เงาที่คุ้นเคย#เรื่องเล่าบ้านเต๋า
นี่เป็นการเล่าเรื่องวิญญาณครั้งแรกที่จำติดตาไม่ลืมเพราะเป็นคนคุ้นเคย และรู้จักดี เลยไม่แปลกที่จะมาให้เห็นกันแบบคุ้นเคย แต่เข้าใจถึงความเป็นห่วง และอาจมาลากันครั้งสุดท้าย โดยไม่มีคำพูด แต่เข้าใจด้วยความรู้สึก
ก่่อนเข้าเรื่องขอเล่าย้อนไปก่อนว่าเราอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก พอปิดเทอมแม่ก็มักจะส่งเราไปบ้านยายที่ฉะเชิงเทราและเป็นชีวิตวัยเยาที่มีความสุขมากๆได้เล่นน้ำริมคลองและได้ตกปลา วิ่งเล่น ได้พายเรือไปวัดทุกวันพระกับยายสองคน
ซึ่งที่วัดเป็นทั้งที่วิ่งเล่น และพบปะเพื่อนๆวัยเดียวกันที่ต่างที่มาอยู่กับปู่ย่าตายายในช่วงปิดเทอม
ที่นี่มีกิจกรรมสนุกๆ ปนกิจกรรมบุญที่แฝงมาให้เราได้ซึมซับตั้งแต่เล็กจนโต ถึงเวลาพระสวดเสร็จฉันท์ข้าวเรียบร้อยก็ได้เวลานั่งล้อมวงกินข้าว
กับข้าวคาวหวานมีให้เลือกมากมาย
แต่จะห่วงเล่นกันมากกว่าจนถึงเวลากลับบ้าน จวบจนถึงปัจจุบันพอนึกถึงช่วงเวลานั้นไม่เคยลืมความสุขในวันนั้นที่ได้อยู่กับยาย
เมื่อโตเข้าวัยทำงานชั้นจำได้ดีว่ายายย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพกับน้าสาวพร้อมตา แต่เมื่อตาเสียลงยายก็สันจร อยากไปหาลูกๆ ยายชั้นมีลูกทั้งหมด 7 คน แม่ของชั้นเป็นคนที่ 3 และยายก็เลือกมาอยู่กับครอบครัวเล็กๆของชั้น บ้านชั้นมีกัน สามคน แม่ ชั้นพี่สาวคนโต และน้องชาย
ยายมาอยูได้ประมาณสองปี เกิดอุบัติเหตุล้มทำให่กระดูสะโพกแตก และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในวัย 85 ปี
ชั้นมีหน้าที่ประจำคือนอนเฝ้ายาย และช่วยแม่ในการป้อนข้าวป้อนยาอาบน้ำ ฉีดยาให้ยาย เพราะยายเป็นเบาหวาน เป็นแบบนี้มาได้ 1 ปี
ยายก็เริ่มผอมลงๆและไม่รับอาหารที่ป้อน ภาวะเสื่อมของร่างกายอาการหลงเกิดขึ้น ไม่ยอมกลืนอาหารร่างกายไม่รับรู้ตาลอย จนมาถึงช่วงสุดท้ายที่ยายหมดลมหายใจ
ชั้นจำได้ไม่ลืมวันนั้นตื่นมากลางดึก จับขายายที่นอนบนเตียง ชั้นนอนที่พื้นใต้เตียงยาย ความรู้สึกแรกคือเท้ายายเย็นมากๆ แต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วกับแม่เพราะยายเริ่มไม่กลืนอาหารนอกจากน้ำ และก็เป็นอย่างที่ชั้นคิดคือยายจากพวกเราไปแล้วด้วยอาการหลับเหมือนคนนอนหลับปกติชั้นก็ขึ้นไปบอกแม่และแม่ก็ติดต่อน้องๆพี่ๆเพื่อแจ้งข่าวคุณยายเสีย
ลูกๆทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านชั้น เพื่อมาลาคุณยาย และรับศพไปทำพิธีที่บ้านเกิดจังหวัดฉะเชิงเทรา และทำพิธีทางศาสนาจนถึงวันเผาวันสุดท้ายเก็บกระดูกและไปลอยอังคาร
ลูกๆคุณยายรวมตัวกันทานข้าวก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนั้นครอบครัวเรากลับถึงบ้านประมาณ 4 ทุ่มก็ดูรายการปกติแต่ด้วยความเหนื่อยก็แยกย้ายกันนอน
และชั้นเป็นคนสุดท้ายที่ปิดไฟข้างล่าง และแน่นอนพอไม่มียายเราก็ย้ายกลับไปนอนห้องเดิมโดยอัตโนมัติ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เริ่มจากลิ่นหอมธูปน้ำอบ แต่ก็ไม่ตกใจเท่าไหร่ ทันที่ที่ปิดไฟ ก็มองเห็นเงาบนเพดานบ้านชัดเจนมากแต่ในมือไม่ได้ถือโทรศัพท์และตกใจเล็กๆ เพราะไม่คิดว่าจะชัดเจนขนาดนี้ ขยี้ตาแล้วก็หยิกตัวเอวว่าตาฝาดไหม
แต่ภาพที่เห็นคือความจริง เรายกมือไหว้ยายแล้วพูดกับยายว่าไปดีนะยายจ๋าไม่เจ็บไม่ปวดแล้วนะ แล้วก็ลุกเดินไปเคาะห้องแม่เพื่อบอกแม่ว่ายายมา แม่นึกว่าชั้นล้อเล่นเลยบอกว่ารีบลงมาดู
โชคดีที่ยายยังอยู่ เงายายชัดเจนมากมันคือเงาคนเงาที่คุ้นเคยเงาคุณยายที่จากไปแกคงมาลาบ้านชั้น แม่นั่งข้างล่างสักพัก ชั้นกลัวแม่จะกลัวเลยพูดติดตลงไปว่ามีอะไรคุยกันนะแม่ลูกแล้วก็รีบขึ้นห้องไป
แม่บอกนั่งสักพักเงายายก็ค่อยๆหายไป เป็นเหตุการณ์ที่จำไม่เคยลืม และเชื่อตลอดว่าโลกหลังความตายมีอยู่จริง เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาของเราเท่านั้นเอง ไม่ช้าก็เร็วสุดท้าย ร่างกายก็ไม่ใช่ของๆเราอยู่ดี
แล้วเพื่อนๆละเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย กับเรื่องวิญญาณกันไหม?
ฝากกดติดตามกดไลท์กดแชร์ด้วยนะคร้า