ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ หลายคนคงจะทราบข่าวที่ประเทศไทยจะได้ สักการะพระบรมสารีริกธาตุและ
พระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย โดยนำมาประดิษฐาน
ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567 โดยสามารถเข้าสักการะได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. กันบ้างแล้วนะคะ วันนี้จะนำประสบการณ์การเดินทางไปสักการะฯ ที่ท้องสนามหลวงมาให้ได้รับชมกันค่ะ
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาฉันได้มีโอกาสได้ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่ท้องสนามหลวงมาค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าในตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ไปเลยค่ะ แต่บังเอิญในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อนซึ่งไม่คิดว่าจะโทรมาหา อยู่ดี ๆ ก็โทรมาว่าอยากไปวัดทำบุญ ก็เลยคิดได้ว่าในช่วงวันหยุดยาวสามารถไปสักการะฯ ได้ จึงตัดสินใจนัดกับเพื่อนว่าในวันรุ่งขึ้นเราจะไปสักการะฯ กัน
เมื่อถึงวันนัดหมายฉันได้ไปหาเพื่อนที่จุดนัดพบวันนั้นว่าจะเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ สาย 503 ซึ่งสามารถนั่งไปถึงที่ท้องสนามหลวงได้ในคราวเดียว แต่รอแล้ว รออีก ก็ไม่มา จึงคิดหาวิธีใหม่โดยจะขึ้นรถไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และต่อรถไปที่่ท้องสนามหลวงอีกทอดหนึง
ระหว่างที่รอรถอยู่นั้น ก็เห็นรถโดยสารปรับอากาศสาย 34 เขียนด้านหน้าว่าขึ้นทางด่วนไปหัวลำโพง
ซึ่งฉันทราบดีว่าสามารถนั่งไปลงอนุสาวรีย์์ชัยสมรภูมิได้ จึงตัดสินใจขึ้นรถสาย 34 คันนั้นไป และการเดินทางครั้งนี้ทำให้เกิดความคิดใหม่ว่ารถโดยสารคันนี้ ใช้เวลาเดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้รวดเร็วดี
เมื่อมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถจอดให้ลงตรงฝั่งเกาะพญาไท (จุดทีสามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้นั่นเอง สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้บริการรถไฟฟา ก็สามารถเดินขึ้นสะพานลอยและไปยังสถานีรถไฟฟ้าได้เลย) ฉันกับเพื่อนก็ลงจากรถและยกมือไหว้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อให้การเดินทางราบรื่นปลอดภัย
จากนั้นก็เดินไปถามนายสถานีที่ยืนทำหน้าที่อยู่ว่าจะไปสนามหลวงต้องขึ้นรถสายอะไรคะ นายสถานีตอบกลับมาว่า รถโดยสารที่ไปสนามหลวงมีสาย 503 และสาย 59 แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ มีรถบริการเฉพาะกิจให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ และบอกให้เราเดินไปรอ ณ จุดจอดรถอีกทางด้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ลงรถโดยสาร
เราจึงเดินไปตามที่นายสถานีบอก และฉันก็บอกกับเพื่อนว่า โชคดีจังมีรถสำหรับบริการประชาชนที่จะไป
สักการะฯ ด้วย ในระหว่างที่รอรถก็สังเกตเห็นว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังรอรถบริการเช่นเดียวกัน เราใช้เวลารอรถอยู่นาน
พอสมควร ก็มีรถโดยสารครีมแดง ขับมาจอดโดยด้านหน้าจะมีป้ายบอกว่า รถเฉพาะกิจ
เราขึ้นไปนั่งบนรถ และมีอีกหลายคนตามขึ้นมาจนเด็ม รถเริ่มออกจากจุดนั้นและมุ่งหน้าไปที่ท้องสนามหลวง เมื่อไปถึงเราก็ลงรถพร้อมกับคนอื่น ๆ สังเกตด้านล่างก็มีคนยืนรอรถอยู่ คาดว่าหลังจากสักการะฯ แล้ว ทุกคนจะมารอขึ้นรถเพื่อกลับไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในเส้นทางเดิมที่มา
เราเดินเข้าไปในบริเวณท้องสนามหลวงที่จัดพิธีนั้น มีการแจกอาหารพระราชทานให้ได้รับประทานกันด้วย การมาในครั้งนี้เหมือนเราได้รับการต้อนรับรู้สึกประทับใจมาก วันนี้เป็นวันที่ดีมาก ๆ จริง ๆ นอกจากจะได้นั่งรถบริการแล้ว ยังได้รับอาหารพระราชทานอีกด้วย
เรารับอาหารและเดินไปในเส้นทางที่ตรงไปยังพิธีเพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ เมื่อไปถึงบริเวณทางเข้าจะมีเครื่องตรวจความปลอดภัย และเมื่อเดินผ่านประตูไป ทางด้านซ้ายมือจะมีจุดบริการดอกไม้และธูปเทียนในการสักการะฯ ไว้บริการด้วย สามารถหยิบได้ และถัดไปอีกหน่อยจะมีบทบริกรรมคาถาให้เราสวดในระหว่างเดินวนรอบพระบรมสารีริกธาตุฯ
เรารับบทสวดมาอ่านมีใจความสรุปว่า ก่อนที่จะเดินวนรอบพระบรมสารีริกธาตุฯ ควรทำจิตใจให้สงบและอธิษฐานจิต
ให้มั่น ก่อนที่จะเริ่มเดินและสวดบริกรรมคาถาในการบูชาพระบรมสารีริกธาตุฯ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
หลังจากที่ตั้งจิตอธิษฐานแล้ว ก็เริ่มเดินโดยจะระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
เป็นสรณะ ในเวลานั้นอากาศค่อนข้างร้อน บวกกับต้องใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองจาก PM.2.5 จึงทำให้หายใจไม่สะดวกและเหงื่อไหลอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความตั้งใจที่จะเดินให้ครบ 3 รอบ ก็ต้องทำให้สำเร็จ
เมื่อสักการะพระบรมสารีกธาตุเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินออกมาดื่มน้ำที่ซุ้มอาหารพระราชทานที่จัดเตรียมไว้ โดยมีประชาชนมาต่อแถวเพื่อรับน้ำและอาหารจำนวนมาก โชคดีที่เราได้เตรียมน้ำและอาหารบางส่วนมาด้วย จึงได้พอดับกระหายอยู่บ้างในระหว่างที่ต่อแถวรอ
เมื่อรับอาหารและน้ำดื่มมาแล้วก็เดินไปนั่งรับประทานที่เก้าอี้ขาวที่จัดวางไว้ให้กับประชาชนที่มาสักการะฯ
ระหว่างรับประทานอาหาร ก็มีคุณลุงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พูดขึ้นมาว่า หากมาก่อนหน้านี้ไม่มีอาหารพระราชทาน แต่วันนี้โชคดีที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาจึงได้นำอาหารพระราชทานมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมาสักการะฯ
พอได้ยินดังนั้น ฉันบอกกับเพื่อนว่า เราช่างโชคดีจริง ๆ นะ ที่ได้มาในวันนี้ ทำให้ได้รับประทานอาหารพระราชทานจากพระองค์ท่าน รู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเรารับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมารอรถเฉพาะกิจ ณ จุดที่ลงรถในตอนที่มา เรารอรถไม่นาน
รถบริการก็มา เราขึ้นไปนั่งบนรถ มีคนขึ้นมาจำนวนไม่มากเท่าไหร่ เวลานั้นใกล้จะบ่ายโมงแล้ว ยังมีประชาชนทยอยเดินทางมาสักการะฯ กันเพิ่มมากขึ้น
รถบริการพาเราขับผ่านเส้นทางเดิมตรงมายังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่เข้าจอดที่ฝั่งเกาะดินแดง ระหว่างลงจากรถมีชายคนหนึ่งเดินมาที่รถและตะโกนว่า ให้ขอบคุณคนขับรถ ซึ่งตอนนั้นฉันฟังไม่ถนัด แต่ก็หันมายกมือไหว้เป็นการขอบคุณรถคันที่ให้บริการนั้นด้วยความเต็มใจ
เราเดินขึ้นสะพานลอยข้ามไปฝั่งเกาะพหลโยธิน เพื่อจะไปขึ้นรถกลับบ้านในเส้นทางที่ผ่านสะพานใหม่
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับประสบการณ์การเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ ในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะ และหากใครที่จะเดินทางไปสักการะพระบรมสารีรีกธาตุที่ท้องสนามหลวงสามารถไปได้อีกวันคือว้นที่ 3 มีนาคม 2567 นี้นะคะตามเวลาที่ได้แจ้งไว้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามและให้การสนับสนุนเสมอมานะคะ สวัสดีค่ะ