เรื่องผีที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก (เขาเคลมไว้แบบนั้น) ผีหลอกโหดมาก

 

#ลืมผีไทยทุกเรื่อง ที่คุณเคยฟังมา นี่คือเรื่องผีที่หลอกโหดดิบพิสดารเกินมนุษย์ทั่วไปจะรับไหว เจอแบบนี้เป็นบ้าได้เลย เรื่องนี้มีพยานภาพถ่ายวิดิโอเยอะแถมคนที่เจอเป็นฝรั่งจากประเทศที่พัฒนาแล้วทำให้มันโคตรน่าสนใจและมีการอ้างว่านี่อาจเป็นเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก ประโยชน์จากการศึกษาคือการเปิดโลกทางวัฒนธรรมความเชื่อและได้รู้ว่าโลกที่เราอยู่มันมีศาสตร์ที่ไม่คิดว่าจะมี นั่นคือ ปรจิตวิทยา

จุดเริ่มต้นก็คือมีผู้หญิงท้องแก่คนนึงชื่อ Jackie Hernandez ทะเลาะกับสามีก็เลยพาลูกคนโตกับลูกในท้องหนีจากสามีและได้ไปเช่าบ้านหลังนึงใน San pedro ก้าวแรกที่ได้เข้าไปในบ้านหลังนั้นมันมีความรู้สึกอึดอัดหวาดกลัวระแวงเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วย ณ ตอนนั้นตัวเงินก็แทบไม่มีถ้าไม่เอาคืนนี้ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนแถมรถที่ขับมาน้ำมันใกล้จะหมดไปไหนไม่ได้แล้ว เรื่องหลอนก็เริ่มขึ้น

1.เริ่มที่ Jackie ชวนเพื่อนมาเที่ยวเล่นที่บ้าน ในระหว่างที่เขากำลังนั่งคุยกันตรงโซฟาก็ได้ยินเสียงของตกพื้นเมื่อหันไปดูกล่องใส่ดินสอที่วางอยู่บนโต๊ลอยขึ้นมาแล้วพุ่งใส่กลุ่ม Jackie อย่างกับมีคนเขวี้ยงใส่

2.มีเสียงอะไรสักอย่างคล้ายหินเคลื่อนที่อยู่ในผนังบ้าน มันไต่ผนังบ้านขึ้นไปบนเพดานแล้วไต่เพดานไปทั่ว

3.ช่วงดึกของคืนนึงหลังดูรายการ TV จบ Jackie เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วตอนเดินผ่านห้องลูกชาย Jackie หันไปมองตามสัญชาตญานของคนเป็นแม่ ในห้องเป็นเตียง 2 ชั้นลูกชาย Jackie นอนหลับอยู่ชั้นบน แต่สิ่งที่น่ากลัวคือมีชายแก่ใส่เสื้อสีแดง กางเกงส์ยีนส์ใส่เสื้อไว้ในกางเกง มีผิวสีเทา ดวงตาสีแดงราวกับไฟนั่งอยู่บนเตียงชั้นล่างทำหน้าดุ Jackie กรี๊ดลั่นบ้านวิ่งไปตะโกนบอกให้เพื่อนบ้านช่วยคิดว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน กลัวก็กลัวแต่สัญชาตญานคนเป็นแม่เป็นห่วงลูกชายมากกว่า Jackie ได้สติก็วิ่งไปดูอีกครั้งปรากฎว่าชายแก่หายไปแล้ว ภายหลัง Jackie อธิบายว่าชายแก่สภาพมันเหมือนศwมาก(รายละเอียดชายแก่จะลงในคอมเม้นท์นะครับ ในสารคดีมีการจำลองชายแก่ตามที่ Jackie เล่า Jackie เห็นยังกลัวเพราะใกล้เคียงมาก)

4.บ้านหลังนี้มีน้ำเหลืองๆไหลออกจากจากผนังบ่อยมาก(มีรูป) ภายหลังเก็บตัวอย่างไปเข้า Lab ผลออกมาปรากฎว่าน้ำเหลืองๆที่ว่าเป็นพลาสมาที่อยู่ในเลือดของมนุษย์หรือก็คือน้ำเหลืองของมนุษย์ และยังระบุได้อีกว่าเป็นของมนุษย์เพศชาย นอกจากนี้ในน้ำเหลืองยังมีส่วนประกอบของทองแดง+ไอโอดีน

5.Jackie หวาดกลัวมากๆต้องการที่พึ่งทางใจจึงยอมบอกที่อยู่ให้สามีมาเยี่ยมลูกและพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ไม่นานสามีของ Jackie ก็เดินทางมาถึง Jackie เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีฟังแต่เขาไม่เชื่อแถมยังพูดท้าทายปีศาจก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันรุนแรง Jackie จึงไล่สามีกลับไป Jackie จะไปร้องไห้ในห้องนอนแต่ความเศร้าก็หายไปแทบจะทันทีเพราะ Jackie เห็นตู้เสื้อผ้ามีรอยขีดเขียนตัวอักษร AL ซึ่ง AL เป็นชื่อสามี Jackie ที่พึ่งพูดท้าทายผีในบ้านหลังนั้น มองเป็นเรื่องลี้ลับ = ผีรับคำท้า หาเหตุผลมาหักล้างตรงส่วนนี้บางทีลูกของ Jackie อาจเขียนเล่นก็ได้แม้ลูกชาย Jackie จะยังเล็กมากและวันนั้นเขาไปอยู่กับเพื่อน Jack ก็เถอะ #ไปกันต่อลองฟังไปเรื่อยๆ

