Love Bombing เมื่อแรกรัก น้ำต้มผัก ยังว่าหวาน เมื่อจืดจาง น้ำตาล ยังว่าขม
Love Bombing คือ การทุ่มเทความรักอย่างหนักหน่วงในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์เพื่อพิชิตใจอีกฝ่ายให้ตกหลุมรัก และ รู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ เมื่อฝ่ายที่ได้รับความเอาใจใส่ รู้สึกผูกพัน ถูกโน้มน้าวจนเชื่อว่า นี่แหละคือความรักที่แท้จริง หลังจากนั้นฝ่ายที่ทำการ love bombing จะเริ่มควบคุมชีวิตของคนรักให้เป็นไปตามที่ต้องการ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสับสน อึดอัดในความสัมพันธ์ ไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือ ในบางคนจะเริ่มได้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากความรักที่เคยมีให้อย่างมากมายกลายเป็นจืดจางไร้เยื่อใย ราวกับว่าความรักที่เคยมีมาทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น
ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ love bombing มักมีสาเหตุมาจาก
- การมีรูปแบบความสัมพันธ์ที่มีเรื่องต้องวิตกกังวล (anxious or insecure attachment style) คนประเภทนี้มีความรู้สึกไม่มั่นคง กลัวการถูกทอดทิ้ง จึงพยายามเติมเต็มความรู้สึกขาดของตัวเองด้วยการหาใครสักคนมาเป็นที่พึ่งพาทางใจ และ ต้องเป็นคนที่ตนสามารถควบคุมได้
- การมีบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) การมีความเคารพตนเองต่ำ (low self-esteem) หรือ การมีปัญหาในการเชื่อใจคนอื่น (trust issues) อาจปรากฏในรูปแบบความต้องการที่จะทำให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม มั่นคง เพื่อไม่ให้กังวลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พฤติกรรมเหล่านี้อาจเกิดจากการกระทำทั้งที่รู้ตัว หรือ ไม่รู้ตัว เช่น แม้ไม่มีเจตนาทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แต่ภายในจิตใจมีความรู้สึกไม่มั่นคงจึงแสดงพฤติกรรมเหล่านี้โดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์แบบ Love bombing มี 3 ขั้นตอน
1.ขั้นตอนการสร้างภาพในอุดมคติ (The Idealization Phase) ผู้ที่มีพฤติกรรม love bombing จะปฏิบัติตัวต่ออีกฝ่ายอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง มั่นคอยสร้างความประทับใจ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับความรักอย่างเต็มที่ ได้รับการดูแลเหมือนได้พบกับคนรักในอุดมคติ จนเริ่มเกิดความผูกพัน ผูกคุณค่าของตนต่อการกระทำของอีกฝ่าย
2.ขั้นตอนการลดคุณค่า (The Devaluation Phase) เมื่อฝ่ายที่ถูก love bombing รู้สึกตกหลุมรัก ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะเริ่มควบคุมให้เขา หรือ เธอต้องตอบสนองความรู้สึกไม่มั่นคงของตัวเอง เช่น พยายามทำให้คนรักใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียว ไม่ให้คนรักออกไปใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน ๆ ฝ่ายที่ทำการ love bombing อาจเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ไม่สร้างสรรค์ เช่น ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด บังคับขู่เข็ญ กระทั่งทำร้ายร่างกายให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการ
3.ขั้นตอนการทอดทิ้ง (The Discard Phase) เมื่อฝ่ายที่ถูก love bombing พยายามแสดงจุดยืนของตัวเอง จนยากที่จะควบคุมได้อีกต่อไป ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ ทิ้งให้ฝ่ายที่ได้รับความรักมาตลอดรู้สึกสับสน ไร้ค่า คิดว่าความสัมพันธ์ที่จบลงเป็นความผิดของตนเอง
พฤติกรรมของคนที่ทำ Love Bombing
1.เร่งรัดเข้าสู่ความสัมพันธ์ ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะเร่งรัดความสัมพันธ์ให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน เช่น ขอเป็นแฟนตั้งแต่รู้จักกันได้ถึงเดือน
2.มอบของขวัญให้บ่อย ๆ ฝ่ายที่ทำการ love bombing มักชอบซื้อของขวัญให้อีกฝ่าย หลายครั้งของขวัญที่ให้มีมูลค่าสูง คนที่ได้รับจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ เกรงใจ ยอมทำตามความต้องการฝ่ายที่ทำการ love bombing นานวันเข้าจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะคล้ายกับการต้องตอบแทนของที่ได้รับมาเป็นการตามใจฝ่ายนั้นจนสูญเสียความเป็นตัวเอง
3.พื้นที่ส่วนตัวเริ่มเหลือน้อยลง ฝ่ายที่ทำการ love bombing จะแสดงความหึงหวงเวลาอีกฝ่ายใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เพื่อน หรือ คนอื่น เพราะอยากให้อีกฝ่ายใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับตัวเองคนเดียว คอยชักถามอีกฝ่ายในทุกเรื่องที่อยากรู้ คอยเช็กว่าทำอะไรอยู่กับใครตลอดเวลา เมื่ออีกฝ่ายเริ่มส่งสัญญาณว่าไม่พอใจพฤติกรรมเหล่านี้ ฝ่ายที่ทำการ love bombing อาจแสดงอาการน้อยใจ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด จนสุดท้ายต้องยอมตามใจในที่สุด
4.ขยันบอกรักบ่อยจนเกินเหตุ ผู้ที่มีพฤติกรรม love bombing มักบอกรักอีกฝ่ายบ่อย ๆ แสดงออกความรักมาก ๆ พูดเรื่องวางแผนอนาคตร่วมกันไปไกลกว่าความสัมพันธ์ที่พึ่งรู้จักกันในปัจจุบัน
คนที่ต้องมาอยู่ร่วมในความสัมพันธ์ love bombing เริ่มต้นอาจรู้สึกว่าความรักครั้งนี้ราวกับอยู่ในเทพนิยาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับแสดงอาการเฉยชา หรือ เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน สร้างความสับสน น้อยใจ รู้สึกผิด และ โดนบงการชีวิตจนไม่เป็นตัวเอง เมื่อคนที่ทำการ love bombing ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลง ก็หลงเหลือให้เพียงความรู้สึกเจ็บปวด ใครที่ต้องตกอยู่ในความสัมพันธ์นี้อย่าได้โทษตัวเองไป ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงเป็นธรรมดา เมื่อคุณได้พยายามอย่างเต็มที่ในความสัมพันธ์แล้ว อย่าได้กล่าวโทษตัวเอง คุณยังคงสวยงามและพร้อมที่จะเริ่มต้นมีความรักที่แท้จริงได้อีกครั้ง