ความเป็นมาของก๋วยเตี๋ยวเรือ และเพราะเหตุใดชามถึงเล็ก
วันนี้จะขอพูดถึงอาหารชนิดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนปลายอย่างก๋วยเตี๋ยวเรือกันครับ เชื่อว่าทุกคนคงเคยลิ้มรสกันมาแล้ว แต่ละครั้งนั้นชามเดียวไม่เคยพอ พร้อมทั้งตอบคำถามด้วยว่าทำไมชามก๋วยเตี๋ยวของก๋วยเตี๋ยวเรือจึงมักจะเล้กว่าก๋วยเตี๋ยวธรรมดาทั่วไป โดยก๋วยเตี๋ยวเรือนั้นมีเครื่องปรุงที่ต่างจากก๋วยเตี๋ยวชนิดอื่นๆ คือมีทั้ง ซีอิ๊วดำ เต้าหู้ยี้ เป็นต้น อีกทั้งยังมี น้ำตก คือ เลือดวัวหรือหมูผสมกับเกลือ สำหรับปรุงใส่ในน้ำก๋วยเตี๋ยวอีกด้วย โดยมีให้กินทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู
ถ้ากินกับกากหมูหรือแคบหมูจะฟินมากๆ รวมทั้งใบกระเพรา หรือ โหระพาเพื่อดับกลิ่นคาว สาเหตุที่เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือนั้น ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสัญจรนั่นเอง ก็อย่างที่บอกไปว่าก๋วยเตี๋ยวชนิดมีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนปลาย ซึ่งในขณะนั้นการสัญจรไปมายังพึ่งพาเรืออยู่มากเพราะการสัญจรทางถนนยังไม่สะดวกสบายเหมือนในทุกวันนี้นั่นเอง
ส่วนสาเหตุที่ชามของก๋วยเตี๋ยวเรือมีขนาดเล็กกว่าก๋วยเตี๋ยวทั่วไปนั้น สืบเนื่องมาจากการที่ร้านมันอยู่ในเรือลำไม่ใหญ่โตนัก โดยคนขายนั้นมีเพียงคนเดียวและแทบไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยตลอดเวลาที่ขายอยู่นั้น จะขยับก็เพียงแค่มือและแขน เมื่อมีคนร้องหรือโบกมือเรียก คนขายที่พายเรือมานั้นก็หันหัวเรือเข้าเทียบท่าน้ำของคนเรียก หลังจากการสั่งของคนเรียกแล้ว คนขายก็เริ่มต้นทำก๋วยเคี๋ยวให้โดยเริ่มจากการลวกก่วยเตี๋ยวเป็นอย่างแรก หลังจากนั้นก็เป็นเครื่องที่จะใส่ลงไปในชาม
สุดท้ายคือใส่น้ำซุป ประเด็นอยู่ตอนท้ายนี่แหละ เพราะถ้าใช้ชามใหญ่ก็ต้องใส่น้ำซุปมากด้วยซึ่งน้ำซุปมันร้อน เวลาส่งใส่คนซื้อก็อาจมีการกระฉอกโดนมือทั้งคนซื้อและคนขายได้ แต่ถ้าใช้ชามเล็กโอกาสที่จะเกิดเหตุแบบนั้นก็น้อยลงหรืออาจไม่เกิดก็ได้ นั่นแหละคือที่มาของขนาดชามของก๋วยเตี๋ยวเรือนั่นเอง