6.ช่วงนั้น Jackie ทำงานในตอนกลางวันและไปเรียนต่อหลังเลิกงาน ในวันว่างๆ Jackie จะชวนเพื่อนๆมาเล่นกับลูกของเธอที่บ้าน วันนึงในระหว่างที่เพื่อนของ Jackie นั่งดูการ์ตูนกับเด็กแล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำเขาเห็นเงาที่มีรูปร่างเหมือนคนตัวใหญ่เดินทะลุกำแพงออกมาจากฝั่งนึงแล้วเดินทะลุเข้าไปในห้องน้ำ ในจังหวะที่สิ่งนั้นเดินทะลุเข้าไปในห้องน้ำมีเสียงผู้ชายพูดขึ้นมาว่า “ออกไปสะ! แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”

7.ในส่วนที่ 6 คล้ายกับกรณีของ Al วันนึง Al เดินทางไปเล่นกับลูกที่บ้านหลังนั้นใน San pedro ระหว่างที่ Al นั่งดูการ์ตูนกับลูกก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า “ออกไปสะ! พาพวกเขาหนีไป” Al หันไปดูที่มาของเสียงก็ไม่เห็นอะไร รายละเอียดตรงนี้ไม่ใช่เสียงกระซิบนะครับเป็นเสียงพูดปกติพูดข้างๆนี่แหละ * Allen ยืนยันว่าเขาได้ยินจริงๆ

8.Jackie อ้างว่าเห็นวิญญานชายแก่นั่งบนเตียงและนั่งหลายจุดในบ้าน ทั้งนั่งเก้าอี้ นั่งที่โซฟา นั่งอยู่ในห้องนอน ทุกครั้งมาสภาพเดิมนั่นคือเป็นชายแก่ใส่เสื้อสีแดง กางเกงยีนส์ใส่เสื้อไว้ในกางเกง มีผิวสีเทา ดวงตาแดงก่ำอย่างกับหลุดมาจากนรก มีครั้งนึง Jackie นอนดู TV จนดึกแล้วสายตาดันเห็นชายแก่นั่งบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นในสภาพเดิมนั่งทำจ้องมอง Jackie อารมณ์แบบGuจะฆ่)ให้ต)ย Jackie ตกใจมากอยู่ๆก็โผล่มา พยายามทำเนียนเหมือนไม่เห็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นพยายามข่มตาหลับแต่หลับไม่ลง จะวิ่งไปนอนในห้องก็ไม่กล้า ณ ตอนนั้นแทบไม่กล้าหายใจ Jackie ลืมตามองอยู่หลายครั้งก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ขนาด Jackie กลัวจนหลับตื่นมาตอนเช้ามืดก็ยังนั่งอยู่จนแสงแรกสาดส่องถึงจะหายไป

9.ทุกๆคืน Jackie จะตื่นตอนเที่ยงคืนเวลาเดิมทุกวัน ไม่ว่าจะนอนกี่โมงก็จะตื่นเวลาเดิม คืนนึง Jackie ตื่นตอนเที่ยงคืนเวลาเดิมเพราะได้ยินเสียง ปั้ง! ดังมากๆอยู่นอกห้องนอน เมื่อออกไปดูพบว่าโคมไฟแตกกลางห้องนั่งเล่น แล้วมันเหมือนหนังผีเลยอยู่ดีๆไฟก็ติดๆดับๆ แล้วร่างชายแก่ก็ปรากฎตามจังหวะแสงไฟ

ไฟเปิดสว่าง = โผล่ ไฟดับ=หายไป จังหวะนรกมาก

10.เวลาที่ Jackie ไปทำธุระก็จะฝากให้เพื่อนคนนึงไปอยู่กับเด็กๆ แน่นอนว่าเขาก็เจอครับ ที่พิลึกที่สุดก็เขานั่งเล่นกับเด็กๆตรงห้องนั่งเล่นแล้วจะไปเข้าห้องน้ำซึ่งห่างจากห้องนั่งเล่นไม่ถึง 5 เมตร แต่ตอนเดินไปเขารู้สึกเหมือนห้องน้ำยิ่งไกลออกไปเขาเดินเท่าไรก็เดินไม่ถึงสักทีถึงตรงนี้เขากลัวไม่กล้าเข้าห้องน้ำจึงหันกลังเดินกลับแต่ขากลับเดินนิดเดียวก็ถึง ซึ่งคนนี้เจอลักษณะนี้บ่อย

