆลงเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่สัมผัสรู้สึกถึง
กระแสเมตตาที่แท้จากคุณ
ในที่นี้ต้องเข้าใจด้วยว่า
ใจที่วาง ว่างจากพยาบาทอย่างมีสติ
มีความเข้มแข็ง เป็นสมาธิ
แตกต่างกันมากจากการแกล้งทำเป็นเฉย
ทั้งยังมีโทสะคุกรุ่นอยู่เต็มอกแน่นหนา
หลายคนบ่นว่า
ยิ่งเงียบยิ่งได้ใจ เอาใหญ่
นั่นเพราะเขาจับได้ว่า
คุณทำทีเป็นพ่อพระแม่พระ
เลยเกิดความคะนอง
อยากยั่วให้ตบะแตก
ให้มาเป็นผู้ร้ายด้วยกันต่อ
ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติธรรมดา
ของการจองวรรคจองเวรกันมานาน
พอฝ่ายหนึ่งจะหลบหนี
อีกฝ่ายเลยถูกกิเลสมาร
กระตุ้นให้อยากยื้อไว้เป็นธรรมดา
อ้างอิง โดย ดังตฤณ