อามันต์(เจ้าแห่งป่า) - มณีจันทร์ผลัดถิ่น
นิยายเรื่อง อามันต์(เจ้าแห่งป่า) นามปากกา...มาศอุไร
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
*ลิงค์สำหรับเข้าโหลดซื้อนิยาย ebook เรื่อง อามันต์(เจ้าแห่งป่า)* - https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjIwNzM3MyI7fQ
*สามารถเข้าอ่านนิยาย อามันต์(เจ้าแห่งป่าฉบับเต็มได้ที่ ธัญวลัย) ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ -
https://www.tunwalai.com/story/469450
*แฟนเพจ: กนกรส* https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/
อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1536044
(ตอน...มณีจันทร์ผลัดถิ่น)
คณะส่องสัตว์ป่าของคนเมืองต่างลงความเห็น ให้หยุดพักขบวนตรงจุดลานกว้างแห่งนี้ โดยรอบคือต้นสน แต่ละต้นต่างมีขนาดสูงตระหง่าน จนต้องแหงนหน้ามอง ส่วนยอดก็สุดลูกหูลูกตา
พวกมันต่างแข่งกันแผ่กิ่งก้านโอบขนาบเข้าหากันเป็นวงล้อม ใบของมันแม้ไม่ใหญ่โตแต่ก็ช่วยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ได้ดี อีกทั้งลานกว้างนี้ ยังง่ายต่อการระแวดระวังภัยจากสัตว์ร้ายทั้งปวง...
มองเลยขึ้นเหนือยอดสุดคือท้องฟ้าสีคราม หัวหน้าคณะกิจกรรมส่องสัตว์กระโดดขึ้นไปยืนบนขอนไม้ มันสูงจากพื้นครึ่งเมตร พร้อมใช้โทรโข่งชนิดใส่ถ่าน ร่ายยาวถึงกิจกรรมสำหรับค่ำคืนนี้ให้ผู้ร่วมขบวนรับทราบ ...
“คืนนี้เราจะเริ่มจากการส่องดวงดาวกันนะครับ...ตรงบริเวณนี้ถือได้ว่า เหมาะอย่างยิ่ง...”
รวมถึงกิจกรรมจิปาถะอีกเล็กน้อย ก่อนสรุปทุกอย่างอีกสองสามประโยค และปิดท้ายด้วยการให้ลูกคณะทั้งหลายแยกย้ายกันไปกางเต็นท์ของตนเองได้...
มาโนช ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว รูปหน้าเรียวยาวไม่ถึงกับหล่อเหลา แต่ก็เป็นชายหนุ่มค่อนข้างน่ามอง ผิวสีเข้มจัดเพราะเขาทำงานเป็นลูกหาบมานานหลายปี คุ้นชินกับเขตป่าแทบนี้พอควร...
ชายหนุ่มจัดการวางข้าวของบนบ่าลงกับพื้นดิน ก่อนรีบยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากทิ้ง กันไม่ให้มันไหลเข้าดวงตา เขาจับคอเสื้อกระพือให้คลายร้อน โดยที่หางตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องมองร่างสตรีผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในคณะส่องสัตว์รอบนี้ก็ว่าได้...
เจ้าหล่อนมีชื่อว่ามณีจันทร์...
เขารู้สึกถูกใจมณีจันทร์ตั้งแต่แรกเห็น วาดหวังจะสานสัมพันธ์กับเจ้าหล่อนให้ได้ กำลังมองหาช่องทางเหมาะสมนั่นอยู่ ถ้าเกิดมีขึ้นมาเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเขาจะไม่ชักช้าพิรี้พิไร แต่จะรีบเข้าไปแนะนำตัวกับเจ้าหล่อนได้รู้จักมักคุ้นกันเอาไว้...
แต่ไม่คิดว่าเวลานั้นมาถึงเร็วขนาดนี้ มาโนชแลเห็นหญิงสาวต้องใจ กำลังยืนหันรีหันขวางอยู่ลำพัง เขายิ้มเต็มวงหน้า เตรียมจะสาวเท้าเข้าไปแนะนำตัว หากแต่ก็น่าเสียดายนัก ดันมีก้างชิ้นโตเข้ามาขวางคอเขาจนได้...
“ห่าเอ่ย!เสือกไม่รู้จักเวล่ำเวลา...”
มาโนชสบถคำหยาบพร้อมชักสีหน้าเสียดาย เขาทำเสียงจิจ๊ะก่อนถอยหลังกลับไปยังกองอุปกรณ์ที่ตนรับผิดชอบต้องแบก จับมันขึ้นมาถือไว้ ก่อนโยนมันส่งๆ โดยไม่ใคร่ใส่ใจระมัดระวัง...
จนได้ยินเสียงทักดังมาจากฝั่งตรงข้าม...
“วางของระวังหน่อยสิพี่โนช...เกิดชำรุดเสียหายขึ้นมา เราจะซวยกันทั้งหมดนี่อีกนะ ฉันไม่อยากถูกหักเงิน...”
“เออๆ...ขอโทษที อากาศมันร้อน พี่เลยหงุดหงิดไปหน่อย”
มาโนชยกมือขึ้นโบกในอากาศ พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมงาน...
เหตุเพราะคดีความเมื่อคราวก่อน เขายังผ่อนจ่ายให้หัวหน้าทีมได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ขืนสร้างคดีใหม่อีกครั้ง มีหวังหนนี้คงถูกหักเงินเดือนจนหมดตูด คุ้มดีคุ้มร้าย จะถูกไล่ออกขึ้นมาคงได้ซวยกันจริงๆ...
กลับมาทางฝั่งก้างชิ้นโต เจ้าหล่อนเดินกระฟัดกระเฟียดมาจากทางท้ายขบวน ไม่พูดพร่ำทำเพลงพอเดินมาถึงตัวเพื่อนสนิทได้ ก็จัดการลากแขนดึงให้เดินตามมาทางด้านริมป่าทันที...
“เดี๋ยวคืนนี้จันทร์นอนกับหวานนะ...หวานไม่อยากนอนคนเดียว”
ภูริตาถลาเข้ามาลากแขนเพื่อนสาวให้เดินตามมายังบริเวณที่ตั้งเต็นท์ ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
ตรงนี้ใกล้กับกล้วยไม้ป่า กลิ่นของมันหอมชื่นใจ เหมาะแก่การทำกิจกรรมเร้าอารมณ์ยามค่ำคืน ตอนมาถึงใหม่ๆ เธออุตส่าห์จับจองไว้โดยตัดหน้าลูกสาวคนใหญ่คนโต หมายมาดเอาไว้ว่าคืนนี้เธอจะร่วมรักกับแฟนหนุ่มท่ามกลางหมู่ดาวนับพันนับหมื่นดวง ชนิดให้ถึงพริกถึงขิงเสียหน่อย ถ้าเขาจะไม่ทำให้เธออารมณ์เสีย ขึ้นมาเสียก่อน...
ครั้นพอนึกถึงแฟนหนุ่ม ใบหน้าสวยของภูริตาก็ยิ่งบูดบึ้ง เจ้าตัวปลดกระเป๋าเป้ด้านหลัง โยนลงพื้นเสียงดังโครม พร้อมกระแทกก้นนั่งลงบนขอนไม้ แสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่คิดปิดบัง คนไม่เคยขัดใจเพื่อนอมยิ้ม ส่ายหน้าระอา...
“ทะเลาะกับหินมาละสิ...” คนรู้ทันเอ่ยแซ่ว
“เปล่าซะหน่อย...” คนส่ายศีรษะจนผมปลิวปฏิเสธ สะบัดเสียงโมโหตอนพูดถึงชายคนรัก
ไม่รู้จะมาหน้าบาง อายดินฟ้าอากาศอะไรนักหนา ทีตอนอยู่ในเมือง เขาเอาแต่เฝ้าปลุกปล้ำเธอตรงระเบียงอพาร์ทเม้นท์ไม่เว้นวาย ส่งเสียงร้องครวญครางน่าอายกว่านี้ด้วยซ้ำ เธอยังไม่เคยปฏิเสธเขาสักหน เขาเริ่ม เธอสนอง อย่างไม่มีใครยอมใคร กะอีแค่เธอเกิดอารมณ์ตอนชวนเขาเดินเลี่ยงไปถ่ายเบาท้ายป่า ขอให้เขาร่วมรักกับเธอตรงนั้น ทว่าเขากลับเอาแต่ส่ายหน้า ผลักเธอให้ออกห่าง บอกเพียงกลัวคนในคณะจะมาเห็นเข้า...
“แค่เบื่อเฉยๆ...ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย...”
“ไม่จริงล่ะมัง...หินขัดใจอะไรหวานล่ะคราวนี้...”
คนรู้ทันถามเสียงหวาน ความที่คบกันมาได้สักระยะ มณีจันทร์เลยเดาจากสีหน้ากับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของภูริตา แสดงออกมาเมื่อสักครู่ได้เป็นอย่างดี
“เราบอกว่าเปล่าก็เปล่าไง...จันทร์อย่าเซ้าซี้นักเลย...เราไม่อยากพูดถึงหิน...”
มณีจันทร์ขมวดคิ้ว ทว่าก็ยอมตามใจเพื่อนด้วยการหันไปสนใจข้าวของของตัวเอง...
“งั้นเดี๋ยวเราขนของเข้าไปเก็บในเต็นท์ก่อนค่อยออกไปเดินเที่ยวรอบๆนี้กันนะ”
คนใจเย็นบอกพร้อมกับขนของใช้ส่วนตัว ทยอยเข้าไปเก็บไว้ภายในเต็นท์ ออกมาอีกทีภูริตาก็หายไปไหนเสียแล้ว เหลือไว้เพียงข้าวของบนพื้นไม่ไกล หญิงสาวผู้มีจิตใจอ่อนนุ่มจึงเป็นฝ่ายจัดการ เก็บข้าวของเหล่านั้นนำมาไว้ภายในเต็นท์อย่างเรียบร้อย...
ภูริตาเดินอารมณ์ไม่สมประดีมาจนถึงชายป่าอีกฟาก แฟนหนุ่มของเธอไม่ยอมมาตามง้องอน ตอนนี้ไม่รู้หายหัวไปอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ...บังเอิญสายตากลมโตตวัดไปเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มเข้าพอดี ...
เอ๊ะ!นั่นใคร มายืนทำลับๆล่อๆ อะไรอยู่ตรงนั้น...
หญิงสาวนึกแปลกใจจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นหลังต้นไม้ใหญ่ รอบพื้นที่ต้นไม้นั้นไม่ถึงกับรกครึ้ม แต่ก็ไม่ได้เตียนเหมือนกับบริเวณลานกว้างแถวจุดพักค้างคืน
เธอไม่เห็นหน้าเขา เดาจากแผ่นหลังก็ไม่ได้ เลยไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงแหบห้าวคำราม สองเท้ากำลังเดิน มีอันหยุดชะงัก ด้วยรู้สึกไม่ชอบมาพากล หากกำลังคิดหันหลังเดินกลับ แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่าย ร่างสูงเพรียวหลังต้นไม้ดันกระโจนออกมายืนจังก้า ส่งเสียงเรียกเธอไว้เสียก่อน...
“คุณครับ...”
ภูริตาเกือบหลุดเสียงกรี๊ด!ด้วยความตกใจ ดีแต่เธอพอจำหน้าผู้ชายตรงหน้าได้ คลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาได้เสียก่อน...
เขาไม่ใช่ผู้ร้าย...
“เอ่อ...นายที่อยู่ในกลุ่มแบกหามของในคณะส่องสัตว์ใช่ไหม” เสียงถามดูลังเล เพราะไม่แน่ใจ
“ครับ...” มาโนชพยักหน้างึกงัก ส่วนด้านล่างเขากำลังรูดซิปกางเกง เก็บไอ้ลูกชายเข้าที่เข้าทาง
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ พอดีผมเดินมาปลดเบา ไม่คิดว่าจะมีคนเดินอยู่แถวนี้ด้วย...”
ชายหนุ่มบอก เขาจำได้ทันที เจ้าหล่อนคนนี้คือแม่ก้างชิ้นโต ดังนั้นมาโนชเลยอดกวาดตามองโดยรอบตัวของสาวเจ้าไม่ได้ หลงคิดว่า มณีจันทร์อาจเดินมากับผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่เขาก็ไม่เห็นเจ้าหล่อน...
มาโนชเลยคอตกแอบนึกเสียดาย...
หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับกดสายตา จับจ้องมองเป้ากางเกงตาเป็นมัน อารมณ์ซ่านสยิวผุดพรายขึ้นเพียงแค่เห็นลำนูนนั้นเด่นเป็นรอย อยู่ภายใต้กางเกงยีนสีซีด แค่นี้เองหัวใจของภูริตาก็เต้นระส่ำ ปวดหนึบกึ่งกลางลำตัว จนต้องขมิบมันเอาไว้ มันไม่เหมาะสม...
ภูริตากลืนน้ำลายอึกใหญ่ สายตาคู่งามตวัดขึ้นมองใบหน้าพอไปวัดไปวาไม่อายใครของหนุ่มแบกของ สองเท้าค่อยๆขยับเคลื่อนไหว เป้าหมายของเธอกำลังเอียงคอ แต่ไม่ได้มองมาทางเธอ เหมือนกับว่าเขากำลังมองหาอะไรสักอย่าง...
มาโนชสะดุ้งโหยงตอนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาว ร่างสูงเพรียวถึงกับเซถอยหลัง นัยน์ตาเบิกโพลง เหตุเพราะลำดุ้นของเขาถูกตะปบเข้าจังเบ้อเร่อโดยไม่ทันตั้งตัว...
“คุณ!...”
“ชูว์...เอาฉันที”
ภูริตาขยับฝ่ามือเล้าโลม ร้องขอโดยลืมอาย ส่งสายตาเว้าวอนสุดกำลัง เธอบีบขยำลำนูนผ่านเนื้อผ้าหยาบ รุนแรงขึ้นตามอารมณ์พลุกพล่าน คนถูกกระทำสีหน้าแดงก่ำ เขาซูดปากเสียวสยิวด้วยความลืมตัว ก่อนรีบคว้าฝ่ามือน้อยนั้นเอาไว้หมับ จิตสำนึกในส่วนดีสะกิดให้เขาปฏิเสธ คงไม่เป็นการดีแน่ถ้าหากเขากับหญิงสาวผู้นี้มีอะไรกันขึ้นมา นั่นอาจทำให้เขากับมณีจันทร์อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต...
“อา...คุณทำแบบนี้ไม่ดีนะครับ” เสียงสั่นพร่า เพราะแก่นกายถูกภูริตาชักมือกลับแล้วกุมเป้าชายหนุ่มใหม่อีกหน
“ดีสิ...ทำไมจะไม่ดีล่ะ...ฉันให้นายทำฟรีๆ นายไม่ชอบของฟรีหรอกเหรอ...” ภูริตาลอยหน้าถาม
ของฟรีเขาก็ชอบอยู่หรอก แต่เจ้าหล่อนดันเป็นของฟรีที่มีเพื่อนเป็นสาวในดวงใจของเขานี่สิ
มาโนชเลยต้องคิดหนัก...
“ว่ายังไงล่ะ...ตกลงหรือเปล่า”
สาวผู้ถูกราคะครอบงำจนไม่สามารถครองสติไว้อยู่ส่งเสียงกระเส่า เธอเอนร่างอวบจงใจบดเบียดทรวงมาลย์เข้าหาอกหนั่นแน่น วางมืออีกข้างไว้บนแผ่นอกกำยำ พร้อมลูบไล้แผ่นเบา...
มาโนชไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงแม้ปากเขาจะปฏิเสธ หากทว่าภายในจิตใจกับเหลวเป็นน้ำไปเสียแล้ว ถูกยั่วหนักขนาดนี้ ใครเล่าจะอดใจไหว...
“สัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคน” คนชวนช้อนสายตากระหายหิว กระซิบบอกย้ำถึงเจตนาก่อนหน้า
“แต่ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น” มาโนชจับมือนุ่มไม่ให้ซุกซน เมื่อภูริตาเคลื่อนไหวต่ำลงมาจนเกือบถึงขอบกางเกงยีน...
“ข้อเสนอ?...” หญิงสาวทวนคำ
“รับรองว่าถ้าคุณ โอเคร...ผมจะสนองตัณหาคุณให้ถึงสวรรค์ชั้นสูงเชียวละ...”
“อย่าเก่งแต่ปากก็แล้วกัน...แล้วข้อเสนอของนายคืออะไรล่ะ?...”
มาโนชยกมุมปากอย่างพึงพอใจ นัยน์ตาส่อแววเจ้าเล่ห์ตวัดลงมองสาวในอ้อมอก เขาวาดลำแขนขึ้นโอบกระชับร่างอวบอิ่ม ลากเจ้าหล่อนให้มาหลบหลังโคนไม้ใหญ่ ถึงหญิงสาวผู้นี้ไม่สวยซะเท่ามณีจันทร์ของเขา แต่ก็มีรูปร่างอวบอิ่ม น่าขยี้ขยำกระตุ้นอารมณ์ใฝ่ต่ำเขาพอดูเชียวแหละ...
ชายหนุ่มโน้มกายบอกความต้องการ...
“นายชอบยายจันทร์?...เหรอ”
ภูริตาไม่ได้ตกอกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพื่อนสาวของเธอรายนี้สวยหยาดฟ้ามาดินชนิดหาตัวจับยากอยู่แล้ว อีกทั้งที่ผ่านมาเธอยังชินชากับพฤติกรรมของผู้ชายรอบตัว หลังจากได้เห็นหน้ามณีจันทร์ ส่วนใหญ่พวกนั้นมักมาคะยั้นคะยอขอให้เธอช่วยแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักแทบทุกราย นี่ก็คงเป็นอีกรายสินะ...
“ต้องบอกว่ารัก และจริงจังมากด้วยครับ” มาโนชยอมรับด้วยสีหน้าเอียงอาย มือหนาเริ่มขยับเข้าหาร่างอ่อนนุ่ม ปีกจมูกบานพะเยิบพะยาบตอนสูดกลิ่นสาบสาว...
“อยากได้กี่ครั้ง...ผมจะได้สนองคุณได้ถูกใจ”
คนฟังหัวใจกระตุก...ขนาดบอกว่ารักจริงจัง แต่ก็ยังยอมเอากับเธอนี่นะ ตลกสิ้นดี...
“ต้องดูที่ความสามารถของนายมากกว่า...”
ภูริตาเชิดใบหน้าขึ้นสู้สายตาคมกล้า ยื่นริมฝีปากอิ่มประกบเข้าหา บดเบียดกลีบปากนุ่มราวจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หญิงสาวเป็นฝ่ายปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนแลเห็นขนอ่อนเรียงตัวเป็นระเบียบ เลยมาเล็กน้อยเป็นจะงอยจุกสีเข้มสองจุด หัวของมันชูชัน คงกำลังรอให้เธอใช้ลิ้นหยอกล้อสิท่า ...
“อา...ใจเย็นก่อนคนดี เรามีเวลาทำรักกันอีกนาน...”
มาโนชบดจูบริมฝีปากหวานจนพอใจ เขาผละห่างออกมาก่อนส่งเสียงห้ามปราม ตอนสาวเจ้าล้วงมือลงด้านล่าง รูดซิปกางเกงแล้วควักเจ้าดุ้นเอ็นแข็งโป๊กกระเด้งตัวเป็นอิสระ ชักรูดมันตั้งแต่โคนยันหัวเห็ด เขาเอนหลังพิงต้นไม้ ซูดปากซี๊ดซ๊าด ดึงเอาร่างอวบติดมือมาไม่ห่าง ก่อนจะเป็นฝ่ายสลับกลับให้ร่างอรชรของสาวเจ้า เป็นฝ่ายพิงโคนต้นไม้บ้าง...
“เข้ามาในตัวฉันเดี๋ยวนี้...”
สาวผู้ร้อนรักชักสีหน้าหงุดหงิด คราวนี้น้ำเสียงเธอไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นการออกคำสั่ง
มาโนชไม่ทันสังเกต เขาเองก็มัวเมาในเรือนร่างงดงาม ภูริตาไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเล้าโลมเธอในตอนนี้ เนื่องจาก ณ เวลานี้ เธอต้องการเพียงแค่ได้ปลดปล่อยความร้อนรุ่ม กระวนกระวายออกไปเท่านั้น
ดังนั้น เธอจึงขืนกายเอาไว้ ก่อนคว้าหมับกับเอ็นร้อนแข็งโด่เด่อีกหน หัวมันปริ่มน้ำขาวข้น เต้นกระดุกกระดิกในอุ้งมือ ขยายใหญ่พรักพร้อมมาสักระยะ เธอยิ่งชักรูดหนักขึ้น จนหัวมันยิ่งเบ่งบานแดงแจ๋...
“โอ๊ะ!ทำไมถึงได้ใจร้อนนักล่ะ...” มาโนชแสดงสีหน้าเหยเก เสียวซ่านตรงส่วนหัว มันกำลังถูกบดบี้
ภูริตาไม่คิดเสียเวลาตอบคำถาม เจ้าหล่อนร่นกางเกงผ้าเนื้อดีลงพร้อมรูดชั้นในค้างไว้ตรงน่อง เอนร่างนุ่มเข้าหา เป็นฝ่ายสวมสอดดุ้นร้อนในมือเข้าหลืบสวาทเสียเอง...
“อา...ซีด...แน่นฉิบอะไรแบบนี้....”
ชายหนุ่มเชิดศีรษะหลับตาพริ้ม งึมงำเสียงแหบโหย ตอนสวมสอดแท่งร้อนเข้าใส่ ทำเอาความเสียดเสียวพุ่งทะยานราวกับรถไฟเหาะ
หนุ่มแบกของต้องเผยอริมฝีปากส่งเสียงครวญคราง สลับกับร้องคำราม ระบายอารมณ์กลัดมัน
ผู้หญิงคนนี้นอกจากนวลเนื้อจะแน่นอวบอัด ร่องสวรรค์ยังฟิตแน่นถูกใจเขาเป็นบ้า...
พอกิเลสเข้าครอบงำ มาโนชถึงกับลืมเลือนมณีจันทร์ไปชั่วขณะ เข้าตั้งหน้าตั้งตาสะบัดบั้นท้ายเข้ากระแทกกระทั้นโดยไม่กลัวอีกฝ่ายจะร้องเจ็บ...
หนนี้เขาไม่อาจเสียหน้าโดยการปล่อยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายคุมเกม ชายหนุ่มกดร่างน้อยไว้แนบลำตัว ช้อนก้นน้อยขึ้นลอยเด่น เสียบเสยแท่งเหล็กร้อนเข้าใส่จนมิดทั้งด้าม เกิดเป็นเสียง เนื้อกระทบเนื้อ ดังตับ ตับ ตับ ส่วนกิ่งก้านของไม้ต้นอ่อนสั่นระริกตามแรงขยับโยก มือร้อนระอุอีกข้างวาดลงขยี้ปุ้มมณี ...
“อะ...อา...อะ...” คนถูกกระแทกเข้าใส่จนหัวสั่นหัวคลอนหลับตาปี๋ กลีบปากบวมเจ่อสั่นระริก สมใจอยากจนร้องไม่หยุดหย่อน...
เสียงคร่ำครวญโหยหวน ทำให้เจ้าของร่างกำยำ กำลังโหนตัวอยู่เหนือผืนดิน ต้องขมวดคิ้วมุ่น...
“อีก...เข้ามาอีก...อา...อืม...อา...อา...อย่างงั้นแหละ โอ๊ย!ดีจริงๆ”
สมองขาวโพลนไม่รับรู้รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจีเธอวาดลำแขนโอบรอบแผ่นหลังเกร็งขนัดยึดไว้เป็นหลักป้องกันไม่ให้ตนเองหล่นลงพื้น ส่วนของปลายเท้าจิกเกร็ง ก่อนส่งแรงกระทั้นหาทุกจังหวะเข้าออก
มาโนชเร่งจังหวะสุดท้าย ด้วยการกระทุ้งสะโพกเข้าใส่ร่องหวานระรัว
จนกระทั่งความเสียดเสียวแตกกระจาย เปลี่ยนเป็นลาวาร้อนขาวขุ่นไหลทะลัก ฉ่ำแฉะทั้งเขาและเจ้าหล่อน ชายหนุ่มเกร็งตัวดันร่างนุ่มกระแทกลงมาหาดุ้นแข็งอีกสองสามครั้ง ก่อนทรุดฮวบลงกับพื้นดิน ดีที่ด้านล่างมีใบไม้แห้งรองรับไว้อีกที...
ทั้งสองร่างกอดกันไม่ห่าง ต่างพ่นลมหายใจร้อนเข้าหากัน ก่อนมาโนชจะดันร่างกึ่งเปลือยให้นอนราบลงกับพื้นดิน จัดการถอดเสื้อผ้าของสาวเจ้าออกทุกชิ้น จนเหลือแต่กายขาวโพลน หน้าอกขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ หัวสีแดงคล้ำชูชัน...
“คราวนี้คุณจะได้รู้...สวรรค์แท้จริงนั้นหน้าตาเป็นยังไง...”
คนอยากเห็นสวรรค์ยิ้มอ่อย ช้อนนัยน์ตาพราวขึ้นท้าทาย...
“ฉันอยากเห็นใจจะขาดอยู่แล้วนี่...”
ค่ำแล้วหากทว่าเพื่อนสาวยังไม่กลับเข้าเต็นท์ แฟนหนุ่มของภูริตาที่มีชื่อว่าหินก็เดินมาถามหาเอากับเธอ ได้ยินว่าจะชวนไปอาบน้ำพร้อมกันตามประสาคนรัก
เธอเองก็ไม่ทราบด้วยว่า...ภูริตานั้นหายไปไหน...
มณีจันทร์มุดร่างงามออกมาจากภายในเต็นท์พัก เธอชะเง้อคอมองหาเพื่อนสาว...
“จันทร์...หวานกลับมาหรือยังครับ” เป็นหินที่เดินเข้ามาถามอีกครั้ง ดูสีหน้าเขาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะเขายังตามหาแฟนสาวไม่เจอนั่นเอง...
มณีจันทร์กระชับเสื้อคลุมพร้อมเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม ...
“ยังเลยค่ะ...นี่จันทร์กะจะไปแจ้งกับทางหัวหน้าคณะ ให้ช่วยประกาศตามหาหวานอยู่พอดี”
“ถ้าอย่างงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า...ผมเห็นพี่สายชลแกยืนอยู่ตรงเต็นท์ทำอาหารสด”
หินเดินเข้ามาแตะลำแขนกลมกลึง จมูกเขาได้กลิ่นหอมอ่อนจากกายสาว ช่างเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกับคนรัก รายนั้นเขาได้แต่กลิ่นฉุนจากน้ำหอมราคาย่อมเยา...
หินอดใจไว้ไม่อยู่ เขาเผลอตัวสูดกลิ่นหอมชื่นใจเข้าไว้เสียเต็มปอด ก่อนพยักเพยิดให้มณีจันทร์เดินตามเขามาทางป่าปีกซ้าย ตรงบริเวณนั้น มีคนงานของคณะส่องสัตว์ จัดการกางเต็นท์เอาไว้ใช้สำหรับเก็บพวกของสด เอาไว้นำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงคนในขบวน...
“โอ๊ะ!...”
สิ้นเสียงร้องร่างสูงกลับทรุดฮวบลงกองกับพื้น หินซูดปากแสดงสีหน้าเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกุมข้อเท้าเอาไว้ ตอนนั้นมณีจันทร์เดินนำหน้าเขาไป หญิงสาวจึงรีบหันกลับมาดู ก่อนส่งเสียงหลงตอนเห็นคนเดินมาด้านหลังทรุดลงไปนั่งกองด้วยสีหน้าเจ็บปวด...
“ว้าย!นั้นหินเป็นอะไรไปคะ...”
“ไม่รู้สิครับ...ข้อเท้าผมเหมือนจะถูกสัตว์อะไรสักอย่างกัด...มันปวดๆแล้วก็เจ็บมากด้วย”
หินบอกด้วยน้ำเสียงสั่น ใบหน้าขาวสะอาดดูเหยเกประกอบคำพูด ทำให้คนหัวอ่อนเชื่อคนง่ายกังวลใจหนักกว่าเดิม ไม่เอะใจสักนิด เหตุใดคนเจ็บถึงไม่ยอมคลายมือออกจากข้อเท้า
มณีจันทร์เดินเร็วเข้ามาหาพร้อมยอบกายสมส่วนลงนั่ง...
“ไหนคะ...ขอจันทร์ดูหน่อย...”
ขณะมือนุ่มกำลังยื่นให้ความช่วยเหลือ โดยไม่คิดระวังภัย มือหยาบที่เมื่อสักครู่กำข้อเท้ากลับเปลี่ยนมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก มณีจันทร์ยังไม่ทันได้ถามไถ่ ร่างบอบบางทว่าอวบอิ่มทุกสัดส่วนกลับถูกกระชากลงนอนกับพื้นโดยแรง..
หัวใจเต้นโครมคราม ทั้งโกรธ ทั้งตกใจ...
“จันทร์...ยอมเป็นของผมเถอะนะ”
“หิน...อย่าทำแบบนี้...ปล่อยเรา”
ร่างสาวดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมให้คนรักของเพื่อนใช้กำลังข่มเหงรังแกเอาได้ง่ายๆ
คราแรกมณีจันทร์รู้สึกตกใจไม่น้อย ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ เขาจะกลายเป็นผู้ชายประเภทนี้ไปได้ สืบเนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เห็นหินคบหาดูใจกับภูริตา เขาดูสุภาพ ไม่ใช่คนนิสัยเจ้าชู้ อีกทั้งยังให้เกียรติเพื่อนสาวของเธออย่างกับอะไรดี แต่ตอนนี้มันหมายความว่าอะไรกัน คงเป็นสันดานอีกด้านหนึ่งของเขาสินะ ผู้ชายคนนี้ หน้าอย่างหลังอย่างเสียจริง...
“อย่าหิน...เราบอกให้ปล่อยไง...”
“ไม่ปล่อย...เราอยากได้จันทร์เป็นเมียมานานแล้ว...ขืนปล่อยโอกาสทองครั้งนี้หลุดมือ เราคงโง่บรม จันทร์สวยถูกใจเรามานานแล้วนะ รู้ไหม?...”
คนพูดส่งแววตาหื่นกระหาย มองปาดทั่วเรือนร่างบอบบาง มือหนาลูบโลมเรือนกายงดงามอย่างคนอดใจไว้ไม่อยู่ ผิวขาวราวน้ำนม อวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ จะจับลูบคลำหรือขยำลงน้ำหนักตรงส่วนไหนก็ให้ความรู้สึกดีเป็นบ้า ไม่เสียแรงเลย เขายอมตามใจภูริตาแฟนสาว ตามมาส่องสัตว์ด้วยครั้งนี้...
มณีจันทร์รู้สึกขยะแขยงสัมผัสหยาบโลนของหิน แต่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยเต็มที เธอยิ่งดิ้นเขายิ่งรัด ยิ่งขยับร่างกาย ยิ่งเสียดสีกันจนเธอรู้สึกใจคอไม่สู้ดี...
“เราอยากเอากับจันทร์...”
คำพูดตรงๆทำเอามณีจันทร์หวาดผวา หากถึงจะกลัวจนอยากร้องไห้มากแค่ไหน ทว่าเธอจะเสียสติปล่อยให้ตัวเองตกเป็นของผู้ชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นมณีจันทร์เลยหยุดดิ้น ยอมปล่อยให้มือไม้หยาบกระด้างลูบไล้อยู่บนเรือนกาย พร้อมใช้สมองขบคิดหาวิธีเอาตัวรอด
“แต่สิ่งที่หินกำลังจะทำมันผิดศีลธรรม และก็ผิดต่อน้ำหวานด้วย...ถ้าหากน้ำหวานรู้เรื่องนี้เข้า คงได้เสียใจแย่ และเอ่อ...คงบอกเลิกกับหินเลยนะ และเราจะบอกเรื่องนี้กับน้ำหวาน ถ้าหินยังหน้ามืดไม่ยอมหยุดสิ่งที่ทำนี้อยู่...”
มณีจันทร์พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น พยายามกลั้นใจยอมให้มือยุ่มย่ามของผู้ชายบ้าตัณหาป้วนเปี้ยนอยู่แถวกระดุมเสื้อ คิดว่ายังไงซะ สุดท้ายคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ารักและหลงแฟนสาวมากอย่างหิน คงกลัวจะถูกบอกเลิก จนอาจเปลี่ยนใจเขาได้เอง...
ทว่ามณีจันทร์กลับคิดผิด...
“อย่างงั้นเหรอ...” แล้วนายหินก็หัวเราะลั่น
“บอกอะไรให้ฟังนะจันทร์ เพื่อนของเธอมันสำส่อนยิ่งกว่าฉันเสียอีก”
มณีจันทร์ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจตอนได้ยิน เธอเพียงขมวดคิ้ว ชักเริ่มเข้าใจสถานการณ์บางอย่าง ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าที่ผ่านมา หินไม่ได้โง่พอจะไม่รู้ ไม่เห็นพฤติกรรมของแฟนสาวสินะ เพียงแค่เขาไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง...
เธอเคยลากภูริตามาเตือนเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายครั้ง ผลสุดท้ายเธอกลับถูกเพื่อนรักงอนใส่ ภูริตาโมโหจนไม่ยอมคุยกับเธอหลายวัน ครั้งล่าสุดถึงขั้นเกือบตัดเพื่อนกันเลยก็ว่าได้...
“หินรู้?ตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมถึงยอม...” มณีจันทร์กลืนก้อนแข็งลงคอ เหลือบแววตาสงสัยมองใบหน้าขาวสะอาด ที่ตอนนี้กลายเป็นใครอีกคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไอ้ที่ฉันทนกินของเน่าอยู่ทุกวี่วัน ก็เพราะฉันยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการแท้จริงอย่างไรเล่า...”
“สิ่งที่หินต้องการคืออะไร?”
“ก็เอากับเธออย่างไรเล่า...ถามอะไรโง่ๆ”
คำตอบของหินทำเอามณีจันทร์สั่นสะท้าน หัวใจเธอเต้นโครมครามหวาดกลัว แววตาดับแสงจนดูมืดมนนั้นตอกย้ำให้เธอทำใจรอเอาไว้ล่วงหน้า หนนี้เธอคงรอดจากเงื้อมมือเขายากเสียแล้ว...เขาช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน ประกอบกับมือหนากระชากเสื้อเชิ้ตตัวบางจนขาดติดมือเขาไป ก่อนร่างหนาจะโถมเข้าหาจูบฟัดใบหน้าเปื้อนน้ำตาอย่างคนหิวกระหาย...
กรี๊ด!
มณีจันทร์กรีดร้อง ส่ายหน้าหนีพัลวัน ไม่ยอมให้เขาจูบถูกริมฝีปากอิ่ม พยายามปกป้องตัวเองสุดกำลัง คราวนี้ทั้งมือทั้งเท้าเอาแต่คอยยันร่างหนาออกห่าง...
“มึงนี่มันฤทธิ์เยอะนัก...ประเดี๋ยวเถอะ...ถ้าไม่ยอมให้กูเอาดีๆ เจ็บตัวขึ้นมา อย่าหาว่ากูไม่เตือน”
หินขู่เสียงกร้าว ใบหน้าแดงสลับขาวดูถมึงทึง มือข้างหนึ่งของเขาง้างขึ้นสูง ทำท่าราวกับจะฟาดมันลงมาบนใบหน้าของเธอบัดเดี๋ยวนั้น...
มณีจันทร์หลับตาปี๋ รอรับความเจ็บปวดโดยดุษฎี...
“พลั๊ก!...โอ๊ะ!...โอ๊ย!”
หากเพียงชั่ววินาที เสียงที่คิดว่าเป็นเสียงของเธอเอง แต่กลับไม่ใช่...
ร่างกายเธอยังอยู่ดี มิได้ถูกสิ่งใดกระทบโดนด้วยซ้ำ...
แต่เอ๊ะ! แล้วเมื่อกี้เสียงของใครกันเล่า?
มณีจันทร์ลืมตาโพลง ก่อนจะอ้าปากค้าง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนตวัดขึ้นมองชายหนุ่มแปลกหน้า เขามีรูปร่างสูงใหญ่ กำยำเกินผู้ชายธรรมดา เขากำลังยืนเท้าสะเอว แยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน ตอนนี้เขายืนอยู่ไม่ไกลจากร่างนอนสลบเหมือดอย่างหมดสภาพ...
“หิน...”
“ผัวของเอ็งหรือ...” คนถามส่งเสียงกร้าว เอี้ยวตัวมามองหญิงสาวสวยจับใจ อามันต์นึกเสียดาย ความสวย ขาว อวบอิ่ม มีน้ำมีนวล หน้าอกหน้าใจใหญ่โตจนอยากจุ่มหัวลงดูดให้หายมันเขี้ยว แต่ก็เสือกดันมีผัว...
“เปล่าค่ะ...เขาไม่ใช่สามีของฉันหรอกค่ะ...”
มณีจันทร์รีบปฏิเสธ ก่อนคว้าเสื้อเชิ้ตบนพื้นขึ้นมาสวมทับ มือไม้เย็นเฉียบสั่นเทา รีบปิดบังเนื้อหนังของตัวเองเมื่อชักรู้สึกใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว...รู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาคู่หนึ่งพุ่งมองมาอย่างไม่น่าไว้วางใจ ถึงแม้เขาเพิ่งเป็นคนช่วยเธอไม่ให้ถูกข่มแหง แต่ก็ยังเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักอยู่ดี...
“อ้อ...” อามันต์ลากเสียงยาว เขาเดินเข้าใกล้ร่างหมดสติด้วยแววตาพึงพอใจ แล้วใช้หลังเท้าเขี่ยดูอาการของคนหลับกลางอากาศ...เพียงแค่ถูกเขาแตะเสยคางแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...
ใจเซาะชะมัด อามันต์นึกเยาะหยัน...
โทษฐานที่มันดันฉี่ไม่ดูตาม้าตาเรือ...
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยฉันเอาไว้” พอได้ปิดบังทรวงอกงามจากสายตาคู่คม มณีจันทร์ก็พลอยรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
“หึ...ช่วย!ข้าไปช่วยอะไรเอ็งตอนไหนกัน?” อามันต์หันหน้าขวับมาหา หัวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากันมุ่น ร่างสูงราวกับยักษ์ยืนตระหง่าน สังเกตเครื่องแต่งกายของเขาไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
มณีจันทร์หลุบเปลือกตาทันที เมื่อบังเอิญสบเจอกับดวงตาคมปราด
หัวใจเธอชักเต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...
“ก็ที่เมื่อสักครู่นี้ คุณช่วยไม่ให้ฉันถูกผู้ชายคนนั้นข่มเหงอย่างไรล่ะค่ะ”
“ฮ้า...เมื่อกี้มันจะข่มเหงเอ็งหรอกเหรอ ข้าก็นึกว่าเอ็งสองคนกำลังเล่นหนังสดกลางป่ากันอยู่ เห็นคนในเมืองเขาชอบทำกันนัก ใต้ต้นไม้ใหญ่ชายป่าฝั่งนู้น ก็เห็นมีอีกคู่หนึ่ง ขย่มกันมันหยดเชียว”
อามันต์แสร้งทำเสียงตกใจ หากสีหน้ากับฉายถึงความรู้สึกน่าเอือมระอาเต็มที เอาจริงๆตัวเขาเองก็ไม่ได้ใคร่ไยดีนักหรอกว่าใครกำลังจะเอากับใครอยู่ เรื่องทำนองนี้เขาเองก็ทำจนชิน กลัดมันตอนไหนก็แค่ส่งสัญญาณเรียก ขี้คร้านจะมีแม่สาวใจกล้าในป่าทั่วทุกสารทิศ...เสนอตัวมาให้เขาระบายอารมณ์จนเลือกไม่หวาดไม่ไหว ปล่อยน้ำรักวันละครั้งสองครั้งยังได้...
ตามจริงเมื่อกี้เขาก็ไม่ทันสังเกต สาวสวยนางนี้มิได้ยินยอมให้ไอ้หนุ่มนั่นเอา...
เขาแค่กำลังโมโห ถูกฉี่ของมันกระเด็นโดน ตอนเขากำลังก้มฟังเสียงเท้าของแม่กว้างลูกอ่อน ที่ดันหนีเตลิดมาทางทิศนี้ต่างหาก พอเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ เขาเลยจัดการเอาคืนมันสักหน่อย โทษฐานดันมาฉี่ใส่เจ้าป่าอย่างเขาได้...
คนฟังนั่งใบหน้าแดงซ่าน ผิวแก้มเปื้อนคราบน้ำตาร้อนผ่าว เลือดในกายร้อนระอุ อับอายกับคำบอกเล่าจากชายหนุ่มแต่งตัวแปลกประหลาด ดูเขาพูดเข้าสิ นั่นใช่เรื่องปกติธรรมดาเสียที่ไหน...
“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณ คุณมากนะคะ ถึงคุณจะบอกว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจช่วยฉันก็ตาม”
มีลมวูบหนึ่งพัดผ่านมากระทบร่างสูงกำยำ อามันต์ไม่ทันตั้งตัว เขามัวแต่เหล่ตามองหญิงสาว ตามประสาชายหนุ่มเจ้าชู้ ชื่นชมความสวยของเจ้าหล่อน รูปร่างหน้าตารวมทั้งผิวพรรณขาวลออ
ดังนั้นเจ้าแห่งป่าหนุ่มเลยไม่ทันตั้งตัว เขาเผลอสูดกลิ่นหอมราวดอกไม้ป่า เข้าไปเสียเต็มปอด ร่างหนาเย็นยะเยือกราวกับตกลงสู่ท้องทะเล ทั้งกว้างและลึก เกิดอาการชะงักงันผิวกายร้อนซู่ ลูกนัยน์ตาสีดำกลับกลายเป็นสีแดงเพลิง หากเพียงเสี้ยววินาทีจึงกลับเป็นสีดำตามเดิม เลือดลมในการไหลเวียนเดือดดาล พลุ่งพล่าน ความปรารถนาลุ่มลึกกึ่งกลางลำกาย บังเกิดขึ้นโดยไร้การควบคุม ลำเอ็นขยายขนาดพองโต หัวหยักกระทุ้งโดนอาภรณ์หนังสัตว์เสียดเสียว...
อามันต์สะบัดศีรษะ รีบขจัดอาการซ่านสยิวโดยฉับพลัน
เจ้าแห่งป่าหนุ่มดึงสติกลับมาให้มั่นคง เลยรู้ได้ทันที มีคนกำลังแอบเล่นงานเขาอยู่...
บ้าชะมัด! นี่มันกลิ่นว่านรัญจวน ใครเผลอสูดเข้าไป เป็นต้องตกอยู่ในมนต์แห่งราคะจนกว่าจะได้ปลดปล่อยจนหนำใจ ย้อนนึกไปสมัยเขาเป็นวัยรุ่นละอ่อน เขาดันเผลอสูดเจ้าว่านอัปรีย์นี้เข้า กว่าอารมณ์เขาจะสงบ เล่นเอาแม่ทาร์ซานสาวสวยเดินขาถ่างไปเสียหลายวัน...
เจ้าแห่งป่าหนุ่มได้แต่กัดกรามกรอด ทั้งโกรธทั้งโมโห อย่าให้เขารู้เชียว...ไอ้อีหน้าไหนมันบังอาจมาลอบกัด เล่นสกปรกเยี่ยงนี้กับเขา ไม่อย่างงั้นพ่อจะขย้ำหัวให้ขาดบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง...
เมื่ออารมณ์เร่าร้อนซึ่งเกิดขึ้นจากร่านรัญจวนไม่อาจยับยั้งไว้ได้ด้วยสติ อามันต์จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เขาคงทำดีที่สุดคือการมอบความสุขให้ผู้หญิงคนนี้ ยังดีที่ผู้หญิงตรงหน้า ทั้งสวยแล้วก็สาว อีกทั้งยังเป็นมนุษย์มิใช่ภูตผีหรือวิญญาณร้ายในป่า...
“เอ็งพอมีเวลาสักสองสามชั่วโมงไหมล่ะ ข้ามีเรื่องบางอย่าง ต้องการให้เอ็งช่วยสักหน่อย”
มณีจันทร์เงยใบหน้าสวยสบนัยน์ตาคมดุ อามันต์เลิกคิ้วเข้มหลังจากเดินมายอบตัวนั่งตรงกันข้ามกับร่างสาวขาวราวหยวกกล้วย เขาอยากเอื้อมมือลองลูบไล้เรือนกายตรงหน้า ภาพจินตนาการตอนเขากระเด้าเอวเข้าหาคงมันหยดติงเป็นแน่แท้...
อามันต์ชะงักค้าง ก่อนลบภาพอนาจารนั้นทิ้ง ขืนเขาทำเช่นนั้นตอนนี้จริง ไก่ได้ตื่นก่อนปะไร อามันต์แอบกลืนน้ำลายตอนเหลือบเห็นร่องอกอวบอิ่ม ผิวเนื้อขาวลออมันโผล่ออกมา วับๆแวมๆ ให้น้ำลายเขาหยดติง...
“ได้สิค่ะ...คุณต้องการให้ฉันช่วยอะไร บอกมาได้เลย ฉันเต็มใจจะช่วย ถ้าหากไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง”
หญิงสาวผู้ไม่รู้ชะตากรรมตอบตกลงโดยไม่ทันคิดมาก อามันต์กระดิกนิ้วชี้สั่งให้หญิงสาวโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระซิบบอกบางอย่าง ก่อนเจ้าของร่างงามจะสัมผัสได้ถึงไอเย็นแบบเฉียบพลัน...
“อา อา อา....ซีด...คุณฉันอึดอัดตรงนั้น... “
ปลัก...ปลัก...ปลัก...
ร่างสาวกระเพื่อมตามแรงกระแทกกระทั้นดุดันมาจากทางด้านหลัง ลำตัวอ่อนโก้งโค้งแอ่นหยัดก้นขึ้นรอรับแรงอารมณ์บ้าคลั่ง อารมณ์เสียดเสียวหวามลึกพุ่งแหลมร้าวลึกถึงลิ้นปี่ริมฝีปากอิ่มสีชมพูหวานห่อตัวเป็นรูปสระโอ
“ซูด...อืม...อืม...อืม...”
มณีจันทร์เอาแต่ส่งเสียงร้องครวญคราง ฮึมฮำดังขึ้นไม่ขาดระยะ สติที่ยังเหลือน้อยนิด มิอาจรับรู้เวลาที่ล่วงเลยผ่าน นาทีต่อนาทีทั้งหมดนั้น เธอจมจ่ออยู่กับความสุขล้ำจากคนด้านหลัง เขาตั้งหน้าปรนเปรอบำรุงบำเรอเธอจนจุกแน่นอก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยเอากับชายแปลกหน้า มันจะสร้างความสุขให้เธอได้ถึงมากมายเพียงนี้...
“อืม...อืม...อืม...คุณ...อา...แรงอีกหน่อยค่ะ”
เรียวขาขาวยาวดั่งลำเทียนสั่นเทา ดีที่ชายหนุ่มให้เธอเกาะขอนไม้ ตอนนี้มันเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยน้ำเมือกเหนียวเหนอะหนะ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่สนใจไยดีหยุดเช็ดทำความสะอาด คิดเสียว่ามันเสียเวลาเปล่า เพราะอีกประเดี๋ยวเขาก็ทะลวงดุ้นควานเคล้นเอาน้ำฉ่ำแฉะในกายเธอออกมาอีกจนได้...
“ของเอ็งนี่มันดูดลำข้าดีชะมัด คงเคยโดนมาไม่กี่ครั้งสินะ รูเอ็งมันถึงได้ฟิตเข้ายากเข้าเย็นขนาดนี้”
อามันต์พูดถึงครั้งแรก ตัวเขาเองดันบุ่มบ่ามเข้าหา พออารมณ์กระสันมันขึ้นถึงขีดจำกัด ไม่ทันได้ถามไถ่ได้ความ เขาก็จัดการจ้วงแทงลำดุ้นเท่าข้อมือ ทะลวงเข้าใส่กลีบสวรรค์ที่ยังคงปิดสนิทโดยไม่มีออมมือ
หอยแสนหวาน ทั้งสด ทั้งสะอาด หวานลิ้นดีขนาดนี้คงไม่น่ารอดมาถึงเขา และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสียด้วย เจ้าหล่อนผู้นี้เคยผ่านการเล่นน้ำกามมาก่อนหน้า หากถึงกระนั้นยังทำเอาหน้าเขาบิดเบี้ยว ปวดหนึบจนต้องร้องลั่น ลำอวบแข็งปั๋งของเขาเกือบหักครึ่ง กว่าจะดันเข้าจนสุดถึงปลายโคน ต้องล่อต้องหลอก ต้องงัดกลเม็ดเด็ดดวงมาใช้สารพัดวิธี...
“อืม...อีกค่ะ...เข้ามาอีก”
มณีจันทร์ร้องขอ ยามกลีบสาวดูดรัดลำเขื่องทั้งยาวใหญ่ ครูดสัมผัสไปกับผนังมดลูก ทั้งเผ็ดทั้งมัน กำลังผลุบโผล่แทงส่วนหัวเห็ดเข้าออกอย่างเอาเป็นเอาตาย ทรวงอกห้อยต่องแต่งตามแรงโน้มถ่วง ปลายยอดสะบัดผ่านม่านอากาศหนาวเยือก ส่วนหัวตั้งชูชันคล้ายนมแม่วัว อามันต์คว้าหมับไว้ข้างหนึ่ง จัดการบี้หัวนมด้วยนึกมันเขี้ยว สลับสับเปลี่ยนอีกข้าง ทั้งรีดทั้งขยำ พร้อมอัดกระเด้าบั้นท้ายทรงสอบเข้าใส่ร่างอรชรอ้อนแอ้นราวม้าหนุ่มกำลังตกมัน...
“ซี้ด...ซี้ด...โอ้ว...โอ้ว...”
เหงื่อไคลไหลอาบมัดกล้ามจนขึ้นมันวาวสวย มณีจันทร์ชอบลูกกล้ามแข็งปั๋งของเขา มันให้ความรู้สึกซ่านซ่า สยิวทรวงอย่างไรบอกไม่ถูก...
“โอ้ว...เสียวเป็นบ้า...อ้า...อ้า...ดี...เหลือกิน”
จนเมื่อใกล้เห็นแสงสว่างอันขาวโพลน เจ้าแห่งป่าอาถรรพ์ กระชากร่างอ่อนระทวยให้หงายหน้าเข้าหาตัวเอง ก่อนค่อยๆวางร่างนุ่มลงนอนราบกับพื้นหญ้าเขียวขจี ดันเรียวขาทั้งสองข้างเปิดออกกว้าง พร้อมสอดตัวตนใหญ่โตโดยไม่ให้ขาดจังหวะ
“ซีด...เบาหน่อยสิคะ ฉันรู้สึกทั้งจุก ทั้งหน่วงเหลือเกินตอนนี้”
หญิงสาววาดฝ่ามือยันหน้าท้องแกร่งให้ลดแรงกระแทกลงบ้าง ถึงนี่ไม่ใช่หนแรกที่เธอยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เขาปลดปล่อยความสำราญ ยอมให้ความร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี แต่เพราะขนาดรูปร่างที่ต่างกันเอามาก ทำให้บางทีเธอรู้สึกจุกจนหายใจไม่ออก...
“อา...ข้าขอโทษ เอาเอ็งมันจนลืมตัวไปหน่อย”
อามันต์ย่นหน้าเหยเกในขณะที่เขาพูด ส่วนหัวเห็ดที่ให้ความรู้สึกว่องไว ดันชนเข้ากับผนังนุ่มพอดี แถมมันยังรัดลำทั้งดุ้นจนเขาหายใจแทบไม่ออก ทำเอาร่างหนาสั่นสะท้าน เร่งปักบั้นท้ายเข้าหาระรัว
ปรัก...ปรัก...ปรัก...
เขาโน้มกายแนบชิด ฉกริมฝีปากร้อนกัดหัวนมเป่ง จงใจเสียดสีผิวหยาบกับผิวอ่อนละมุน สร้างกระแสไฟอ่อนปะทุกับผิวหนัง มณีจันทร์ดิ้นพล่านพร้อมแอ่นกายเข้าปรนเปรอ ริมฝีปากหยักหนาได้รูปเลื่อนขึ้นมาจูบกลีบปากบวมเจ่อแต่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ดื่มน้ำทิพย์จากสวรรค์ สอดลิ้นควานหาน้ำหวานจนทั่วทั้งโพรงปาก...อย่างคนหิวกระหายมานานนับปี...
ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยง โดยไม่มีใครคิดจะหยุดพัก เสียงหอบหายใจถี่กระสัน กลบเสียงลมพัดผ่าน แม้แต่เสียงสัตว์ป่าใหญ่น้อย ยังยอมสงบให้คนทั้งคู่ จนกระทั่งแสงจากดวงดาวเริ่มริบหรี่ ขอบฟ้ายามเดือนมืดเข้าแทรกหา ร่างทั้งสองยังคงโรมรันกันอย่างถึงพริกถึงขิง
อามันต์ชักไม่แน่ใจ เป็นเพราะเขาถูกว่านรัญจวน หรือเป็นเพราะเขาติดใจเนื้อหนังสดใหม่ของสาวเจ้ากันแน่...
ส่วนมณีจันทร์เอง ไม่ได้นึกเสียดายความสาวที่น้อยคนนักจะได้เข้าถึง เธอวางตัวดีมาตลอด เป็นหญิงสาวอยู่ในกรอบ แต่ก็มีบ้างบางครั้ง ยินยอมโอนอ่อนผ่อนให้อดีตชายคนรักได้เข้าถึงเนื้อถึงตัว อาจด้วยเธอเป็นคนหัวอ่อน ถูกลูกอ้อนลูกชนเข้าหน่อยจึงยินยอมให้แต่โดยดี เลิกรากันก็คือจบ เธอไม่ได้เก็บมานั่งเสียใจ แต่ก็มิเคยพลีกายให้ใครที่ไม่ใช่คนรักง่ายๆ ดั่งเช่นชายแปลกประหลาดผู้นี้...
เธอไม่ต่างจากคนหลงป่า กำลังจะถูกสัตว์ร้ายจับไปกินเป็นอาหาร พอได้นายพรานใจบุญยื่นมือเข้าช่วย เธอจึงไม่คิดลังเลที่จะยอมตอบแทนบุญคุณนายพรานผู้นั้น...
อามันต์แช่ลำไว้ในกายสาว โหย่งร่างหนาขึ้นเหนือร่างขาวลออ กระตุกกายพร้อมเกร็งสะโพก แล้วจึงปลดปล่อยน้ำรัก ฉีดพ่นจนหมดสูบ...
“อา...ซีดดดดดด”
“ข้ายังไม่อิ่ม”
“แล้วจะรออะไรล่ะคะ...”
มณีจันทร์เชื้อเชิญเสียงอ่อนหวาน ช้อนสายตาหวานลึกขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา มันกระทบกับแสงดวงจันทร์ ยิ่งทำให้เจ้าแห่งป่าหนุ่มทรงเสน่ห์น่าหลงใหลขึ้นอีกเป็นกอง พร้อมวางฝ่ามือโอบไว้บนสะโพกหนั่นแน่น จัดการลงน้ำหนัก กดฝ่ามือลงจนลำเอ็นที่แข็งรอ สอดลึกกลับเข้าช่อผกาอีกครั้ง คราวนี้เจ้าหล่อนเป็นฝ่ายกระทุ้งเอวเข้าหาเสียเอง ทำเอาอามันต์คำรามลั่นป่าด้วยความสุขสม...
********************************