สึจิโนโกะ: งูประหลาดน่าฉงน
ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนโบราณมากไปด้วยตำนานต่างๆ ที่น่าสนใจ เป็นสถานที่ที่มีวัฒนธรรมอันสวยงาม แต่เรื่องผี ปีศาจ สัตว์ประหลาดแล้ว ญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อเช่นกัน วันนี้ เราจะพาทุกคนเดินทางไปยังป่าในประเทศญี่ปุ่น ไปรู้จักกับสัตว์ประหลาดลึกลับที่มีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายงู แต่กลับอ้วนกลม ถ้าพร้อมแล้วไปฟังกันเลย!
สึจิโนโกะ (Tsuchinoko) เป็นสัตว์ประหลาดขนาดเล็กยาว 60 เซนติเมตร มีลักษณะคล้ายงู แต่มีลำตัวอ้วนกลมตรงกลาง หางสั้น เขี้ยวยาวแหลม มีลักษณะสีเขียว น้ำตาล หรือเทา มีลายขวางสลับตามตัว มักพบตามป่า หนองน้ำ ทุ่งหญ้า ถ้ำ ที่รกร้าง โดยมีการพบมากที่จังหวัดชิโกคุและแถบคันไซ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า บาชิเฮบิ (Bashi Hebi/バチヘビ)
โดยหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของมัน ถูกพบเป็นรูปปั้นดินเผาโบราณจากสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือยุคโจมงของญี่ปุ่น (Jomon Period) ซึ่งปั้นสัตว์เลื้อยคลายคล้ายงูที่ตัวกลมเอาไว้ สึจิโนโกะนั้นสามารถกระโดดได้สูง มีนิสัยดุร้ายเมื่อถูกคุกคาม และมักจะใช้วิธีกลิ้งตัวไปด้านข้างในการเคลื่อนที่แทนการเลื้อยแบบงูปกติ และแม้แต่ในยุคเอโดะหรือช่วงศตรวรรษที่ 17 ก็บันทึกการเจอสึจิโนโกะลงในหนังสือเรื่องเหนือธรรมชาติอีกด้วย
ในปี ค.ศ. 1970 รายงานการพบสึจิโนโกะก็พรั่งพรูมากมาย โดยมีการอ้างว่าเห็นพวกมันในทุ่งหญ้าและป่าในภาคกลางของญี่ปุ่น รัฐบาลจึงจัดแคมเปญให้แก่คนที่สามารถจับสึจิโนโกะได้โดยมีรางวัลถึง 20,000,000 เยนเลยทีเดียว กระนั้นก็มีคนคว้าน้ำเหลวมากมาย และรายงานก็ยังพรั่งพรูไปอีก
โดยเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบเจอ เป็นของคุณคาซุอากิ โนดะ (Kazuaki Noda) และภรรยา ขณะที่ทั้งสองไปเดินป่ากัน พวกเขาได้พบงูประหลาดที่มีลำตัวกลมด้านข้าง หางสั้นเต่อ หัวกลมคล้ายเต่า มันส่งเสียงขู่ก่อนจะเลื้อยหนีไปในดงหญ้ารกอย่างช้าๆ ทั้งสองงุนงงราวกับเพิ่งเจอเรื่องที่น่าตกใจมากๆ มา และในเวลาเดียวกัน มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งรายงานว่าเธอเห็นสึจิโนโกะว่ายน้ำข้ามลำธารกว้างๆ บนภูเขาขณะที่เธอขึ้นไปเป็นพืชสมุนไพร เธอบอกว่าเธออยู่ที่ภูเขาแห่งนั้นมาถึง 80 ปี แต่ไม่เคยเจองูที่มีหน้าตาเช่นนั้นมาก่อนเลย
ทว่า เรื่องเล่านั้นก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นมากที่สุด เมื่อมีชายชาวบ้านนิรนามได้ใช้เครื่องตัดหญ้ากำจัดหญ้าในนาของเขา ใบพัดไปถูกงูตัวหนึ่ง แต่งูตัวนี้ไม่เหมือนงูที่พบในญี่ปุ่นเลย หัวของมันกลมคล้ายตัวการ์ตูนโดราเอม่อน แต่มีดวงตาโต เมื่อเจ้าสัตว์ตัวนั้นถูกใบพัดบาดก็เลื้อยหนีไป จากนั้นสองวันต่อมา มีคนมาเจอซากของมันนอนตายในที่ดินของชายคนนั้น พวกเขาจึงส่งซากให้นักวิจัยตรวจสอบ ทว่า เมื่อตรวจดีเอ็นเอ มันตรงกับงู แต่เป็นงูชนิดที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
และแล้ว กระแสการเจอสึจิโนโกะก็น้อยลงไป แต่วัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่นำสิ่งมีชีวิตตัวนี้ออกมาทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมามากมาย และสัตว์ตัวนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษ์ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งสินค้า ของเล่น ของใช้ ตัวละครในการ์ตูน เกม อนิเมะ หนังสือ และเรื่องเล่าต่างๆ มากมายเช่นเดียวกับสัตว์ประหลาดหรืออสูรกายจากตำนานตัวอื่นๆ
ในแง่ทษฏีและสมมุติฐาน สึจิโนโกะอาจจะเป็นงูมามูชิ (Mamushi Viper: Gloydius blomhoffii) ซึ่งเป็นงูกลุ่มงูพิตไวเปอร์เช่นเดียวกับงูกะปะและงูแมวเซาที่พบในไทย งูชนิดนี้มีหัวสั้น ลำตัวอ้วนกลม และมีพิษส่งผลต่อระบบเลือดทำให้เลือดเสียและเกิดภาวะเนื้อตายถึงขั้นเสียชีวิตได้ มันอาจจะเป็นมามูชิที่กินเหยื่อขนาดใหญ่เข้าไปจนท้องป่อง อีกทษฏีก็บอกว่ามันคือกิ้งก่าจากต่างประเทศที่หลุดออกมาจากการเลี้ยงสัตว์แปลก โดยน่าจะเป็นสัตว์จำพวกจิ้งเหลนลิ้นสีน้ำเงินที่พบในออสเตรเลียและบางส่วนของอินโดนีเซียและปาปัวนิวกินี ซึ่งจิ้งเหลนชนิดนี้มีลำตัวอ้วนกลม แต่แขนขาสั้นจนแทบจะมองไม่เห็น ทำให้มันสามารถเลื้อยหรือขุดดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทุกวันนี้ แม้เราจะไม่มีหลักฐานพิศูจน์ นี่คงเป็นเรื่องที่ย้ำเตือนเราว่า โลกใบนี้ถือกำเนิดขึ้นมา 13 ล้านล้านปีมาได้ และมีสายพันธุ์ที่มนุษย์ไม่รู้จักอีกมาก ไม่แน่ว่า อาจจะมีสัตว์ที่มนุษย์ยังไม่รู้จักรอการค้นพบ หลบซ่อนตัวท่ามกลางป่าลึกในโลกของเรา ก็เป็นได้.....