"โรคกลาก" และ "โรคเกลื้อน" เราดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้น
"โรคกลาก” และ "โรคเกลื้อน" เป็นโรคที่เกิดกับ "ผิวหนัง" เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งยังเกิดได้เรื่อย ๆ โรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไร รักษาอย่างไร และจะป้องกันอย่างไรถึงจะไม่เป็น หรือไม่เป็นซ้ำ นับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราควรจะศึกษาไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ ทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง โรคที่เกิดจากผิวหนังมีหลายโรค บางโรคมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก อาจจะเข้าใจผิดได้ ทำให้ใช้ยาในการรักษาผิดวิธี ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือ จะต้องไปพบแพทย์โรคผิวหนัง อย่าวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง !
"โรคกลาก" กับ "โรคเกลื้อน" เป็นโรคคนละชนิดกัน แต่เพราะมีอาการใกล้เคียงกัน เราก็เลยเรียกรวม ๆ กันว่า "โรคกลาก เกลื้อน" เรามาดูกันดีกว่าว่าทั้ง 2 เป็นโรคที่มาจากเชื้อราเหมือนกัน เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยเหมือนกัน สามารถเป็นซ้ำได้เหมือนกัน มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไร
"โรคกลาก" เป็นโรคที่พบได้ทุกส่วนของร่างกาย ลักษณะของโรคจะเป็นผื่นวงแหวนสีแดง มีขุยที่ขอบของผื่น ถ้าเป็นที่หนังศีรษะผื่นจะเป็นวงกลม มีขุยขาว ๆ วงกว้างของผื่น มีทั้งใหญ่และเล็ก จะมีอาการคัน
"โรคเกลื้อน" จะขึ้นตามต่อมไขมัน ใบหน้า หน้าอก แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา และรูขุมขน บริเวณไหนที่เหงื่อออกง่ายจะเป็นได้ง่าย ลักษณะของโรคจะเป็นผื่นวงกลม หรือวงรีเล็ก ๆ หลาย ๆ อัน สังเกตที่ขอบขุยจะเห็นว่าเป็นขอบขุยที่ละเอียด มีทั้งผื่นสีขาว สีนำตาล สีชมพูออกแดง ๆ มีขอบเขตชัดเจน ขยายวงกว้างได้ จะมีอาการคัน ซึ่งรอยแดง ๆ จะมีให้เห็นอีกประมาณ 1 เดือน หลังจากที่อาการดีขึ้นแล้ว
"โรคกลาก เกลื้อน" เป็นโรคที่เกิดขึ้นง่าย ในประเทศที่มีอากาศร้อน สังเกตอาการได้ไม่ยาก
- ถ้ามีอาการคันในขณะที่อากาศร้อน ๆ มีโอกาสเป็นโรคนี้ เพราะขณะที่อากาศร้อน เหงื่อออก ผิวหนังจะมีความอับชื้นเพราะหมักหมม
- หลังจากอาบน้ำเช็ดตัวไม่แห้งแล้วใส่เสื้อผ้าเลย ก็ทำให้ผิวหนังมีอาการอับชื้นเช่นกัน
- การนำเสื้อผ้าเก่ามาใส่ซ้ำ ๆ เพราะเสื้อผ้าเหล่านั้นมีเหงื่อมีความอับชื้นจากที่ใส่มาแล้ว อาการที่เกิดขึ้นก่อนเลยก็คือคันตามร่างกาย ในร่มผ้า
สิ่งที่จะต้องปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เป็น "โรคกลาก เกลื้อน"
- ต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
- หลังอาบน้ำก็ต้องเช็ดตัวให้แห้ง
- ไม่นำเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมาใส่ซ้ำ
- ไม่ใส่เสื้อผ้าที่อับชื้นนานเกินไป
- เลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง ๆ ช่วงที่อากาศร้อน
- รักษาความสะอาดของเครื่องนอน ด้วยการหมั่นนำมาตากแดด หรือซักผ้าปูที่นอน กับปลอกหมอนบ่อย ๆ
ฯลฯ
ถ้ามีอาการในลักษณะที่กล่าวเบื้องต้น ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องตรงกับโรคที่เป็น ไม่ควรซื้อยามากินเอง เพราะไม่แน่ว่ายาที่กินจะตรงกับโรคไหม อาจจะเกิดอันตรายได้ และเมื่อได้ยากิน หรือยาทามา ก็ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะอาการจะดีขึ้น เพราะโรคนี้ต้องใช้เวลาในการรักษา
"กลาก" และ "เกลื้อน" เป็นโรคที่ผู้คนจำนวนมากเป็นกัน ผู้เขียนเองก็เคยเป็น เพราะบางครั้งไม่ระวังในเรื่องความสะอาดของเครื่องนอน บางครั้งไปตากฝนมาเห็นว่าเสื้อผ้าแค่เปียกหมาด ๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยน ใส่หมกอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนเป็นโรคนี้ขึ้นมา ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็เป็นโรคที่น่ารำคาญ และถ้าเป็นบริเวณนอกร่มผ้า ใครมาเห็นเข้าก็น่าอายไม่น้อยเลย ที่สำคัญ ยาที่ใช้รักษาโรคผิวหนังค่อนข้างแพง เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักดูแลความสะอาดของตัวเอง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เป็นโรคนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก