Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ลาเมีย ราชินีต้องคำสาป | ตำนานสยองขวัญแห่งกรีกโบราณ

เนื้อหาโดย nuengpaisarn

บทนำ

เสียงกรีดร้องของทารกสะท้อนก้องอยู่ในเงามืดของค่ำคืน ดวงจันทร์สีเลือดทอดเงาเหนือเมืองเล็ก ๆ ที่กำลังหลับใหล ในตรอกมืดแห่งหนึ่ง ร่างของสตรีผู้หนึ่งก้าวออกมาจากความมืด ผิวของนางซีดขาว ดวงตากลวงโบ๋ มีเพียงเงาสะท้อนแห่งความแค้นที่สุมอยู่ภายใน ลมหายใจของนางเย็นยะเยือก ราวกับเป็นลมหายใจแห่งยมโลกเอง

นางคือ แลมียา ราชินีผู้เคยงดงาม ผู้เคยได้รับความรักจากมหาเทพซุส นางเคยเป็นผู้หญิงที่มีหัวใจอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความรักต่อลูก ๆ ของตน แต่เพราะคำสาปของเฮรา นางจึงสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และกลายเป็นอสุรกายที่ผู้คนกล่าวขานถึงด้วยความหวาดกลัว

บทที่ 1: คำสาปแห่งเฮรา

ในยุคสมัยที่เทพเจ้าปกครองเหนือมนุษย์ แลมียาเป็นราชินีแห่งลิเบีย นางมีความงามที่เป็นที่โจษขานไปทั่วแผ่นดิน เส้นผมดำขลับยาวสลวย นัยน์ตาสีทองอร่ามดั่งพระอาทิตย์ตกดิน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ซุส ผู้เป็นมหาเทพจะตกหลุมรักนาง และมอบความรักให้นางอย่างลึกซึ้ง

แต่เฮรา ผู้เป็นราชินีแห่งโอลิมปัส หญิงผู้เปี่ยมด้วยความริษยา ไม่อาจยอมรับการทรยศของสามีได้ นางเฝ้ามองแลมียาด้วยความโกรธแค้น และวางแผนที่จะทำลายนางให้สิ้นซาก

ในคืนที่แลมียาคลอดลูกคนสุดท้าย เฮราได้ปรากฏตัวขึ้น นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"เจ้าช่างหยิ่งยโสที่คิดว่าจะสามารถครอบครองหัวใจของซุสได้ตลอดไป แต่ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักคำว่า สูญเสีย อย่างแท้จริง"

เพียงสิ้นเสียงนั้น คำสาปของเฮราก็เริ่มทำงาน ลูก ๆ ของแลมียาเริ่มล้มตายลงทีละคน ทีละคน ร่างของพวกเขาเหี่ยวเฉาราวกับถูกดูดกลืนชีวิต แม่ผู้สิ้นหวังทำได้เพียงอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูก ๆ ไว้ในอ้อมแขน กรีดร้องอย่างโหยหวน

แต่เฮราไม่หยุดเพียงแค่นั้น นางมอบคำสาปสุดท้ายให้แก่แลมียา นางทำให้ราชินีผู้นี้ ไม่มีวันหลับตาได้อีกเลย นางต้องมีสติรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียตลอดกาล ต้องมองเห็นภาพลูก ๆ ของตนตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงจิตใต้สำนึกที่ไม่อาจหนีไปไหนได้

เมื่อเวลาผ่านไป ความเศร้าโศกและความแค้นได้กัดกินสติของแลมียา นางเปลี่ยนไปจากหญิงสาวที่อ่อนโยน กลายเป็นอสุรกายผู้กระหายเลือด ดวงตาของนางเคยเปี่ยมไปด้วยความรัก กลับกลายเป็นแสงสีแดงเข้มที่สะท้อนเพียงแต่โทสะ นางล่าทารกจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในยามรัตติกาล เงาร่างของนางเคลื่อนผ่านความมืดราวกับปีศาจที่ไม่มีตัวตน เสียงกระซิบแห่งความหวาดกลัวแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน ผู้เป็นมารดาเริ่มเข้านอนด้วยใจระทึก เพราะกลัวว่าทารกในอ้อมแขนของพวกเธอจะหายไปในค่ำคืนถัดไป การล่าของแลมียาไม่ใช่เพียงเพื่อดับความกระหายเลือดของตน แต่เพื่อให้เฮรารับรู้ถึงความเจ็บปวดของผู้ที่สูญเสียทุกสิ่งเช่นกัน

บทที่ 2: อสุรกายแห่งรัตติกาล

ในเงามืดของค่ำคืน แลมียาเดินผ่านป่าลึกที่มีเพียงแสงจันทร์สลัวนำทาง นางเคยเป็นมนุษย์ เคยเป็นมารดาที่เปี่ยมด้วยรัก แต่ตอนนี้สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงสัญชาตญาณของสัตว์นักล่า นางรับรู้ถึงกลิ่นของเด็กที่หลับใหลอยู่ในบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ความหิวกระหายกัดกินนางจากภายใน ทุกก้าวที่ย่างผ่านเต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความเจ็บปวดที่บีบรัดจิตใจ

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ผู้เป็นมารดากอดลูกแน่น พวกนางได้ยินเรื่องเล่าของอสุรกายแห่งรัตติกาล บางคนจุดเทียนบูชาเทพเจ้าหวังขอความคุ้มครอง บางคนโรยสมุนไพรรอบบ้านเพื่อขับไล่ความชั่วร้าย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าลางร้ายได้มาเยือนแล้ว เงาดำเคลื่อนไหวไปตามมุมมืดของบ้าน เสียงลมหายใจเย็นยะเยือกแทรกผ่านบานหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ เสียงกระซิบที่แผ่วเบาดังขึ้นราวกับวิญญาณที่ไร้ร่างกายกำลังเตือนพวกเขาถึงบางสิ่งที่อยู่ใกล้เข้ามา

ทารกในเปลพลันส่งเสียงร้องอย่างไม่มีสาเหตุ ความเงียบในค่ำคืนถูกทำลาย ผู้เป็นมารดาตัวสั่น รีบกระชับผ้าห่มห่อลูกแน่นยิ่งขึ้น หัวใจของพวกนางเต้นรัว เสียงฝีเท้าที่เบาราวสายลมเคลื่อนผ่านลานบ้าน และเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองจากความมืด ร่างนั้นสูงชะลูด ผิวสีซีดราวหินอ่อน แสงจันทร์สะท้อนเงาร่างที่ดูบิดเบี้ยวราวกับสิ่งที่ไม่ควรดำรงอยู่บนโลกนี้

เสียงหายใจหนัก ๆ ดังขึ้น ราวกับสิ่งนั้นกำลังเพ่งมองอย่างหิวกระหาย ผู้เป็นมารดาตัวสั่นงันงก พยายามกลั้นลมหายใจขณะดวงตาเบิกโพลงจ้องออกไปที่เงามืด ค่ำคืนนี้ไม่มีผู้ใดปลอดภัยอีกต่อไป แต่ใครจะเป็นเหยื่อรายแรก? ความเงียบก่อนพายุใหญ่นั้นช่างเยียบเย็น และห้วงเวลาอันน่าหวาดหวั่นก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

บทที่ 3: ผู้ล่าและผู้ถูกล่า

เสียงลมหายใจของแลมียาหนักขึ้น นางก้าวช้า ๆ ไปยังขอบหมู่บ้าน ลมหายใจเย็นเยือกของนางสร้างไอขาวลอยอ้อยอิ่งใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีแดงส่องประกายราวกับเปลวไฟแห่งนรก นางไม่ได้เป็นเพียงเงาที่เดินผ่านค่ำคืนอีกต่อไป—นางคือหายนะที่กำลังจะมาถึง

แต่คืนนี้แตกต่างออกไป มีบางสิ่งบางอย่างกำลังรอคอยอยู่ ไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นนักล่าที่แท้จริง เสียงแว่วของกิ่งไม้ที่หักลง และเงาสีดำที่เคลื่อนที่เร็วเกินกว่าที่ตามองเห็น ทำให้นางต้องหยุดชะงัก

“เจ้าไม่ใช่สิ่งเดียวที่เดินในความมืด แลมียา” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากเงามืด

แลมียาขยับตัว เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี ร่างสูงใหญ่ของชายในเงาสลัวค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เขาสวมเกราะสีดำสนิท ดาบเงินในมือของเขาสะท้อนแสงจันทร์แผ่วเบา นัยน์ตาของเขาเย็นชาและไร้ความปรานี

“นักล่า?” แลมียาเอ่ยเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ชายคนนั้นยิ้มเย็นชา “ข้าคือผู้ที่ถูกส่งมาเพื่อนำเจ้ากลับไปยังความมืดที่แท้จริง”

แลมียาหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนที่เงาร่างของนางจะหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งเบื้องหลังเขา นางเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินกว่ามนุษย์จะทันรู้ตัว เล็บแหลมของนางตวัดหวังปลิดชีพนักล่า แต่เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น เขาฟาดดาบขึ้นป้องกันการโจมตีของนางได้ทัน

“เร็วใช้ได้” นักล่ากล่าว ขณะก้าวถอยหลัง “แต่ไม่เร็วพอ”

เขาตวัดดาบเป็นวงกว้าง พลังอาคมในดาบส่งแรงกระแทกมหาศาลจนแลมียาต้องกระโดดถอยหนี เลือดสีดำซึมออกจากบาดแผลบนแขนของนาง นางจ้องเขาด้วยดวงตาลุกโชนด้วยความเดือดดาล

คืนนี้จะไม่ใช่คืนแห่งการล่าเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป—คืนนี้คือคืนแห่งการเผชิญหน้าที่จะตัดสินชะตาของทั้งสองฝ่าย ไม่มีที่ว่างสำหรับความลังเล มีเพียงการต่อสู้เพื่ออยู่รอดหรือจบสิ้นในเงามืด

บทที่ 4: เงามืดและคำสาป

เสียงของดาบกระทบกันดังสะท้อนก้องไปทั่วผืนป่า นักล่าขยับตัวอย่างชำนาญ หลีกเลี่ยงคมเล็บของแลมียาด้วยท่วงท่าที่เฉียบคม แต่เขารู้ดีว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงความตาย

แลมียาไม่ใช่เพียงนักล่าธรรมดา นางคือปีศาจที่ถูกคำสาปและมีพลังที่มนุษย์ไม่อาจต้านทานได้ หากแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านางก็มิใช่เพียงมนุษย์เช่นกัน

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” นางเอ่ยถาม พลางมองคู่ต่อสู้ที่ยืนอย่างมั่นคงต่อหน้านาง แม้จะมีรอยแผลจากการโจมตีของนาง แต่เขากลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มเลียริมฝีปากของเขาเล็กน้อยก่อนตอบ "ข้าคือเงาแห่งคำสาป ผู้ที่ถูกส่งมาปิดฉากเจ้าตำนานแห่งรัตติกาล"

แลมียายิ้มเยาะ "คำสาปงั้นหรือ? ข้าเองก็คือผลลัพธ์ของคำสาปเช่นกัน มาดูกันว่าเงาใดจะเป็นผู้คงอยู่" นางพุ่งตัวเข้าหาเขาอีกครั้งด้วยความเร็วเหนือมนุษย์

นักล่าเตรียมรับมือ พลังแห่งอาคมในดาบของเขาเริ่มเปล่งประกาย ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล เงาของทั้งสองเคลื่อนไหวราวกับภาพลวงตา เสียงปะทะของดาบและเล็บแหลมดังขึ้นไม่ขาดสาย คืนนี้จะเป็นคืนที่เลือดต้องไหลและคำสาปต้องถูกปลดปล่อย หรืออาจถูกพันธนาการไปตลอดกาล

แลมียาพุ่งเข้าใส่โดยไร้ความลังเล นางระดมโจมตีด้วยกรงเล็บที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมืด แต่ทุกการเคลื่อนไหวของนางถูกนักล่ารับรู้ล่วงหน้า ดาบอาคมของเขากรีดผ่านอากาศ สร้างรัศมีพลังอันทรงอานุภาพที่ทำให้แลมียาต้องระวังตัวมากขึ้น

"เจ้าจะสู้เพื่อตัวเอง หรือสู้เพื่อแก้แค้น?" นักล่ากล่าวขณะหลบการโจมตี

คำถามนั้นทำให้แลมียาชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่นางจะคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของนางฉายแววแห่งความเจ็บปวดและความแค้นอันไร้สิ้นสุด นางสะบัดกรงเล็บออกไปอีกครั้ง พลังของนางรุนแรงขึ้นจนนักล่ารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

เสียงของทั้งสองที่ฟาดฟันกันยังคงดังสะท้อนไปทั่วรัตติกาล แต่แล้ว... สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พื้นดินใต้เท้าทั้งคู่เริ่มสั่นสะเทือน รอยแยกสีดำค่อย ๆ ปรากฏขึ้น พวยพุ่งไอหมอกเย็นยะเยือกที่มีกลิ่นของความตาย พลังคำสาปที่สะสมมานับศตวรรษกำลังตื่นขึ้น มันค่อย ๆ ปลดปล่อยแรงดึงดูดที่รุนแรง ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า

แลมียาและนักล่าชะงัก พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ไม่ได้เป็นเพียงผลกระทบจากการต่อสู้ แต่เป็นสัญญาณของสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่ใต้พื้นดิน

"เจ้ารู้สึกไหม?" นักล่ากล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

"คำสาปกำลังจะตื่นเต็มที่... และมันอาจไม่ใช่เพียงเราสองคนที่ต้องเผชิญกับผลของมัน" แลมียากล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ ดวงตาของนางจับจ้องไปยังรอยแยกที่เริ่มขยายกว้างขึ้น

เงามืดจากอดีตกำลังจะหลุดพ้นจากพันธนาการ และคืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายของพวกเขาทั้งคู่

 

บทที่ 5: พันธนาการแห่งอดีต

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษดินและหินกระเด็นกระจาย ลมกรรโชกแรงพัดผ่านราวกับเสียงโหยหวนของเหล่าวิญญาณที่ติดอยู่ในคำสาปมาเนิ่นนาน รอยแยกสีดำขยายกว้างขึ้น เผยให้เห็นความมืดที่ไร้ก้นบึ้ง พลังบางอย่างกำลังหลุดพ้นจากพันธนาการของมัน

แลมียากัดฟันแน่น นางไม่เคยสัมผัสถึงพลังอันน่าสะพรึงเช่นนี้มาก่อน แม้ว่านางจะเป็นอสุรกายแห่งคำสาป แต่นี่กลับเป็นพลังที่เก่าแก่กว่า—พลังที่อาจเหนือกว่านางเอง

นักล่าถอยหลังไปสองก้าว ดวงตาของเขาฉายแววตื่นตัว ขณะที่สายลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เถ้าถ่านสีดำลอยขึ้นจากรอยแยก คล้ายหมอกพิษที่แพร่กระจายไปทั่วอากาศ

"นี่ไม่ใช่แค่คำสาปของเจ้า มันคือบางสิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้นานเกินไป" นักล่ากล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

แลมียาหันไปมองรอยแยก พลังมืดหมุนวนและขยายออกกว้างขึ้น ภาพจากอดีตพลันแล่นเข้าสู่จิตใจของนาง นางเห็นเหล่าผู้หญิงที่ถูกเฮราสาป เห็นเงาของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจนแม้แต่เทพเจ้าก็ยังหวาดกลัว

“เราไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” นักล่ากล่าว พลางถอยออกไป

แต่แลมียาไม่ขยับ นางรู้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่จะค้นหาความจริงของคำสาปที่ผูกมัดนางมาตลอด พลังเหล่านี้อาจเปิดเผยต้นกำเนิดของสิ่งที่ทำให้นางต้องทนทุกข์

ทันใดนั้น เสียงคำรามต่ำดังขึ้นจากใต้รอยแยก เงาดำขนาดมหึมาค่อย ๆ ปรากฏขึ้น รูปร่างของมันไม่อาจระบุได้แน่ชัด ดวงตาสีแดงเรืองรองมองขึ้นมายังแลมียาและนักล่าราวกับรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา

คืนนี้จะไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างอสุรกายและนักล่าอีกต่อไป แต่เป็นคืนที่ม่านแห่งอดีตจะถูกฉีกกระชาก เงามืดที่ถูกจองจำกำลังจะคืนชีพขึ้นมา พร้อมกับความลับที่ถูกลืมเลือนจากยุคโบราณ

 

บทที่ 6: การคืนชีพของเงามืด

เสียงคำรามต่ำจากรอยแยกขยายกว้างขึ้นก้องไปทั่วรัตติกาล ความมืดไหลเวียนรอบ ๆ ราวกับมีชีวิต เปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นจากพื้นดิน คลื่นพลังแผ่ซ่านออกมารุนแรงจนทำให้ต้นไม้รอบข้างเหี่ยวเฉาไปในพริบตา

แลมียาจ้องมองสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นจากเงามืด นางรับรู้ได้ถึงพลังที่เก่าแก่และแข็งแกร่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากเทพองค์ใด แต่มันเป็นบางสิ่งที่เก่าแก่กว่าโอลิมปัสเอง

“เราควรถอยไปก่อน” นักล่ากล่าว ขยับมือจับดาบแน่นขึ้น พลันกระแสพลังมืดพุ่งเข้าใส่พวกเขา ทั้งสองกระโดดหลบอย่างฉับพลัน พลังนั้นแผ่กว้างออกไป เผาผลาญพื้นที่โดยรอบราวกับมันมีชีวิต

จากเงามืดนั้น สิ่งมีชีวิตรูปร่างสูงใหญ่โผล่ขึ้นมาช้า ๆ เงาของมันสั่นไหวราวกับเกิดจากควันสีดำ ดวงตาสีแดงเรืองรองเป็นจุดเดียวที่แน่นอนของมัน ปากของมันค่อย ๆ เปิดออก เสียงกระซิบแผ่วเบาหลายเสียงดังขึ้นจากความมืด

“ข้าถูกลืม...ข้าถูกทอดทิ้ง...ถึงเวลาคืนชีพแล้ว...”

ร่างมหึมาขยับ พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับโลกกำลังตอบรับการคืนชีพของมัน พลังของมันหนักอึ้งจนแม้แต่แลมียาก็ต้องถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ทั้งความหวาดกลัวและความคาดหวังสับสนอยู่ในจิตใจ

“มันคืออะไร?” แลมียากระซิบถามนักล่า

“เงาแห่งโบราณกาล วิญญาณที่เทพเจ้าลงโทษให้หายไปจากโลกนี้” นักล่าตอบ น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด “และมันไม่ควรจะได้กลับมา”

แสงสีดำแผ่ซ่านออกมา แรงลมพัดรุนแรงขึ้น เถ้าถ่านปลิวว่อนในอากาศ เงามืดยกมือขึ้น และทันใดนั้น ลำแสงสีดำพุ่งตรงไปยังแลมียา นักล่าพุ่งตัวเข้าขวางทันที ดาบอาคมของเขาปะทะกับพลังนั้น เสียงระเบิดดังกึกก้องสะเทือนไปทั่วบริเวณ

แลมียาไม่รอช้า นางรวบรวมพลังทั้งหมด ลำแสงมืดค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นรอบกาย ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและโทสะ นางพุ่งทะยานไปข้างหน้า เล็บแหลมคมพร้อมฉีกกระชากศัตรู ดาบอาคมของนักล่าเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทั้งสองประสานพลังกันเพื่อต่อกรกับเงาแห่งโบราณกาล การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาชีวิตรอด แต่เพื่อกำหนดชะตากรรมของโลกใบนี้

บทที่ 7: สงครามแห่งแสงและเงา

เสียงปะทะของพลังมหาศาลดังสะท้อนไปทั่วรัตติกาล เปลวไฟสีดำหมุนวนอยู่รอบตัวเงาแห่งโบราณกาล มันคำรามด้วยเสียงต่ำและทรงพลัง พื้นดินใต้เท้าแลมียาและนักล่าแตกร้าวจากแรงสั่นสะเทือนของการปะทะ