11.มีเสียงคนบ่นพึมพำออกมาจากห้องใต้หลังคาพร้อมกับเสียงคนเดินแบบเน้นลงน้ำหนักแรงๆและมีน้ำสีเหลืองกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากเพดานห้องครัวซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยจน Jackie หงุดหงิด ด้วยความสงสัย Jackie ยืนบนเก้าอี้แล้วโผล่หัวขึ้นไปสำรวจห้องใต้หลังคาในระหว่างสำรวจก็เจอวัตถุทรงกลมอยู่ตรงมุมห้องแต่ไม่รู้คืออะไรเพราะมืดมาก ในระหว่างที่ Jackie เพ่งมองด้วยความสงสัย วัตถุทรงกลมนั้นก็ค่อยๆกลิ้งไต่ระดับความเร็วเข้ามาใกล้ๆ Jackie กรี๊ดด้วยความหวาดกลัวสุดขีด วัตถุทรงกลมที่ว่าคือ “ศีรษะของมนุษย์” Jackie เล่าว่ามันเป็นศีรษะของของชายแก่มีสภาพเหมือนศw

มาทำความรู้จักอีกคนที่ค่อนข้างสำคัญในเรื่องนี้ Susan คือเพื่อนบ้านของ Jackie นอกจากเป็นเพื่อนบ้านกัน Susan ยังเป็นเพื่อนใหม่ที่ค่อนข้างสนิทกับ Jackie พอสมควร และ Susan ก็อยู่ในเหตุการณ์หลอนๆตั้งแต่ Jackie พึ่งเข้าอยู่

11.1)หลังเจอผีหัวขาo Jackie ร้องไห้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่ชื่อ Susan Susan ก็พา Jackie กลับไปที่บ้านเพราะเด็กๆยังอยู่ในบ้านและชงกาแฟให้ Jackie ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ Susan พูดปลอบใจ Jackie พร้อมทั้งสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือ Jackie ยังไม่ทันขาดคำ Susan ก็กรี๊ดไม่ต่างจาก Jackie เพราะมีน้ำเหลืองๆไหลออกมาจากผนังบ้านอีกแล้ว ทั้งคู่คุยกันว่าจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วจึงเก็บตัวอย่างน้ำเหลืองๆไปปรึกษา Dr.Barry Taff นักจิตสรีรวิทยา/ปรจิตวิทยาเคยทำเคสลักษณะนี้มาหลายเคส เช่น The Entity Haunting ในปี 1974 เคสนี้ดังมาก Dr.Barry Taff คิดว่าเคสของ Jackie น่าสนใจจึงติดต่อ Barry Conrad ที่ตอนนั้นกำลังทำรายการ TV เกี่ยวกับรายการพิสูจน์และ Barry Conrad ตอบตกลงทันที

ต่อไปนี้ผมจะเรียกทีมงานรายการของ Barry Conrad ว่า MM นะครับ ทีม MM มีตัวหลัก 3 คน ได้แก่

1.Barry Conrad คนนี้เป็นหัวเรือใหญ่เป็นทุกอย่างของรายการมีประสบการณ์การทำงานกับสถานีใหญ่ๆอย่าง ABC NBC

2.Jeff Wheatcraft

3.Gary Boehm

12.ทีม MM เดินทางไปที่บ้าน Jackie ในวันที่ 8 สิงหาคม 1989 ก่อนเริ่มถ่ายทำทีม MM ขอฟังเรื่องราวชีวิตของ Jackie เพื่อเก็บข้อมูล ทั้ง Barry Conrad และ Jeff Wheatcraft ต่างส่ายหัวพร้อมกันและทั้งคู่คุยกันว่าเขาไม่เชื่อ เพราะชีวิต Jackie ทรหดจริงๆทั้งมีปัญหาชีวิตคู่ทะเลาะกับสามี เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูก 2 คนเงินก็แทบไม่มี กลางวันทำงานและเลิกงานต้องไปเรียนต่ออีก มีความเครียดสะสม เคสนี้คงแต่งเรื่องเรียกร้องความสนใจเหมือนเคสอื่นๆที่ทีม MM เคยไปพิสูจณ์ แต่ไหนๆไปแล้วก็ลองดู ทุกๆขั้นตอนจะมี Dr.Barry Taff คอย ควบคุมเก็บข้อมูล Jeff Whetcraft กับ Barry Conrad คือ 2 คนที่ขึ้นไปพิสูจณ์ในห้องใต้หลังคา ในระหว่างที่ Jeff กับ Barry เดินสำรวจและหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายในห้องใต้หลังคา กล้องก็มีปัญหามันรวนกว่าจะถ่ายได้สักภาพนี่ยากมาก แล้ว Jeff ก็ถูกพลังงานบางอย่างกระชากกล้องหลุดจากมือ ทันใดนั้นเหมือนมีมือใหญ่ๆผลักแล้วดันตัว Jeff ไปทางขวาเกือบคว่ำ Jeff กับ Barry วิ่งลงไปตั้งหลักข้างล่างอย่างไว ถึงตอนนี้กล้องยังอยู่ในห้องใต้หลังคา แม้จะกลัวแต่ Jeff กับ Barry ก็เป็นตากล้องมืออาชีพเขารักกล้องมากๆ Jeff กับ Barry กลั้นใจขึ้นไปอีกครั้งแล้วก็เจอเรื่องที่ทำให้เขาเริ่มกลัวอีกครั้ง เพราะกล้องไม่ได้อยู่ตรงจุดที่มันตกครับ เลนส์กล้องอยู่ตรงมุมห้องฝั่งซ้าย ตัวกล้องไปอยู่มุมห้องด้านขวาและคว่ำหน้าอยู่ในกล่ององุ่นอย่างกับมีคนแกล้งถอดแยกแล้วเอาไปวางไว้ Jeff กลั้นใจเฮือกที่ 2 ไปเก็บแล้วรีบลงจากห้องใต้หลังคา ตอนที่ Jeff กับ Barry เดินไปกลับไปที่ช่องขึ้น-ลงก็มีเสียงคนเดินตามหลังมาติดๆ ทั้ง2รีบมุดลงไป ขนาดลงมาข้างล่างแล้วยังมีเสียงคนเดินอยู่บนนั้นทั้งที่บนนั้นไม่มีใคร คราวนี้ทีม MM เริ่มคุยกันแล้วว่าเคสนี้มีปรากฎการณ์แปลกๆของจริง ในระหว่างคุยกันมีเสียงคนเดินอยู่บนห้องใต้หลังคาอีกแล้ว คราวนี้มีทีมงานใจกล้าโผล่หัวขึ้นไปดูเพื่อหาที่มาของเสียง คนใจกล้าคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Jeff Wheatcraft ในขณะที่ด้านล่างได้ยินเสียงคนเดิน ตัดภาพมาที่ Jeff Wheatcraft คนที่โผล่หัวขึ้นไปดูเห็นดวงไฟประหลาด 3 ดวงมันลอยเป็นกลุ่มก่อนจะแยกกันลอยเคลื่อนที่ไปทั่ว—>กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแล้วค่อยๆจางหายไปเหมือนควัน Jeff พยายามเพ่งมองเผื่อเห็นอะไรเพิ่มเติมแล้วก็เห็นเงาสีดำรูปร่างเหมือนคนตัวใหญ่เคลื่อนผ่านหน้าไป (ตรงส่วนนี้เขาถ่ายรูปดวงไฟไว้ได้ด้วยครับ) แม้จะทำมาหลายเคสแต่เขาก็ไม่เคยเจอปรากฎการณ์อะไรนี้ แบบทีม MM ขอตัวกลับไปตั้งหลักกันก่อนแล้วจะติดต่อมาอีกครั้ง

