กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เปลี่ยนระเบียบทรงผมทหารใหม่ หญิง-ชายสามารถไว้ยาวได้ หวังดึงดูดคนรุ่นใหม่อยากเป็นทหารมากขึ้น
เดิมทีแล้วระเบียบทรงผมของทหารญี่ปุ่นตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้คือ ทหารชายจะต้องตัดผมเกรียนทั้งหัว ส่วนทหารหญิงจะต้องตัดผมสั้นเท่านั้น แต่ล่าสุดทางกระทรวงกลาโหม ได้การเปลี่ยนระเบียบทรงผมแบบเดิม อนุญาตให้ทหารในกองกำลังป้องกันตนเองไว้ผมยาวขึ้นได้ เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้สนใจอยากเป็นทหารมากขึ้น และจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2024 เป็นต้นไป
โดยทหารชายไม่จำเป็นต้องตัดเกรียน สามารถไว้ผมด้านบนยาวได้ แต่ผมด้านข้างและด้านหลังยังคงต้องตัดสั้นอยู่ ส่วนทหารหญิงไม่จำเป็นต้องตักสั้นแล้ว สามารถไว้ผมยาวได้ แต่เมื่อรวบผมแล้วจะต้องมีความยาวไม่เกินไหล่ และต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการสวมหมวก เมื่ออยู่ในเครื่องแบบทหาร
ที่จริงแล้วกรณีการผ่อนปรนเรื่องทรงผมนี้ มีรายงานออกมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญ ได้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมเปลี่ยนแปลงหรือขจัดกฎระเบียบทางวินัยที่ไร้เหตุผลซึ่งรวมไปถึงระเบียบการไว้ทรงผมด้วย ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม มิโนรุ คิฮาระ (Minoru Kihara) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนกำลังพลอย่างมาก เขาตระหนักดีว่าการแข่งขันกับผู้อื่น รวมถึงภาคเอกชนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อที่จะรักษาผู้มีความสามารถเอาไว้
ดังนั้น เขาในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมจึงเห็นความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานของเจ้าหน้าที่ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ เช่น เรื่องทรงผม และการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างดีนั้น ถือเป็นภารกิจที่เขาต้องดำเนินการ
การผ่อนปรนกฎระเบียบการไว้ทรงผมนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาขาดแคลนทหาร และสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในภูมิภาคย่ำแย่ ซึ่งเกิดจากขยายตัวของกองทัพจีน และการเพิ่มขึ้นของโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นอกจากระเบียบการไว้ทรงผมใหม่ ในปีที่ผ่านมาได้มีรายงานออกมาว่า กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นก็กำลังพิจารณาอนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสัก สามารถเข้าร่วมกองกำลังป้องกันตนเองได้ หลังจากเคยห้ามผู้ที่มีรอยสักสมัครเข้าเป็นทหาร เพราะอาจเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรที่จัดตั้งโดยยากูซ่า
ถึงแม้การประกาศกฎการไว้ทรงผมใหม่ของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น จะเป็นการผ่อนปรนทางระเบียบวินัย แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การประกาศกฎนี้ก็นับเป็นหนึ่งในกุศโลบายที่ช่วยดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เกิดความสนใจอยากเข้าร่วมกองทัพมากขึ้น ท่ามกลางปัญหาอันร้อนระอุของการขาดแคลนกำลังพลและปัญหาค่าจ้างต่ำ รวมถึงข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดทางเพศในกองทัพ