ฮิจิกาตะ โทชิโซ ผู้นำกลุ่มชินเซ็งงูมิ ต่อต้านการฟื้นฟูเมจิ
ฮิจิกาตะ โทชิโซ ผู้นำกลุ่มชินเซ็งงูมิ ต่อต้านการฟื้นฟูเมจิ
🔸 ฮิจิกาตะ โทชิโซ หรือ "โยชิโตโยะ" เกิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1835 ที่หมู่บ้านอิชิดะ อำเภอทามะ แคว้นมูซาชิ (พื้นที่นครฮิโนะ มหานครโตเกียวในปัจจุบัน)
🔸มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน โดยเขาเป็นคนสุดท้อง พ่อของเขาเป็นชาวนาผู้ขยันขันแข็ง ซึ่งเสียชีวิตก่อนฮิจิกาตะเกิดได้เพียง 3 เดือน
🔸เมื่ออายุได้ 6 ปี แม่ของเขาเสียชีวิตลงอีกคนหนึ่ง ซ้ำร้ายพี่ชายคนโตก็เกิดตาบอด เขาจึงต้องไปอยู่ในความอุปการะของพี่ชายคนรองและพี่สะใภ้
🔸ในวัยเด็กเขามีนิสัยเฉพาะตัว ได้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกอย่างยกเว้นกับเพื่อนและครอบครัวของตัวเอง
🔸นิสัยของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อนักดาบอายุ 21 ปี คนหนึ่งจากแคว้นไอซุ ผู้เป็นที่รู้จักจากการต่อต้านกลุ่มนักปฏิรูป ได้ถูกบังคับให้ปลิดชีพตัวเอง โดยการเซ็ปปูกุ (คว้านท้องตัวเอง) เมื่อฮิจิกาตะได้เข้าร่วมงานศพของชายผู้นั้น ปรากฏว่าเขาได้ร้องไห้ให้แก่ผู้ตายต่อหน้าคนอื่นด้วย ด้วยความสงสาร
🔸ต่อมาฮิจิกาตะได้พบกับ คนโด อิซามิ ผู้สืบทอดเพลงดาบเท็นเน็นริชินรีวรุ่นที่ 4 แห่งโรงฝึกชิเอกัง โดยรู้จักผ่านทางซาโต ฮิโกโงโร พี่เขยของเขาซึ่งเป็นผู้จัดการโรงฝึกแห่งนี้
🔸เขาได้เข้าเป็นศิษย์ในสำนักดาบชิเอกังเต็มตัวในปี ค.ศ. 1859 ถึงแม้ว่าฮิจิกาตะ จะไม่ได้สำเร็จวิชาดาบเท็นเน็นริชินรีวอย่างสมบูรณ์ แต่กล่าวกันว่าวิชาดาบของที่นี่เป็นพื้นฐานหลักที่ฮิจิกาตะใช้พัฒนาวิชาดาบ "ชินเซ็งงูมิเก็นจุตสึ" ในเวลาต่อมา
......................🔻ก่อตั้งชินเซ็งงุมิ🔻.........................
🔸ในปี ค.ศ. 1863 ฮิจิกาตะและ คนโด อิซามิ ได้ร่วมกันตั้งกลุ่มชินเซ็งงูมิขึ้น โดยคนโด เป็นผู้นำกลุ่มร่วมกับเซริซาวะ คาโมะและนีมิ นิชิกิ
🔸ส่วนฮิจิกาตะมีฐานะเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากลุ่ม กลุ่มชินเซ็งงูมิทำงานรับใช้รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะในฐานะหน่วยตำรวจพิเศษในนครหลวงเกียวโต ภายใต้การสั่งการของมัตสึไดระ คาตาโมริ ไดเมียวแห่งแคว้นไอซุ ที่ทำหน้าที่ต่อต้านกลุ่มนักปฏิรูปต่าง ๆ
🔸อย่างไรก็ตาม เซริซาวะและนีมิ ได้เริ่มก่อเรื่องต่อสู้ เมาเหล้าอาละวาด และข่มขู่กรรโชกต่าง ๆ ในนครเกียวโต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลุ่มชินเซ็งงูมิเสื่อมเสียชื่อเสียง
🔸จนกระทั่งมีคนตั้งฉายาในทางลบให้กับกลุ่มว่า "ฝูงหมาป่าแห่งมิบุ" ( 壬生狼) ฮิจิกะตะพบหลักฐานการก่อเรื่องของนีมิมากพอและได้สั่งให้นีมิคว้านท้องตนเอง
🔸หลังจากนั้นไม่นานเซริซาวะและสมาชิกที่อยู่ฝ่ายเขาได้ถูกลอบสังหาร คนโด ได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มชินเซ็งงูมิแต่เพียงผู้เดียว โดยมีฮิจิกาตะและยามานามิ เคซูเกะเป็นรองหัวหน้ากลุ่ม
🔸กลุ่มชินเซ็งงูมิมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 140 คน ซึ่งนอกจากจะเป็นซามูไรแล้วยังมีพ่อค้าและชาวนาจำนวนมากเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มด้วย เพราะเกรงว่าวิถีชีวิตของตนจะถูกคุกคามหากเกิดการล่มสลายของรัฐบาลโชกุนขึ้น