เพิ่มเติม ในคืนที่ทีม MM ไปพิสูจณ์ Jackie ขอให้ Al มาอยู่กับลูกๆในระหว่างการพิสูจณ์ ซึ่ง Al พาลูกๆเข้าห้องนอนตั้งแต่ช่วงค่ำ ในขณะที่ด้านนอกกำลังวุ่นวายที่ Jeff เห็นดวงไฟในห้องใต้หลังคา Al วิ่งออกมาจากห้องมีท่าทีลุกลี้ลุกลนบอกว่าเขาได้ยินเสียงมีคนมาพูดข้างหูว่า “พาพวกมันออกไปสะ!” เป็นเสียงที่ชัดมาก นี่คืออีกเหตุผลทำไมทีม MM ถึงขอตัวกลับไปตั้งหลัก เขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเจออะไรแบบนี้

13. Jackie เริ่มฝันแปลกๆ ฝันเห็นชายคนนึงถูกทำร้ายและถูกกดน้ำ ในฝัน Jackie รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะขาดใจตายก่อนจะตื่นจากฝัน วิญญานชั่วร้ายมันอาละวาดหนักขึ้นเรื่อยๆเริ่มเคลื่อนย้ายข้าวของถี่ขึ้น บางครั้งสิ่งของในบ้านปลิวว่อนอย่างกับมีคนเขวี้ยง มีความรู้สึกเหมือนมีคนหรืออะไรสักอย่างจ้องมองอยู่ตลอดเวลา “เวลามีคนยืนอยู่ด้านหลังคุณจำความรู้สึกนั้นได้มั้ยครับ?” ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้านรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลังแล้วมองอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกเหมือนอยู่ตรงนี้เองรับรู้ได้ถึงพลังงานแต่มองไม่เห็น Jackie ส่งข้อความเสียงถึง Barry Conrad เพื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน

14.ทีมงาน MM ไปที่บ้าน Jackie อีกครั้งแต่ครั้งนี้เงียบมากเงียบผิดปกติ มาครั้งแรกตอนเข้าไปในบ้านจะรู้สึกอึดอัดเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้คือปกติไม่มีความรู้สึกใดๆและไม่มีปรากฎการณ์ใดๆจนเวลา 4:16 am มีน้ำเหลืองๆไหลออกมาจากตู้เก็บจาน ทีมงาน MM เก็บตัวอย่างไปเข้า Lab

15.ถึงตอนนี้ Jackie ไม่กล้าอยู่คนเดียว ทางทีมงาน MM ก็ผลัดกันแวะเวียนไปอยู่เป็นเพื่อน Jackie ยังเจออยู่แต่จะเจอเป็นดวงไฟลอยอยู่ในบ้าน บางครั้งมันมาในรูปดวงไฟคล้ายด้าวหาง

