รีวิวหนังดัง PACIFIC RIM สงครามอสูรเหล็ก
หนึ่งในภาพยนตร์ Action ฟอร์มยักษ์ประจำปี 2013 ที่น่าจดจำ หลังจากเป็นที่รู้จักกันมานาน ตอนนี้ก็ได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ Hollywood อย่าง PACIFIC RIM ผลงานของผู้กำกับ Guillermo del Toro ที่เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดของหนังได้ดีคนหนึ่ง
การต่อสู้กับอสูรยักษ์ที่มาจากน่านน้ำร่องมหาสมุทร แล้วบุกขึ้นเหนือน้ำมาคุกคามบนบก มนุษย์เราจึงต้องมีอสูรเหล็กเป็นของตัวเองที่เรียกว่า เยเกอร์ งานนี้ไม่ยักษ์จริงก็สูญพันธุ์กันไปข้างนึง
เรื่องย่อ
Raleigh Becket ได้รับคำเชิญจาก Stacker Pentecost ในการขับเยเกอร์ต่อสู้กับอสูรไคจูอีกครั้ง หลังจากที่ Raleigh ได้เสียน้องชายจากการขับเยเกอร์ต่อสู้กับไคจูมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นการจำใจไปของเขา เพราะชีวิตเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ชีวิตของเขาตกต่ำไปมากกว่าเดิม
Raleigh ได้พบกับ Mako Mori หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่จะเป็นพลขับเยเกอร์คู่หูไปด้วยกัน ระหว่างการฝึกฝน Raleigh จะต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมากในการแข่งขันกับพลขับเยเกอร์จากนานาประเทศที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งและเก่งระดับ Top form
นอกจากนี้ยังมีนักวิจัยด้านไคจูอย่าง Dr.Newton Geiszler และ Gottlieb ที่ไปเจอวิธีค้นพบการเชื่อมต่อระบบประสาทระหว่างคนกับไคจูด้วยความบังเอิญ จนต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่บานปลายตามมา รวมไปถึงนักค้าของเถื่อนจากซากไคจูอย่าง Hannibal Chau ก็ต้องวุ่นวายเดือดร้อนจากประเด็นนี้ด้วยเหมือนกัน
นักแสดงนำ
- Charlie Hunnam รับบทเป็น Raleigh Becket
- Idris Elba รับบทเป็น Stacker Pentecost
- Rinko Kikuchi รับบทเป็น Mako Mori
- Charlie Day รับบทเป็น Newton Geiszler
- Burn Gorman รับบทเป็น Gottlieb
- Max Martini รับบทเป็น Herc Hansen
- Ron Perlman รับบทเป็น Hannibal Chau
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.Plot หนังดูเข้าใจง่าย บวกกับความอลังการของฉากและมุมกล้องที่แพนภาพได้ดี สื่อถึงบรรยากาศของการแหงนคอมองฟ้าเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่จากสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกัน ก็ยิ่งบันเทิงมากขึ้นไปอีก
2.หลายคนมองว่านี่คืองานที่เลียนแบบ Transformers ที่ใช้หุ่นเหล็กความสูงเท่าตึกเข้าปะทะกัน เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นไคจู อสูรจากร่องสมุทรเท่านั้น ความจริงแล้ว Pacific Rim มีที่มาจากต้นฉบับจากญี่ปุ่นอยู่ก่อนแล้ว การที่หนังออกฉายในช่วงใกล้เคียงกับ Transformers จึงไม่แปลกที่มันทำให้คนส่วนใหญ่มองแบบนั้น
3.ฉาก Action ตระการตา และด้วย CGI ที่สมบูรณ์เก็บรายละเอียดของซากปรักหักพังได้ดี ราวกับว่าคนดูได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย นี่คือจุดเด่นที่ภาคแรกทำตรงนี้ออกมาได้ดี น่าเสียดายที่ภาคสองไม่สามารถสร้างความรู้สึกนี้ให้กับคนดูได้อีกเลย
4.จุดอ่อนของเรื่องนี้คงจะเป็นช่วงกลางเรื่องที่เดินเรื่องช้า อืดอาดไปหน่อย แม้จะเป็นการสื่อถึงพื้นเพของ Mako ว่าเคยไปเจออะไรมาบ้าง แต่ pacing โดยรวมก็ถือว่ายังช้าอยู่ดี แถมหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรให้น่าติดตามหรือชวนลุ้นกับเรื่องราวมากมายนัก ถ้าชูประเด็นที่น่าติดตามกับคนดูได้ หนังจะสนุกกว่านี้อีกมาก
5.การแสดงของ Idris Elba ที่รับบทเป็น Stacker Pentecost เป็นที่น่าจดจำและให้ความรู้สึกของความเป็นผู้นำจริงๆ ถึงบทบาทจะไม่ได้มากเท่าพระเอกของเรื่อง แต่เขาคือบทบาทที่เรียกได้ว่าเป็น"ผู้ชี้ทาง" เสนอทางออกของปัญหาให้กับพระเอกของเรื่อง