10 ประเทศ ที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในโลก

        อันดับที่ 10  มอลต้า ประเทศมอลต้า หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐมอนตา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และชายฝั่งของแอฟริกา เป็นเกาะสวรรค์ที่มีน้ำใสมากๆ อยู่ท่ามกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเกาะหลักด้วยกันทั้งหมดอยู่ 3 เกาะคือ เกาะมอนตา เกาะโกโซ และเกาะโครมินโน ซึ่งพื้นที่รวมทั้งหมดในอาณาเขตของประเทศมอนตาจะมีด้วยกันทั้งหมด 316 ตารางกิโลเมตรและมีประชากรมากกว่า 450,000 คน มีเมืองหลวงที่ชื่อว่าวันเล็ตตาซึ่งส่วนมากจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่นะครับมอนต้า ถือเป็นประเทศยอดนิยมที่ผู้คนจากทั่วสารทิศจะบินมาท่องเที่ยวกันในช่วงฤดูร้อน เพราะมันเป็นช่วงที่ 4 ของน้ำทะเลเป็นสีฟ้าที่สวยงามและยังมีสถานที่เชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เพราะมอนต้าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งหนึ่ง ในยุโรปมีผู้มาครอบครองและถูกแย่งชิงนับครั้งไม่ถ้วนใน อดีตนั้นจึงทําให้ที่นี่มีสถาปัตยกรรมนานาชาติทั้งกรีกโรมันอาหรับฝรั่งเศสและอังกฤษเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด และนอกจากนั้นในยามค่ำคืนก็ยังมีกิจกรรมแฮงค์เอ้าท์ในยามราตรีสุดมัน ช่างเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าไปเที่ยวจริงๆเลย

        อันดับที่ 9 

หมู่เกาะมัลดีฟส์ เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียห่างจากประเทศศรีลังกาประมาณ 700 กิโลเมตร เกิดขึ้นมาจากการทับถมของหินปะการังซึ่งลักษณะทางภูมิศาสตร์จะเป็นเกาะเล็กๆกระจัดกระจายอยู่ประมาณ 1192 เกาะซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ทั้งหมดเพียงแค่ 250 เกาะเท่านั้น โดยหมู่เกาะเล็กๆจะมีการจับกุมกันเป็นลูกวงแหวนที่เรียกกันว่าอ่ะตอนซึ่งมีทั้งหมดอยู่ 26 อ่ะตอน ประเทศมัลดีฟส์เป็นประเทศที่นับได้ว่ามีขนาดเล็กที่สุดในทวีปเอเชียทั้งในแง่ของจํานวนประชากรและขนาดพื้นที่และยังถือเป็นประเทศที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่เตี้ยที่สุดในโลกอีกด้วยเพราะจุดที่สูงที่สุดอยู่เพียงแค่ 2.3 เมตร จากระดับน้ำทะเลเท่านั้น เมืองหลวงของมัลดีฟส์มีชื่อว่ามาเลย์ เป็นศูนย์รวมสถานที่ราชการการค้าขาย และสถานที่สําคัญของประเทศส่วนพื้นที่ทั้งหมดของประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินมีขนาดเพียงแค่ 298 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น

        อันดับที่ 8  เซนต์คริสและเนวิส หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐเซ้นส์คริสโตเฟอร์และเนวิส เป็นประเทศเล็กๆที่เป็นก็และตั้งอยู่ในหมู่เกาะลี่เวิร์ด ในทะเลแคริบเบียน และยังเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในซีกโลกตะวันตก โดยมีพื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร และมีจํานวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 50,000 คนเท่านั้น อีกทั้งที่นี่ยังเป็นดินแดนแห่งแรกในแถบแคริบเบียนที่มีชาวยุโรปไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ และยังได้ฉายาว่าเป็นมาตุภูมิแห่งอาณานิคมเวสต์อินดี โดยรายได้หลักของเกาะแห่งนี้ ก็คือการส่งออกน้ำตาลและปัจจุบันก็ได้กลายเป็นสวรรค์ของเหล่านักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทําการสร้างโรงแรมที่หรูหราอยู่บนเกาะแห่งนี้เต็มไปหมด จึงทําให้ประเทศนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวและถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีเหล่ายูทูปเบอร์ต่างออกมาบอกกันว่าเซ็นส์คริสและเนวิซ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสวยงามมากๆแห่งหนึ่ง

        อันดับที่ 7 ลิกเตนสไตน์ เป็นประเทศขนาดเล็กที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ระหว่างประเทศออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรอยู่ประมาณ 37,000 คนและมีพื้นที่รวมอยู่ประมาณ 160 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ถึงแม้ว่าประเทศนี้จะมีขนาดที่เล็ก แต่คุณเชื่อหรือไหม ว่าประเทศลิสต์เต้นสไตล์เป็นประเทศที่ร่ำรวยและมีผลิตภัณฑ์หรือรายได้รวมของประชากรสูงเป็นอันดับสองของโลกเชียว คงมีคนอยากรู้แน่ว่าเขามีรายได้กันเท่าไหร่        จากสถิติมีการระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 5.8 ล้านบาทต่อปี

        อันดับที่ 6 ซานมาริโน่ ซามาริโน่เป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอร์เพนในจึงไม่มีทางออกสู่ทะเล มีขนาดพื้นที่อยู่ประมาณ 61 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าเขตมีนบุรีในกรุงเทพฯ โดยประเทศแห่งนี้มีการก่อตั้งขึ้นในปีคริสศักราช 300 หนึ่ง โดยช่างตัดหินชาวคิดที่มีนามว่ามาลีนุชที่ได้ลี้ภัยทางศาสนามากลุ่มชาวคิดในสมัยนั้น นอกจากสถานที่ของประเทศแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงแล้ว ที่นี่ก็ยังมีโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่อย่างเช่น ป้อมปราการกูไอตา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโรมันที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมากรวมไปถึงวิวทิวทัศน์และสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป จนทําให้ประเทศเล็กๆแห่งนี้มีความเพอร์เฟคแบบสุดๆ นอกจากนั้นเมืองหลวงของที่นี่ยังใช้ชื่อเดียวกับประเทศด้วยนั่นก็คือซานมาริโน และที่นี่ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วยนะครับโดยประเทศแห่งนี้จะมีประชากรอยู่ราว 33,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและใช้ภาษาอิตาลีเป็นภาษาราชการ รายได้หลักของประเทศนี้ก็มาจากการที่นักท่องเที่ยวที่หมุนเวียนกันเข้ามาชมความสวยงามของประเทศนี้ โดยมีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านคนต่อปี

        อันดับที่ 5 ตูลาลู ประเทศตัวลูเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้มีพื้นที่เพียงแค่ 26 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ลักษณะประเทศจะเป็นหมู่เกาะที่เกิดขึ้นจากหินปะการัง และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น มีคํากล่าวอ้างว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศตูลาลูนั้นจะหายไปจากแผนที่โลกอย่างแน่นอน เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นนั่นเอง และหากน้ำทะเลไม่ได้สูงขึ้นแต่สภาวะการเพิ่มขึ้นของประชากรและการกัดเซาะชายฝั่งก็ยังทําให้ตูลาลู เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อภัยต่างๆอยู่ดี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตูลาลูเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกันที่เข้ามาสร้างฐานทัพแล้วก็สนามบินซึ่งคุณสามารถเห็นซากปรักหักพัง ในปัจจุบันของสิ่งเหล่านี้ได้บนเกาะต่างๆของตูลาลูทุกวันนี้ตูลาลู มีรายได้หลักจากการให้เช่าโดเมนดอททีวี ซึ่งเป็นโดเมนระดับท็อปของโลก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่าโดเมนดอททีวี มันย่อมาจากคําว่าเทเลวิชั่น และยังมีรายได้จากสัมปทานการประมงรวมไปถึงเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศอีกด้วย

