ความสมมาตรของพีระมิดและสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ อายุเกือบ 5,000 ปี
สวัสดีครับ ในกระทู้จะขอกล่าวถึง 'พีระมิดและสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ' กันนะครับ
เทคโนโลยีการออกแบบและก่อสร้างที่ทันสมัยในยุคของอียิปต์โบราณ
ชาวอียิปต์โบราณไม่ได้สร้างอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่แบบสุ่ม แต่เป็นการออกแบบก่อสร้างอยู่ภายใต้การศึกษาทางวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ที่แม่นยำมาก จนทำให้ทุกคนประหลาดใจว่าชาวอียิปต์มีเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยนี้ได้อย่างไร
อารยธรรมอียิปต์ เป็นอารยธรรมที่เก่าแก่และมีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรมที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก คือ รูปสลักสฟิงซ์ที่มีความมหัศจจรรย์ งดงามและลึกลับ โดยสฟิงซ์ที่ใหญ่และได้รับความสนใจจากนักโบราณคดีมากที่สุด คือ มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza)
#มหาสฟิงซ์
(The Great Sphinx of Giza) เป็นสฟิงซ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก มหาสฟิงซ์แห่งกีซ่า เป็นพันธุ์ที่เราเรียกว่า แอนโดรสฟิงซ์ (Andro-Sphinx) เป็นการผสมกันระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์ หมอบเฝ้าอยู่ใกล้กับพีระมิดคาเฟร โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มหาสฟิงซ์แกะสลักจากหินปูนก้อนใหญ่ก้อนเดียว มีขนาดความยาว 74 เมตร สูง 20 เมตร และเฉพาะส่วนใบหน้าของมหาสฟิงซ์ กว้างประมาณ 14 ฟุต นับว่าเป็นอนุสาวรีย์หินแกะสลักที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นรูปแกะสลักแบบลอยตัวจากหินก้อนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
นักโบราณคดีเชื่อว่า มหาสฟิงซ์แห่งกิซ่าเป็นอนุสาวรีย์ของ ฟาโรห์คาเฟร (Khafre) หรือ คีเฟรน (Chephren) ฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 4 ผู้สร้างพีระมิดคาเฟร เมื่อประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล โดยเชื่อว่าใบหน้าของมหาสฟิงซ์ จำลองมาจากใบหน้าของฟาโรห์คีเฟรน และสามารถสังเกตว่าส่วนหัวของมหาสฟิงซ์ มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์ แสดงเอาไว้อย่างชัดเจน คือมีเคราที่คาง มีงูจงอางแผ่แม่เบี้ยที่หน้าผาก และยังมีเครื่องประดับรัดเกล้าแบบฟาโรห์ ประกอบเข้ากับผ้าคลุมศีรษะและคอ ชาวอียิปต์โบราณถือกันว่าสฟิงซ์เป็นร่างจำแลงภาคหนึ่งของเทพเจ้า การที่ฟาโรห์คาเฟรให้แกะสลักใบหน้าสฟิงซ์เป็นใบหน้าของพระองค์ จึงเป็นการแสดงว่าพระองค์เปรียบดังเทพเจ้านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันใบหน้ามหาสฟิงซ์ ถูกทำลายจนแทบสังเกตรายละเอียดไม่ออก เนื่องจากการถูกทำลายโดยการสึกกร่อนตามธรรมชาติ ซึ่งความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นการถูกทำลายโดยการสึกกร่อนตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่มีคำกล่าวขานกันว่าเกิดจากทหารของนโปเลียน ที่มาอียิปต์ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ใช้ใบหน้าของมหาสฟิงซ์ เป็นเป้าซ้อมยิงปืนใหญ่ อย่างไรก็ตามจากหลักฐานภาพวาดเก่าแก่เมื่อ 400 ปีก่อน พบว่าจมูกของมหาสฟิงซ์ชำรุด ตั้งแต่สมัยดังกล่าวแล้ว และมีบันทึกของอาหรับว่า ใบหน้าสฟิงซ์ถูกทำลายเนื่องจากถูกกลุ่มชาวอาหรับบางกลุ่มทำลาย โดยมีความเชื่อว่ามหาสฟิงซ์เป็นรูปจำลองอัปมงคลของพวกนอกรีตในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นเวลาก่อนหน้ายุคสมัยของนโปเลียนหลายร้อยปี
มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น ลึกลับ งดงาม และยังสะท้อนถึงอารยธรรมของชาวอียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านศาสนาและความเชื่อ ด้านสังคมวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง และที่สำคัญที่สุดคือความเพียรพยายามและความอดทนของชาวอียิปต์โบราณ ที่พยายามสร้างสรรค์ และแกะสลักจากหินก้อนใหญ่จนกลายเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลก เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิงจาก: Facebook The earth