10 สัญญาณเตือน!! จากร่างกาย ที่บอกว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม
จากหนังสือ ข้อคิดชีวิต 360 องศา เขียนโดย มนต์สวรรค์ จินดาแสง กล่าวว่า หากเกิดสัญญาณดังต่อไปนี้ ร่างกายกำลังบอกว่า คุณกินอาหารไม่เหมาะสม ควรปรับพฤติกรรมด่วน!!
10 สัญญาณเตือน!! จากร่างกาย ที่บอกว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม
1. ผิวหนังมีปัญหา
เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็นลักษณะของการขาดวิตามินเอ
คุณควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ให้มาก เพราะผักผลไม้เหล่านั้นล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามินเอ เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ โดยไม่ควรทานวิตามินเอเสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้
2. ผมไม่เงางาม
ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลย เป็นผลมาจากการขาดโปรตีนและธาตุเหล็กโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ซึ่งแม้ว่าคุณจะอยากมีรูปร่างผอมแค่ไหนก็ไม่ควรอดอาหารจนเกินไป
ควรกินอาหารให้มีส่วนผสมของธาตุอาหารอย่างเหมาะสม เน้นอาหารที่มีกากใย พร้อมไปกับการออกกำลังกาย
สำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติ ควรทานสารอาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อจะได้ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป เพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขกและถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน
3. ท้องผูก
เป็นอีกอาการหนึ่งที่บอกถึงการรับประทานอาหารอย่างไม่เหมาะสม คุณต้องทานอาหารพวกไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใยจำนวนมาก เช่น ผักผลไม้ต่างๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย
4. ผายลมบ่อย
แม้ว่าอาหารที่มีกากใยสูงจะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิ่น ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ
วิธีแก้ปัญหาคือค่อยๆ เพิ่มสารอาหารที่มีกากใยสูงอย่างช้าๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม
5. ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ
อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบอาจเป็นไปได้ว่าคุณกินปลาน้อยเกินไป กรดไขมันประเภทโอเมก้า-3 ที่พบมากในปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่าจะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น รวมทั้งลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ
6. สเปิร์มน้อยลงไปมาก
ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดวิตามินซี ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญที่กระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการศึกษาพบว่าวิตามินซียังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปร์มด้วย
ดร.เอิร์ล ดาวสัน แห่งมหาวิทยาลัยเท็กชัสเมดิเคิลบร้านซ์ที่กัลเวลตัน แนะนำว่า ผู้ชายควรดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามินซี มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน
7.หัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้ง ต่อวัน ซึ่งคงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยู่ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้นๆ หยุดๆ โดยไม่มีเหตุผล หรือถ้ามีอาการเจ็บปวด หน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ทว่าหัวใจของคุณก็ยังมีอาการเต้นผิดปกติในบางครั้ง แสดงว่าคุณอาจจะขาดสารอาหารพวกแม็กนีเซียมหรือโปแตสเซียม
สำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู ส่วนการขาดแม็กนีเซียม ให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทอง และผักโขม ซึ่งเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ
8. ปวดเหงือก
ถ้าคุณมีอาการเจ็บปวดซึ่งเกิดจากการอักเสบของเหงือก แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มีอันตราย ควรกินโยเกิร์ตซึ่งมีแบคทีเรียที่ร่างกายต้องการเป็นอาหารว่างในเช้าของทุกวัน
9. กระดูกแตก
ถ้ากระดูกคุณแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินดีและแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบสำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายนั้นต้องการแคลเซียมมากเหมือนๆ ผู้หญิง เนื่องเพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อสัตว์มากกว่าผู้หญิง เนื้อสัตว์นั้นอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส และยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น
อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นม และเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี)
10. ขี้ลืม
อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามินบี ในการศึกษาที่ศูนย์การวิจัยโภชนาการสำหรับมนุษย์ยูเอสดีเอแห่งบอสตัน นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามินบี 6 บี 12 และบีโฟเลท สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่าจากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม Homocysteine อันเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงสมอง
ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และโฟเลต มากที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามินบี 12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล หมั่นสังเกตตัวเองสักนิด แล้วจะรู้ว่าร่างกายตัวเองขาดอะไรไป
อ้างอิงจาก: หนังสือ ข้อคิดชีวิต 360 องศา เขียนโดย มนต์สวรรค์ จินดาแสง