นักล่าตวัดดาบอาคมของเขา พลังแห่งแสงสว่างพุ่งออกไปปะทะกับเงามืดของศัตรู เสียงระเบิดกึกก้องทั่วทั้งท้องฟ้า ความรุนแรงของพลังทั้งสองทำให้ภูมิประเทศรอบ ๆ บิดเบี้ยวไปในพริบตา

“เราต้องผนึกมันอีกครั้ง!” นักล่าตะโกน พร้อมกับต้านแรงพลังอันมหาศาลของเงามืด

แลมียาแสยะยิ้ม นางรับรู้ได้ว่าศัตรูตัวนี้ทรงพลังเกินกว่าที่คาด แต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการแห่งอดีต นางสะบัดมือ พลังแห่งความมืดของนางหมุนวน และก่อตัวเป็นคมมีดที่ล่องลอยกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเงามืดอย่างไม่ลังเล

เงาแห่งโบราณกาลคำรามอย่างเกรี้ยวกราด พลังของมันปะทุขึ้นราวกับพายุพิโรธ แรงระเบิดมหาศาลทำให้แลมียาและนักล่าถูกซัดกระเด็นออกไป ทั้งสองพยายามยันร่างกายขึ้นมา แต่แรงกดดันของพลังศัตรูทำให้การเคลื่อนไหวยากขึ้นทุกที

“ไม่มีทางที่เราจะสู้มันได้เพียงลำพัง!” นักล่าพูดอย่างรีบร้อน สายตาของเขาสำรวจรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาวิธีสุดท้ายที่จะจบศึกนี้

แลมียาหรี่ตา นางรู้ว่ามีเพียงวิธีเดียวที่สามารถผนึกเงามืดนี้ได้ นางต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี—พลังที่เธอเคยเกลียดชัง แต่ตอนนี้มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยหยุดเงามืดนี้ได้

“ถ้าจะจบเรื่องนี้ ข้าต้องใช้คำสาปของข้าเอง” แลมียากล่าวเบา ๆ ก่อนจะเริ่มร่ายมนต์โบราณ พลังงานมืดเริ่มห่อหุ้มร่างของเธอ แสงสีดำส่องประกายเจิดจ้า มันไม่ใช่พลังของความชั่วร้ายอีกต่อไป แต่มันคือพลังของการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่

เงาแห่งโบราณกาลรับรู้ถึงพลังของนางและพยายามต่อต้าน เสียงคำรามของมันดังสนั่นฟ้า แต่นักล่าไม่ปล่อยให้มันได้โอกาส เขาพุ่งตัวเข้าไปใช้ดาบอาคมโจมตีจุดอ่อนของเงามืด พลังทั้งสองฝ่ายกระแทกกันอย่างรุนแรงจนท้องฟ้าสั่นสะเทือน

ศึกครั้งนี้จะเป็นศึกสุดท้ายของแสงและเงา—และจะกำหนดอนาคตของทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทพ อสูร หรือมนุษย์ ผลลัพธ์ของมันจะสะท้อนผ่านกาลเวลา และตำนานของค่ำคืนนี้จะถูกเล่าขานไปตลอดกาล

 

บทที่ 8: บทสรุปแห่งคำสาป

พลังมืดและพลังแสงปะทะกันอย่างรุนแรงกลางท้องฟ้า เปลวไฟสีดำและแสงอาคมพุ่งเข้าหากันราวกับพายุที่ไม่มีวันสิ้นสุด เงาแห่งโบราณกาลกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อพลังของแลมียาและนักล่ารวมกันเข้าปิดผนึกมัน

ดาบอาคมในมือนักล่าแทงทะลุเงามืด ส่งเสียงสะท้านไปทั่วพื้นปฐพี ขณะเดียวกัน พลังของแลมียารัดรึงวิญญาณของมัน ปิดกั้นไม่ให้มันฟื้นคืนชีพได้อีก

เสียงโหยหวนของเงามืดค่อย ๆ จางลง ร่างของมันสั่นไหวและค่อย ๆ ถูกกลืนกลับลงไปในรอยแยกที่เกิดขึ้นจากพลังคำสาป มันพยายามดิ้นรน แต่พลังของทั้งสองแข็งแกร่งเกินไป

แลมียาใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ ร่างของนางสั่นไหว ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อรับรู้ว่านี่อาจเป็นพลังครั้งสุดท้ายที่นางจะใช้ได้ ก่อนที่คำสาปจะสูญสลายไปตลอดกาล

นักล่ามองนาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเข้าใจและเศร้าใจ “เจ้าจะต้องเลือกแล้วแลมียา ว่าจะเป็นอิสระ หรือจะหายไปพร้อมกับคำสาปนี้”

นางจ้องมองเงามืดที่กำลังถูกกลืนลงไป ดวงตาสีแดงของนางสะท้อนความคิดมากมาย ก่อนที่นางจะตัดสินใจ—

นางยอมรับการปลดปล่อย นางปล่อยพลังคำสาปสุดท้าย ปิดผนึกเงาแห่งโบราณกาลไปตลอดกาล และเมื่อพลังของนางจางลง ร่างของนางก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

นักล่ามองดูแลมียาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เงาแห่งอดีตจะถูกกลบหายไปในความมืด เหลือเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่าน และตำนานของแลมียา… อสุรกายผู้กลายเป็นผู้ไถ่บาป… จะคงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดกาล

เนื้อหาโดย: nuengpaisarn
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
nuengpaisarn's profile


โพสท์โดย: nuengpaisarn
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: jatupong ชื่อท๊อปครับ, ลิลลี่ ไมโครนอส
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชายดวงซวยไปตกปลา แต่ถูกหมีควายตบหน้าแหกแลกหมัดต่อหมัด นายกรัฐมนตรีกับนายวิโรจน์ ปมเรื่องนี้หนี ภาษี เดือดตั้งแต่วันแรกอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่จาน 4 แสน! “เมย์ วาสนา” เปิดบ้านหรู 165 ล้าน เธอคือเจ้าของทะเบียนเลขสวย หนึ่งเดียวในไทย"สม รังสี" ปลุกปั้นให้ "ฮุน มาเนต" ทำสงครามกับไทย..หลังเกิดความขัดแย้งที่ชายแดนตาเมือนธมรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่ 24/03/68 จ้า ท้องฟ้าครึ้มๆ แต่ก็มีแดดออกนะเนี่ย"คิมซูฮยอน" ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในกลุ่ม "RoomN"สุดทึ่ง! ค้นพบโครงสร้างสุดแปลกใต้ "พีระมิด กีซ่า" ที่อาจไขปริศนาสะเทือนวงการโลก?เขมรเจริญขึ้น! จีนสร้างทางด่วนให้ใหม่ทำคุณภาพชีวิตของชาวเขมรดีขึ้นครูสาวท้าผ่านโหนกระแส 'ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยผัวคุณ ถ้ามีหลักฐานอะไรก็เอามาโชว์!' ‎หมิง ไม่มีเจตนาให้คนสะใจพี่ดิวอริสรา กรณีที่ เซบาสเตียน ลีกดไลค์รูปบริษัทสแกมเมอร์ ปิดกิจการ ไม่จ่ายเงินเดือน 15 ชีวิตเคว้ง หนีเข้าไทย ‎เขมรเตรียมเปิดใช้ สนามบินแห่งใหม่แล้ว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดาราดัง "ซึสุ ฮิโรเสะ" เลิกกับ "เคนโตะ ยามาซากิ" แล้วหมิง ไม่มีเจตนาให้คนสะใจพี่ดิวอริสรา กรณีที่ เซบาสเตียน ลีกดไลค์รูปเครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทาง เพราะกัปตันลืมหนังสือเดินทาง!รู้จัก "กี้กี้" วายร้ายในตำนาน 😁 ซีรี่ย์ซุเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นอ.เจษฎา ชี้ชัด! อุ่นอาหารค้างคืนไม่อันตรายเท่าสารหนู แค่ต้องเก็บให้ถูกวิธี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
บัวลอยไข่หวานสูตรพิเศษ หอมหวานมัน อร่อยไม่ซ้ำใครจุดเริ่มต้นของประเทศกัมพูชาวิชามวยกัมพูชา เป็นต้นกำเนิดของมวยไทยจริงหรือ เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวกัมพูชาหล่อที่สุด ในสายตาของชาวกัมพูชาจริงหรือ
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง