ดาหลา ดอกไม้ไทยสาระพัดประโยชน์
ดาหลาเป็นไม้ดอกที่มีมายาวนาน และมีสาระพัดประโยชน์มามาย ทั้งใช้บูชาพระ ตกแต่งแจกันดอกไม้ รวมถึงนำมาทำเป็นอาหารอีกด้วย สันนี้เราจะมาแนะนำกันครับ
ต้นดาหลา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith) เป็นพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยวชนิดหนึ่งซึ่งมีดอกที่สวยงาม มีความนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก ที่อยู่ในวงศ์ขิง (Zingiberales)[1] ซึ่งจัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับขิงและข่า ส่วนลำต้นดาหลาจะอยู่ใต้ดินที่เรียกว่าเหง้าซึ่งเป็นจุดกำเนิดของหน่ออ่อนของต้นดาหลาต่อไป
ต้นดาหลานอกจากจะนำมาเป็นไม้เพื่อชมความสวยงามของดอกแล้วยังสามารถนำดอกมาประกอบอาหารได้และก็มีคุณค่าทางสมุนไพรสูง
พืชล้มลุก (ExH) สูงประมาณ 5 เมตร[3] เป็นพืชตระกูลเดียวกับข่าและขิง มีลําต้นใต้ดินเป็นเหง้าหัว ลําต้นเหนือพื้นดินเป็น กาบ หุ้มรอบกันแน่นทรงกระบอก
ใบดาหลา เป็นใบเดี่ยว ลักษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปหอก สีเขียวมันเข้ม ปลายใบแหลม กว้าง 20 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม.
ดอกดาหลา ออกเป็นช่อเดี่ยวที่ปลายก้านซึ่งแทงขึ้นมาจากเหง้า ใต้ดิน ก้านช่อดอกเป็นปล้องยาวประมาณ 1.5 เมตร ดอกสีแดง อมชมพูหรือสีขาว กลีบดอกหนาเรียบเป็นมันซ้อนกันหลายชั้น โคนกลีบดอกเรียบเป็นมันสีแดง ปลายกลีบสีขาว กลีบนอกใหญ่ กลีบในเล็ก และลดขนาดลงเรื่อย ๆ จนถึงวงชั้นใน ปลายกลีบ แบะออกมีจะงอยแหลม ออกดอกตลอดปี มีมากช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม
ผลดาหลา รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2–2.5 ซม. มีขนนุ่ม
สายพันธุ์
ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์บัวแดงใหญ่ พันธุ์แดงอินโด พันธุ์ตรัง 3
ดอกสีแดงเข้ม ได้แก่ พันธุ์ตรัง 5
ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์บานเย็น พันธุ์ตรัง 4
ดอกสีขาว ได้แก่ พันธุ์ตรัง 1
ดอกสีบานเย็น ได้แก่ พันธุ์ตรัง 2
การขยายพันธุ์
พันธุ์ ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
การแยกหน่อ ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนําไปปลูก คือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อน กึ่งแก่ประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีดตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อนๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นําไปชําในถุงพลาสติก 1 เดือน เพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนนําไปปลูก
การแยกเหง้า โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนําไปชําในแปลงเพาะชํา วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก
การปักชําหน่อแก่ โดยนําไปชําในแปลงเพาะชําให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลง
ปัจจัยการเจริญเติบโต
แสง
ดาหลาเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรำไรหรือที่ร่มไม้ยืนต้น ถ้าหากโดนแดดจัดเกินไปสีของกลีบประดับจะจางลง และทําให้ใบไหม้
ฤดูปลูก
การปลูกดาหลาสามารถปลูกได้ทุกฤดู แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุด คือ ฤดูฝน เริ่มตั้ง แต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งดาหลาจะมีการเจริญเติบโตทางด้านลําต้นและแตกหน่อ ช่วงที่ดาหลาแตกหน่อได้มากคือ เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม แต่ในที่ที่มีน้ำเพียงพอไม่จําเป็นต้องรอฤดู
การเตรียมแปลง
พื้นที่ดอน
ทําการพรวน ตากดินไว้ประมาณ 5 – 7 วัน และย่อยดินให้ละเอียดเก็บวัชพืชออกให้หมด
พื้นที่ลุ่ม
ทําการขุดยกร่องสวนมีคูนํ้าลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตร แปลงปลูกกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตาขนาดของพื้นที่ และมีการไถพรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด
การเตรียมดิน
การเตรียมดินโดยไถพรวนดินแล้วขุดหลุมปลูกจากนั้นใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมในกรณีที่ปลูกดาหลาแบบไม่ยกร่องสวนจะทําการไถปรับดินให้สมํ่าเสมอ เพิ่มปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรา 1 : 25 แล้วขุดหลุมปลูกแบบเดียวกับการปลูกแบบยกร่องสวนนี้อาจปลูกแซมในไม้หลัก เช่น ไม้ผล
ระยะปลูก
การปลูกดาหลาจะไม่มีระยะปลูกที่แน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของเกษตรกรเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเกษตรกรจะปลูกในระยะ 2 x 2 เมตร
การปลูก
โดยใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้วโดยสังเกตให้หน่อนั้นๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทําการกลบดินให้สูง ประมาณ 6 นิ้วรดนํ้าให้ชุ่มอาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลําต้นกันต้นโยก
การดูแลรักษา
การให้ปุ๋ย
จะให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 – 3 เดือนต่อครั้งซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัตถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่างๆ หรือลําต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่องมาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโคนต้นซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง
การใหน้ำ
ดาหลาเป็นพืชที่ต้องการนํ้าในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดนํ้าให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้งแต่ต้องคํานึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้นโดยใช้ระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม่ยกร่อง
การป้องกันกำจัดวัชพืช
ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มากทําให้กอแน่น ใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกําจัดวัชพืชจะต้องกระทํามากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมากๆ จะทําให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื่นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทําการกําจัดวัชพืชมากนัก
โรคและแมลง
ยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสําคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสําคัญดังนี้
หนอนเจาะลําต้น
ลักษณะการทําลาย เข้าทําลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลําต้น ทําให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโตและไม่สามารถให้ออกดอกได้
การป้องกันกําจัด ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบๆโคนต้น หรืออาจใช้เซฟวิน
มดแดง
ลักษณะการทําลาย กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทําให้กลีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุดๆ
การป้องกันกําจัด เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ยาฆ่ามด
การเก็บเกี่ยว
ดอกดาหลาที่ มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแทงหน่อดอก ตัดดอกใน ช่วงเช้าโดยการตัดก้านดอกให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่ก้านดอกลงในถังที่มีน้ำบรรจุอยู่
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
ดอกดาหลาที่ตัดมาแล้วจะนํามาแช่ในนํ้าสะอาด เพื่อป้องกันการเหี่ยวใช้ถุงพลาสติกใส่ห่อ ดอกแต่ละดอก เพื่อป้องกันไม่ให้กลีบดอกห้อยและชํ้า จากนั้นจึงนําถังที่บรรจุดอกไม่ขึ้นไปส่งให้แก่พ่อค้า อายุการปักแจกัน ดอกดาหลาเมื่อตัดจากต้นแล้วนํามาปกแจกันในนํ้าสะอาดจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3 – 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ราคาดาหลา
ดอกดาหลามีราคาสูงหรือตํ่าต่างกันขึ้นกับปัจจัยหลายด้าน เช่น แหล่งปลูกผู้รับซื้อ และผู้ปลูกเอง ดอกดาหลามีราคาตั้งแต่ 8-50 บาท ต่อดอก นอกจากนี้ยังมีการขายหน่อพันธุ์ซึ่งราคาขายก็ต่างกัน เช่นเดียวกับดอก คืออยู่ในช่วง 50 – 300 บาทต่อหน่อ
ปัจจุบันราคาหน่อพันธุ์ดาหลายังคงสูงอยู่ เกษตรกรผู้ปลูกดาหลาปัจจุบันจึงได้รายได้จากการขยายหน่อพันธุ์ด้วย แต่เนื่องจากดาหลาขยายพันธุ์ได้ไม่ยากนัก และมีเกษตรกรบางรายขยายพันธุ์ดาหลา โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จึงคาดว่าต่อราคาพันธุ์จะต่ำลง และมีการขยายพื้นที่ปลูกเป็นการค้าเพื่อการตัดดอกมากขึ้น