        อันดับที่ 4 นาอูรู ประเทศนาอูรู เป็นประเทศที่อยู่บนเกาะตั้งอยู่บนทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีขนาดพื้นที่ประมาณ 21 ตารางกิโลเมตรและได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเอกราชเป็นของตัวเองที่เล็กที่สุดบนโลกใบนี้และเป็นประเทศที่ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ ในอดีตรายได้หลักของประเทศนี้มาจากแร่ฟอร์ดเฟด ที่เกิดมาหลายพันปี จากพี่นกอันนี้น่าเหลือเชื่อ จึงส่งผลให้ประชากรของที่นี่ยินดีอยู่ดี อย่างไรก็ตามแร่ฟอร์ดเฟตที่ดูเหมือนว่าจะเป็นบ่อเงินบ่อทองกับสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนาอูรู เนื่องจากพื้นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ได้มีการสะสมแร่ฟอร์ดเฟตมากจนเกินไปจนแห้งแล้งและไม่สามารถปลูกพืชได้เลย อีกทั้งยังมีการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ของประเทศรวมไปถึงการขาดคุณสมบัติในการปกครองและบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ทําให้เศรษฐกิจของนาอูรูแย่ลงอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาก็ยังไม่จบอยู่แค่นั้นเพราะจากสภาวะการกินอยู่ที่เคยอุดมสมบูรณ์มากก่อให้เกิดสภาวะโรคอ้วนกับประชากรในประเทศนี้ พูดได้ว่าประชากร 9 ใน 10 คนจะมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จึงทําให้นาอูรูกลายเป็นประเทศที่มีประชากรที่เป็นโรคเบาหวานในอัตราที่สูงมากประเทศหนึ่งบนโลกนี้เลยทีเดียว จึงทําให้รัฐบาลนาอูรูตัดสินใจที่จะเก็บภาษีและออกพาสปอร์ตให้กับชาวต่างชาติแลกกับเงินตราที่จะมาหมุนเวียนภายในประเทศ แต่การแก้ปัญหานี้กลับลากตัวปัญหาเข้ามาด้วย เช่น พวกอาชญากรข้ามชาติที่เข้ามาในประเทศเพื่อทําการฟอกเงินที่พวกเค้าทุจริตมานั่นเอง และด้วยเหตุนี้จึงทําให้นาอูรูต้องประสบปัญหาใหญ่หลวงคือธนาคารระดับโลกหลายแห่งไม่ยินดีที่จะรับเงินที่ประเทศนาอูรู เนื่องจากเงินเหล่านั้นอาจจะสร้างปัญหาแก้ธนาคารที่รับฝากไว้

        อันดับที่ 3 โมนาโก โมนาโกหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโมนาโก ตั้งอยู่ในบริเวณยุโรปตะวันตกอยู่ห่างจากตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีพื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเล็กกว่ากรุงเทพฯถึงพันเท่า และยังมีประชากรเพียงแค่ 30,000 คนเท่านั้น แต่ทีนี้ก็ได้ขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหราไฮโซ เพราะมีอภิมหาเศรษฐีของแต่ละประเทศที่ย้ายเข้ามาใช้ชีวิตหรือเปิดบริษัทอยู่ที่นี่ เพราะประเทศแห่งนี้ไม่มีการจัดเก็บภาษีรายได้และภาษีมรดกได้ทั้งสิ้นซึ่งรัฐบาลได้ผูกขาดธุรกิจคาสิโนและสินค้าหลายอย่างเอาไว้หรือจะพูดง่ายๆก็คือว่าประชากรทั้งหมดของประเทศนี้ส่วนมากเป็นคนรวยนั่นเอง และจากการดูแลจัดการในประเทศที่ดีมากๆของรัฐบาลมีความสะอาดความปลอดภัยถนนหนทาง ก็ยังดีมากอีกด้วย  นอกจากนั้นประเทศแห่งนี้ยังมีความปลอดภัยสูงแบบสุดสุด ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีคาสิโนสุดหรูหราอลังการและเก่าแก่ที่สุดอยู่ในประเทศแห่งนี้ แต่ด้วยความที่ประเทศมีขนาดเล็กจึงทําให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลทั่วถึงและยังมีกล้องซีซีทีวีอยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวที่อยากจะไปเที่ยวเมืองนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายกับพวกเขาเลย

        อันดับที่ 2  นครรัฐวาติกัน นครรัฐวาติกันเป็นประเทศศูนย์กลางของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมประเทศอิตาลีมีเนื้อที่เพียงแค่ 0.44 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น และยังมีประชากรอยู่ประมาณ 800 ถึง 1000 คนซึ่งล้วนแต่เป็นบาทหลวงนักบวชและเจ้าหน้าที่นับถือนิกายคาทอลิกล้วนๆ ถึงแม้ว่าประเทศนี้จะเป็นประเทศที่เล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย และยังทรงอิทธิพลเป็นอย่างมากในโลกของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก เพราะเป็นที่พํานักของพระสันตะปาปาประมุขสูงสุดของศาสนาคริสต์นิกายนี้ ความสุดยอดไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะที่นครรัฐวาติกัน ยังมีความสุดยอดในเรื่องของเทคโนโลยีด้วยเพราะที่นี่มีชื่อโค้ชโดเมนเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั่นก็คือ ดอทวีเอ ถึง 9 โดเมนเนม เชื่อว่าหลายประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่ากันยังไม่มีเป็นของตัวเอง ประเทศแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนรายได้จากการขายแสตมป์หนังสือ และรายได้จากการท่องเที่ยวจากชาวคาทอลิกทั่วโลก และที่สําคัญอีกอย่างนึงก็คือว่ารัฐแห่งนี้ไม่มีการเรียกเก็บภาษี

        อันดับที่ 1 ซีแลนด์ ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกนั้นเชื่อว่าหลายคนก็คงคิดว่าเป็นนครรัฐวาติกัน ซึ่งมีพื้นที่เพียงแค่ 0.44 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น และมีประชากรไม่เกิน 1000 คนอีกด้วย แต่ที่จริงแล้วประเทศที่เล็กกว่ากันนั่นก็คือราชรัฐซีแลนด์ เพราะที่นี่มีพื้นที่อยู่เพียงแค่ 0.004 ตารางกิโลเมตรและมีประชากรอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ราชรัฐซีแลนด์ ตั้งอยู่ในทะเลเหนือห่างจากชายฝั่งอังกฤษไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตรเดิมทีใช้เป็นป้อมทางทะเลที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้เป็นฐานทัพป้องกันประเทศอังกฤษ ต่อมาในปีคริสตศักราช 1967 พันตรีร้อยเบสและครอบครัวของเขาก็ได้ทําการยึดป้อมแห่งนี้และประกาศสถาปนาให้เป็นประเทศซีแลนด์ ประเทศซีแลนด์ได้รับการยอมรับจากบางประเทศเท่านั้น แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากสหราชอาณาจักรหรือนานาชาติส่วนใหญ่ รัฐบาลซีแลนด์มีระบบการปกครองแบบราชาธิปไตย โดยมี พันตรีร้อยเบส เป็นประมุขแห่งรัฐพระองค์มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งหมด 3 พระองค์ และมีผู้ช่วยอีกหนึ่งคนเศรษฐกิจของซีแลนด์ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมซีแลนด์ได้โดย จะต้องมีการจองทัวร์ล่วงหน้าไว้ก่อนทัวร์จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงรวมถึงได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของซีแลนด์อีกด้วย นอกจากนี้ซีแลนด์ยังให้บริการด้านต่างๆเช่นการออกใบอนุญาตการประมงทะเบียนเรือการจดทะเบียนบริษัท และบริการธนาคารออนไลน์ โดยบริการเหล่านี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาษีแม้ว่าราชรัฐซีแลนด์จะเล็กที่สุดในบรรดาของประเทศทั้งหมดแต่ก็มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจจึงเป็นจุดหมายปลายทางสําหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่