16.เย็นวันที่ 4 กันยายน 1989 Barry Conrad ไปที่บ้านของ Jackie เพื่อเก็บภาพเพิ่มเติม สภาพ Jackie ตอนนี้โทรมมากมีภาวะ Languishing Jackie บอกว่า “ตอนนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรจัดการพวกมันได้เลย ” Barry ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการเก็บภาพเพิ่มเติมและพูดคุยกับ Jackie ก่อนขอตัวกลับ 45 นาทีหลัง Barry ขับรถออกไปก็ได้รับข้อความเสียงจาก Jackie พูดด้วยน้ำเสียงคนหวาดกลัวจนสติแตก “ อ๊าาาาา ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แบรี่ ฉันอยู่ไม่ได้ ฉันจะไปจากที่นี่ “ Barry รีบโทรกลับทันที ในสาย Jackie ที่กำลังสติแตกพูดคำเดิมซ้ำๆมีเสียงพื้นหลังดังปึ้ง ปั้ง ปึ้ง ปั้ง ก่อนที่สายจะตัดไป

17.Jackie อุ้มลูกยืนร้องไห้อยู่ข้างถนนเกือบ 1 ชั่วโมงทีมงาน MM ก็มาถึง ทีแรก Jackie คิดว่า Barry จะมารับไปนอนที่อื่นแต่เปล่าครับ เขาลาก Jackie กลับเข้าไปในบ้าน “คืนนี้คือคืนที่ทุกคนรอคอย ทุกคนรอปรากฎการณ์โหดๆมานานแล้ว คืนนี้แหละเราจะจับภาพมันให้ได้ อยากแสดงตัวให้คนเห็นนักใช่ไหม เดี๋ยวจัดให้ได้เห็นกันทั้งโลก”แม้จะกลัวแต่ทีม MM ก็เป็นมืออาชีพมีจุดประสงค์หลักคือการพิสูจณ์ผี

18.เมื่อเข้าไปในบ้านทุกคนช็อคกับสภาพบ้านครับ มันเละเทะอย่างกับมีแก๊งค์ทวงหนี้ยกโขยงกันมาทำลายข้าวของในบ้าน Jackie เล่าว่ามันเริ่มแทบจะทันทีหลัง Barry ขับรถออกไป มี 4 อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน 1.มีเสียงคนบ่นพึมพำออกมาจากช่องห้องใต้หลังคา 2.มีเสียงคนเดินอยู่ในห้องใต้หลังคาดังมากๆ 3.ไฟติดๆดับๆ 4.ข้าวของปลิวว่อน ที่น่ากลัวสุดตุ๊กตาลูกของเธอลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าแล้วหัว แขนซ้าย แขนขวา ขาซ้าย ขาขวาฉีกขาดไปคนละทิศละทางราวกับว่ามันขู่จะทำร้ายลูกของ Jackie

19. เวลา 00:50 Jeff Wheatcraft กับ Gary Boehm ขึ้นไปสำรวจห้องใต้หลังคา Jeff ถือไฟฉายเดินนำ ส่วน Gary ถือกล้องเดินตามแล้วทีมงานที่อยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเหมือนคนดีดนิ้วอยู่ด้านล่างก็เลยเรียกทั้ง 2 คนให้ลงมา “ลงมา! ลงมา!” Gary ที่ยืนอยู่ใกล้ทางออกหันหลังเดินไปได้แค่ก้าวเดียวแค่เสี้ยววินาทีก็ได้ยินเสียงร้องของ Jeff “โอ๊ยยยยย” Gary หันกลับไปดูแต่มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะไฟฉายที่มีกระบอกเดียว Jeff ทำหลุดมือกลิ้งไปไหนแล้วไม่รู้ สัญชาตญาณตากล้อง Gary ยกกล้องขึ้นมาถ่ายโดยใช้แฟลตเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่ Gary ถ่ายได้คือ มีอะไรบางอย่างใช้เชือกรัดคอ Jeff xแล้วดึงไปแขวนไว้กับคานด้านบน สังเกตใบหน้า Jeff ในรูปคือจะขาดใจแล้ว Gary รีบไปช่วย Jeff และได้เห็นว่าเชือกแขวนคอ Jeff ถูกแขวนไว้กับตะปูเก่าๆบนคานซึ่งปลดยากมาก Gary ต้องงอตะปูถึงปลดเชือกช่วย Jeff ออกมาได้ ตอนลงมาเชือกยังห้อยคอ Jeff อยู่เลย ทีมงาน MM *เก็บหลักฐานไว้ Jeff นั่งสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ๆก่อนจะให้ดูรอยแดงที่คอพร้อมเล่าว่าตอนที่ทีมงานด้านล่างเรียกให้ลงมาเขาจะเดินกลับจังหวะหันหลังกลับอยู่ดีๆก็มีอะไรบางอย่างเอาเชือกมารัดคอแล้วดึงร่างขึ้นไปแขวนไว้กับคานด้านบนแล้วภาพก็ตัดไป Jeff ได้สติก็ตอนที่ Gary มาจับตัว ในระหว่างที่ Jeff เล่า Barry Conrad ที่ถือกล้องบันทึกภาพเหตุการณ์ก็เป็นลมหมดสติสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายมากครับ ในช่วงที่กำลังวุ่นวาย Jackie เดินไปดูลูกสาวก็เห็นว่าหน้าผากมีรอยแดง ถึงตรงนี้มันเริ่มยุ่งกับเด็กแล้ว Jackie ร้องไห้สาปแช่งผีสารพัด ตอนนั้นเองมีเสียงทุบจากห้องใต้หลังคา Jackie อุ้มลูกวิ่งหนีก่อนที่ทีม MM จะวิ่งตามไปโดยมีเสียงทุบไล่ตามหลังมาติดๆ ตอนออกมนอกตัวบ้านมีเสียงทุบดังมากราวกับปีศาจมันกำลังคลั่ง

20.Jackie ย้ายขึ้นเหนือไปอยู่บ้านเช่าใน Weldon ห่างจาก San pedro ไป 300 ไมล์ บ้านใหม่มีลักษณะเป็นบ้านเทรลเลอร์เล็กๆเล็กกว่าบ้านเก่าสะอีก ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติ Jackie ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสักที แต่ก็สงบได้ไม่กี่เดือน บ้านใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ผีก็มีลูกเล่นใหม่เช่นกัน

21.หลังสงบไม่กี่เดือน ตอนนี้ข้ามมาต้นปี 1990 แล้วนะครับ คืนนึง Jackie ได้ยินเสียงกรงเล็บตะกุยผนังอยู่ในห้องเก็บของ Jackie คิดว่าเป็นสัตว์ท้องถิ่นติดอยู่ในห้องเก็บของจึงหยิบไฟฉายเดินออกไปดู ตอนยืนอยู่หน้าประตูเสียงตะกุยก็ยังมีอยู่เมื่อเปิดประตูทุกอย่างเงียบกริ๊บไม่มีอะไรอยู่ในนั้น แล้วความรู้สึกเหมือนตอนอยู่บ้านผีสิงหลังเก่าก็มาเลยครับ ตอนกลางคืนมีเสียงกรงเล็บข่วนผนังบ้าน

22.ผนังบ้านมีรอยขีดด้วยสีแดงหลายจุด นานวันเข้าจากรอยขีดสีแดงธรรมดามันเริ่มเขียนเป็นชื่อของ Jackie อันนี้เกิดขึ้นบ่อยเกิดขึ้นหลายจุดทั้งผนังบ้านและบนเพดาน Jackie แก้ปัญหาด้วยการทาสีทับ มีตรงไหนก็ทาสีทับตรงนั้น ตรงส่วนนี้สงสาร Jackie มาก ลำพังใช้ชีวิตยังแทบเอาตัวไม่รอดยังต้องมาเจอเรื่องบ้)ๆแบบนี้อีก

23.Jackie ได้ยินเสียงเคาะออกมาจากห้องเก็บของเหมือนมีคนติดอยู่ในนั้นเคาะแรงมากแทบจะพังประตู แต่เมื่อเปิดประตูไม่เจอใคร อันนี้เกิดขึ้น 2-3 ครั้ง ครั้งที่ 2-3 Jackie ไม่เปิดแล้วครับ

24.อยู่บ้านเก่าใน San pedro เจอเฉพาะคนที่เข้าไปในบ้านหลังนั้น แต่คราวนี้นอกจากตาม Jackie แล้วมันอาละวาดหนักกว่าเดิมเพราะเพื่อนบ้านก็เจอด้วย เขาอยู่ของเขามาหลายปีไม่เจออะไร ตั้งแต่ Jackie มาอยู่ก็เริ่มเจออะไรแปลกๆ หนักสุดเลยก็คือคู่สามีภรรยาเพื่อนบ้านของ Jackie ยก TV เก่าเข้าบ้าน ตอนที่เขากำลังยกยังพี่ไม่ถึงตัวบ้านเลยด้วยซ้ำ TV ปรากฎภาพใบหน้าชายแก่ มีผิวสีเทาสภาพเหมือนศwแ ดวงตาแดงราวกับไฟปรากฎขึ้นจอ TV 3-4 วินาทีก่อนหายไป ดวงตามันน่ากลัวมากอย่างกับหลุดมาจากนรก

25.เจอหนักสุด Jackie จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนนึงชื่อ Tina วันนึงในระหว่างที่ Jackie นั่งคุบกับ Tina เห็นเงาสีดำที่มีรูปร่างเหมือนคนตัวใหญ่ทะลุผนังเข้ามา เงาสีดำเคลื่อนผ่านหน้าแล้วทะลุเข้าไปในห้องซึ่งเป็นห้องนอนลูกสาวคนเล็กของ Jackie ก่อนลูกสาว Jackie จะร้องไห้เสียงดัง ตอนนั้น Tina กลัวมากแต่เธอเป็นห่วงเด็กมากกว่า เมื่อวิ่งไปดูถึงกับช็อค! เพราะใบหน้าลูกสาวของ Jackie มีรอยข่วนและบนเตียงข้างๆตัวมีรอยไหมประหลาดที่ดูเหมือนใบหน้าของปีศาจ(มีรูป) Jackie บอกว่าตอนที่เห็นลูกสาวจากความกลัวก็กลายเป็นความโกรธแค้น เหตุการณ์นี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายต้องหาคนช่วยแต่ไม่รู้จะไปติดต่อใคร ก็เลยติดต่อ Barry Conrad ทีมงานรายการ MM

26.ตัดภาพมาที่ทีมงานรายการ MM หลังคืนหลอนใน San pedro พวกเขาก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเคสนี้อีกเลยทุกอย่างก็กลับมาสงบอยู่หลายเดือน แล้ววันนึง Jackie โทรมาเล่าว่ามันมาอีกแล้วแถมอาละวาดหนักกว่าเดิม ขอร้องล่ะช่วยเราด้วย คุณคิดว่าทีมงานรายการ MM ทำหน้ายังไง คงประมาณ “อีกแล้วเหรอวะ พวกมึ-จะอะไรกับแม่ลูกบ้านนี้นักหนาตามราวีไม่เลิกจริงๆ” ทีแรกทุกคนไม่อยากไปไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเคสนี้อีกแล้ว แต่เมื่อตั้งสติพิจารณาดีๆก็สงสาร Jackie ที่เผชิญเรื่องนี้ตามลำพัง แล้วคราวนี้มันเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวใช้ความรุนแรงถึงขั้นทำร้ายเด็กแบบนี้มันเกินไปแล้ว Jeff Wheatcraft ทีมงานที่โดนหนักอยู่คนเดียวยังหวาดกลัวกับสิ่งนั้น แต่ในความกลัวก็ยังมีความสงสัยคาใจอยากทำต่อให้จบ คราวนี้ขนทีมงานไปกันทั้งสตูรวมถึงเด็กฝึกงานทั้งหญิงทั้งชายไปกันทั้งหมด

27.ทีม MM เดินทางไปที่บ้านใหม่ของ Jackie ใน Weldon แค่เดินเข้าไปในบ้านความรู้สึกอึดอัดและรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลาเหมือนที่บ้านหลังเก่ามาทันทีครับ ตอนนั้นเข้าฤดูหนาวข้างนอกอากาศหนาวพอสมควร แต่ในบ้านอากาศหนาวมากๆหนาวกว่าข้างนอกสะอีก หลังฟัง Jackie เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ทีมงาน MM ก็ตั้งกล้องบันทึกภาพทุกจุดที่เขาคิดว่าจะเจอแต่กล้องรวนติดๆดับๆรวมถึงกล้องเคลื่อนเองก็เลยเก็บของไปรวมตัวคุยกันในบ้าน ตรงส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เหตุการณ์คืนหลอนใน San pedro ทำให้เขาจำกัดขอบเขตไม่กล้าเล่นหรือท้าทายไปมากกว่านั้น c

28.ในระหว่างที่ทุกคนนั่งรวมตัวคุยกันในบ้านก็มีคนเสนอไอเดียในเมื่อใช้เทคโนโลยีไม่ได้ก็น่าลองกลับไปใช้วิธีแบบโบราณนั่นก็คือเล่นกระดาน Ouija หรือ ผีถ้วยแก้ว สื่อสารกันดีๆดีกว่ารอให้มันแสดงอะไรไปมากกว่านี้ ต่อไปนี้กระดาน Ouija ผมจะใช้คำว่าผีถ้วยแก้วนะครับเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำได้ขนาดนั้นการขยับแก้วก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมัน วิญญานตนนั้นบอกว่าเขา “เป็นชาวประมงที่เสียชีวิตเพราะถูกเพื่อนสนิทฆาoกsรมที่ท่าเรือ San pedro เขาเป็นวิญญานวนเวียนมากว่า 60 ปีแล้ว” ถึงตรงนี้ทุกคนก็สงสัย ท่าเรืออยู่ห่างจากบ้านหลังนั้นพอสมควรมีบ้านคนรวยสวยๆตั้งเยอะทำไมไปอยู่บ้านเล็กเก่าๆแบบนั้น?

Q :ทำไมคุณไปอยู่บ้านหลังนั้น?

ผีตอบ “ก็คนที่ฆ่าฉันมันเคยอยู่ที่นั่นไง”

#คุณจำที่ผมบอกว่าผีตนนี้จ้องจะเล่นงานแต่ทีมงานที่ชื่อ Jeff ได้ใช่มั้ยครับ Jeff ถาม

Q : ทำไมคุณถึงเกลียดผมนัก

ผีตอบ “ก็แกหน้าเหมือนคนที่ฆ่)ฉันไง”

Jeff ถึงกับเหวอเผลอยกนิ้วออกแต่อยู่ดีๆ Jeff ก็โดนพลังงานบางอย่างยกร่างแล้วลอยไปชนกับผนังด้านหลัง

Barry Conrad กับ Jeff Wheatcraft บอกว่าการเล่นผีถ้วยแก้วครั้งนี้มันเป็นอะไรที่สุดมาก ปกติการสื่อสารผ่านกระดานจะตอบแค่ประโยคสั้นๆถามคำตอบคำใช้คำสั้นๆง่ายๆ แต่เคสนี้กระดานสื่อสารใช้ประโยคสวยงามสมบูรณ์แบบมากๆ

29.Barry Conrad เอาข้อมูลที่ได้จากการสื่อสารกับวิญญานผ่านกระดาน Ouija ไปที่สำนักพิมพ์ท้องถิ่นในเมือง San pedro เพื่อหาข่าวเก่าๆที่เคยตีพิมพ์แล้วก็เจอข่าวจริงๆ วันที่ 25 มีนาคม 1930. พบศพกะลาสีเรือที่ชื่อ Herman Hendrickson ที่ท่าเรือ San pedro เบื้องต้นจนท.สันนิษฐานว่าถูกฆาตกรรม ตามต่อจนได้ไปเจอใบมรณะบัตรของนาย Herman Hendrickson (มีรูป) แต่ด้วยเทคโนโลยีการสืบสวนในสมัยนั้นขาดหลักฐานคดีนี้ก็เลยจับคนร้ายไม่ได้ครับ ตรงนี้แหละครับมีประเด็น ตามหลักฐานนาย Herman ชาวประมงที่ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตตอนอายุ 38 ปี แล้วทำไม Jackie ถึงเจอวิญญานชายแก่? หรืออันที่จริงแล้วบ้านหลังนั้นมีผี 2 ตัว แล้วชายแก่เป็นใคร? ตรงนี้มีเฉลย

30.ยังจำเชือกที่รัดคอ Jeff Wheatcraft ได้ใช่มั้ยครับที่ว่าเชือกผูกด้วยเงื่อนแปลกๆเหมือนใช้ในสาขาอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ทางทีม MM เอาเชือกเส้นนั้นไปถามชาวประมงรุ่นเก๋าที่เกษียณแล้วโดยไม่เล่าไม่ให้ข้อมูลใดๆถามแค่รู้จักเงื่อนนี้ไหม คุณตาชาวประมงรุ่นเก๋าบอกว่าเงื่อนนี้เป็นเงื่อนที่ชาวประมงทุกคนรู้จักดีใช้ในอาชีพประมง เขาใช้กันมาเป็น 100 ปีแล้ว และคุณตาผูกเงื่อนที่ว่าให้ดูด้วยครับ

31.Jackie ย้ายบ้านอีกครั้งคราวนี้กลับไปอยู่ที่ San pedro เหมือนเดิมแต่จะอยู่อพาร์ทเม้นท์ แน่นอนว่ามันยังตามไปอีกตามราวีไม่เลิกจริงๆ แต่คราวนี้ไม่มาในรูปแบบน่ากลัวแล้วครับมาเป็นดวงไฟ Jackie เจอลูกไฟเรื่อยๆเจอทุกวันช่วงเวลาประมาณ 6-7 โมงเช้าแล้วจะเจออีกทีช่วงพลบค่ำมาแบบเดิมเวลาเดิม ถึงขนาด Jackie ถือกล้องรอถ่ายเลยแล้วก็ถ่ายภาพดวงไฟนั้นได้จริงๆ(มีรูป)เจอจนชินเจอจนไม่กลัว เป็นช่วงเดียวกับที่ชีวิต Jackie เริ่มดีขึ้นปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย ถึงตอนนี้ Jackie โตขึ้นเข้มแข็งมากขึ้นและเริ่มโต้กลับไม่ยอมเป็นฝ่ายรับอีกต่อไป มันโผล่มาก็ด่าไม่ให้ผุดได้เกิดแล้วได้ผลครับ ปรากฎการณ์ต่างๆก็ค่อยๆเบาบางจนไม่มีผลกับชีวิต

32.Jackie อ้างว่าวันนึง Jackie เดินผ่านบ้านเก่าที่ San pedro เห็นดวงไฟลอยออกมาจากบ้านหลังนั้น Jackie เองก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงเดินตามดวงไฟนั้นไปและดวงไฟดวงนั้นพา Jackie ไปที่สุสานใกล้ๆ ดวงไฟวนรอบหลุมศพหลุมนึงก่อนจะจางหายไป หลุมศพหลุมนั้นเป็นหลุมศพของ John Damon ครับ เมื่อไปหาข้อมูลพบว่านาย John Damon เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นครับ วิญญานชายแก่ในเรื่องนี้ก็คือเจ้าของบ้านหลังนั้นที่ชื่อ John Damon ว่ากันว่าแกหวงบ้านหลังนั้นมากๆครับ มีรูปหลุมศพ John Damon

33.เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ Jackie กลายเป็นคนเคร่งศาสนา Jackie กลัวความตายมาก “ฉันรับรู้ได้ว่าวิญญาน 2 ดวงที่เจอ พวกมันมาจากนรก รับรู้ได้ว่าพวกมันทนทุกข์ทรมารอยู่ตลอดเวลา เรื่อง San pedro มันคือฝันร้ายแต่ก็ทำให้ฉันโตขึ้นเข้มแข็งมากขึ้น ฉันคิดว่าฉันโชคดีที่เป็นไม่กี่คนในโลกที่มีประสบการณ์โดนผีหลอกโหดๆขนาดนี้” จบ! Jackie Hernandez Case

34.แต่เรื่องราวบ้านผีสิงยังไม่จบ หลังจากนั้นใครเข้าอยู่ที่บ้านนั้นก็อยู่ไม่ได้ ที่พอจะหาข้อมูลได้ 15 ปีหลัง Jackie ย้ายออกก็มีครอบครัวนึงเข้าอยู่ เขาได้ยินเสียงคนบ่นพึมพำดังมาจากห้องใต้หลังคา ได้ยินเสียงคนเดินในห้องใต้หลังคา รุนแรงสุดได้ยินเสียงปึ้ง ปั้ง ปึ้ง ปั้ง ดังจากในครัว เมื่อไปดูปรากฎว่าจานทุกใบแตกกระจายเต็มพื้นภาชนะทั้งหมดกองอยู่กลางห้องครัวแล้วเขาก็ย้ายออกหลังอยู่ได้แค่ไม่นาน