🔸ในช่วงที่สถานการณ์ของเกียวโตอยู่ในภาวะตึงเครียด และฮิจิกาตะก็เป็นที่รู้จักจากการบังคับใช้กฎดังกล่าวอย่างเข้มงวด จนกลายเป็นที่มาแห่งสมญานาม "รองหัวหน้าปิศาจ"
🔸แม้ในกลุ่มชินเซ็งงูมิ เองก็มีการใช้กฎควบคุมวินัยของกลุ่มอันมีชื่อว่า "เคียวกูจูฮัตโตะ" โดยมีฮิจิกาตะเป็นผู้ควบคุมอย่างเคร่งครัด คนที่ละทิ้งกลุ่มหรือหักหลังกลุ่มจะต้องรับโทษคว้านท้องตัวเองเท่านั้น
🔸กฎดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้กับยามานามิ เคซูเกะซึ่งเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งของฮิจิกาตะ เนื่องจากเขาได้พยายามออกจากกลุ่มชินเซ็งงูมิในปี ค.ศ. 1865
🔸ดาบคู่ใจของฮิจิกาตะคือ "อิซูมิ โนะ คามิ คาเนซาดะ" เป็นดาบที่ตีขึ้นในยุคเอโดะ โดยสุดยอดช่างตีดาบผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น
🔸กล่าวกันว่าฮิจิกาตะ ยังเป็นผู้พัฒนาวิชาดาบสำหรับใช้เป็นแนวทางมาตรฐานการต่อสู้ของกลุ่มชินเซ็งงุมิอันมีชื่อว่า "ชินเซ็งงูมิเก็นจุตสึ" อีกด้วย
🔸ฮิจิกาตะได้เลื่อนเป็นซามูไรระดับฮาตาโมโตะ ในปี ค.ศ. 1867 พร้อมกันกับสมาชิกหน่วยชินเซ็งงุมิทั้งหมด และได้ยศเป็นขุนนางชั้น "โยริไอกากุ" (寄合格) ในช่วงต้น ค.ศ. 1868
....................... 🔻มรณกรรม🔻............................
🔸หลังจากคนโด อิซามิ หัวหน้ากลุ่มชินเซ็งงูมิยอมจำนนต่อกองทัพในนามของพระจักรพรรดิและถูกประหารชีวิตในวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1868
🔸ฮิจิกาตะจึงกลายเป็นผู้นำกลุ่มชินเซ็งงูมิในการต่อต้านรัฐบาลใหม่ครั้งสุดท้าย หลังจากพักอยู่ที่แคว้นไอซุ ได้ระยะหนึ่ง
🔸เขาจึงนำหน่วยชินเซ็งงุมิไปยังเซ็นได เพื่อสมทบกับกองเรือของเอโนโมโตะ ทาเกอากิ เขารู้ดีว่าสงครามที่เขาเข้าร่วมด้วยนั้นเป็นสงครามที่ไม่มีวันชนะ
🔸ครั้งหนึ่งเขาได้กล่าวกับมัตสึโมโตะ เรียวจุง นายแพทย์ในกองทัพนั้นว่า
📌 "ข้าไม่ได้เข้าสนามรบเพื่อจะได้ชัยชนะ แต่เพราะหากถึงคราวที่รัฐบาลโทกูงาวะต้องอับปางลง ย่อมเป็นเรื่องน่าละอายหากไม่มีใครสักคนยอมล่มจมไปพร้อมกับรัฐบาลนั้นด้วย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าต้องไป ข้าจะสู้ในการศึกที่เยี่ยมยอดที่สุดในชีวิตของข้า เพื่อพลีชีพให้แก่ประเทศนี้"📌
🔸ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1868 ฮิจิกาตะและโอโตริ เคซูเกะ นำกองทัพฝ่ายโทะกุงะวะยึดครองป้อมโกเรียวกากุ (ป้อมดาวห้าแฉก) ในการรบที่ฮาโกดาเตะ
🔸และดำเนินการกวาดล้างผู้ต่อต้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการประกาศตั้งสาธารณรัฐเอโซะในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
🔸ฮิจิกาตะก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองรัฐมนตรีกระทรวงทหารบก กองทัพฝ่ายจักรพรรดิดำเนินการโจมตีเอโซะต่อเนื่องทั้งทางบกและทางทะเล
🔸จนกระทั่งเมื่อมาถึงจุดสุดท้ายแห่งความขัดแย้งของการปฏิวัติ ในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1869
🔸ฮิจิกาตะได้เสียชีวิตระหว่างการรบบนหลังม้าจากการถูกกระสุนปืนเข้าที่สำคัญบริเวณด้านหลังของเขา (ด้วยวัย 34 ปี)
🔸หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ ป้อมโกเรียวกากุก็ตกเป็นของกองทัพฝ่ายจักรพรรดิ กองทัพทั้งหมดของสาธารณรัฐเอโซะ ได้ยอมจำนนต่อรัฐบาลเมจิในที่สุด
#jarnmooChannel
#history
#ประวัติศาสตร์