ความเป็นมาของ โชจู เหล้าเกาหลีอันโด่งดัง
ปัจจุบันนี้เหล้าโชจูได้กลายเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราไปแล้ว โดยโซจู คือ สุราหมักของประเทศเกาหลี เกิดจากการหมักธัญพืชหลายชนิด เช่น ข้าว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด มันสำปะหลัง น้ำตาล โดยเริ่มแรกจะนำธัญพืชเหล่านี้ไปต้มหรือนึ่ง จากนั้นผสมกับหัวเชื้อจุลินทรีย์นูรุก หมักทิ้งไว้จนเกิดเป็นเชื้อรา ก่อนจะนำมากลั่นออกเป็นสุรา สำหรับจุดเด่นของโซจูที่ครองใจหลายคนคือ จะมีลักษณะเป็นสีใส ลักษณะคล้ายวอดก้า กลิ่นหอม รสชาติหวานตอนต้นและขมตอนปลายเล็กน้อย โซจู เดิมทีเรียกว่า อารักจู ซึ่งมาจากคำว่า อารัก เครื่องดื่มต้นกำเนิดจากดินแดนฝั่งตะวันออกกลางหรืออาหรับ และเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศเกาหลีช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13
โดยชาวตะวันออกลางได้เดินทางข้ามทวีปเพื่อแสวงหาอาณานิคม ด้วยกรรมวิธีในการหมักและกลั่นที่มีความซับซ้อน ในช่วงแรกโซจูจึงเป็นเพียงเครื่องดื่มของคนชนชั้นสูงเท่านั้น กระทั่งเข้าสู่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ประเทศเกาหลีได้ตั้งโรงงานผลิตโซจูเป็นครั้งแรกในเขตเมืองพยองยาง ทำให้ชาวบ้านเริ่มรู้จัก เรียนรู้วิธีการหมักและกลั่นเป็นวงกว้างมากขึ้น ปัจจุบัน โรงงานผลิตโซจูเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมในหลายกลุ่มทั้งคนเกาหลีเองและนักท่องเที่ยว รวมถึงมีอุตสาหกรรมการส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลก สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาล ถึงแม้โชจูจะเป็นเหล้าสีใส รสชาติหวาน ดื่มง่าย แต่ในความเป็นจริงความเข้มข้นของแฮลกอฮอล์อยู่ที่ 20-40 ดีกรี หรือประมาณ 17%-45% เลยทีเดียว
คนส่วนใหญ่จะนิยมดื่มพร้อมกับการกินอาหาร เช่น หมูย่างเกาหลี สามชั้นย่าง ปลาดิบ มาม่าเกาหลี ต๊อกบกกี เต้าหู้กิมจิ ขาหมูเกาหลี หรือบางคนดื่มเพียว ดื่มผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น เช่น เบียร์ ไวน์ เพื่อช่วยให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น นประเทศไทยได้มีการคิดค้นวิธีการดื่มโซจูให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น เช่น การผสมกับน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ เป็นต้น เดิมทีขวดสำหรับใส่โซจูมีหลากหลายสี ทั้งสีฟ้า สีเงิน สีดำ และมีหลากหลายขนาดตามแต่ละแหล่งผลิต แต่ภายในระยะเวลาต่อมาได้มีการตั้งข้อตกลงว่าจะใช้ขวดสีเขียวและขนาดเดียวกัน เพื่อลดต้นทุนการผลิต และลดระยะเวลาในการคัดแยกขวดสำหรับรีไซเคิล กลายเป็นโซจูขวดสีเขียวใสในปัจจุบันนั่นเอง