หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดาหลา ดอกไม้ไทยสาระพัดประโยชน์

เนื้อหาโดย ote1986

ดาหลาเป็นไม้ดอกที่มีมายาวนาน และมีสาระพัดประโยชน์มามาย ทั้งใช้บูชาพระ ตกแต่งแจกันดอกไม้ รวมถึงนำมาทำเป็นอาหารอีกด้วย สันนี้เราจะมาแนะนำกันครับ

ต้นดาหลา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith) เป็นพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยวชนิดหนึ่งซึ่งมีดอกที่สวยงาม มีความนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก ที่อยู่ในวงศ์ขิง (Zingiberales)[1] ซึ่งจัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับขิงและข่า ส่วนลำต้นดาหลาจะอยู่ใต้ดินที่เรียกว่าเหง้าซึ่งเป็นจุดกำเนิดของหน่ออ่อนของต้นดาหลาต่อไป

   ต้นดาหลานอกจากจะนำมาเป็นไม้เพื่อชมความสวยงามของดอกแล้วยังสามารถนำดอกมาประกอบอาหารได้และก็มีคุณค่าทางสมุนไพรสูง

พืชล้มลุก (ExH) สูงประมาณ 5 เมตร[3] เป็นพืชตระกูลเดียวกับข่าและขิง มีลําต้นใต้ดินเป็นเหง้าหัว ลําต้นเหนือพื้นดินเป็น กาบ หุ้มรอบกันแน่นทรงกระบอก

 

ใบดาหลา เป็นใบเดี่ยว ลักษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปหอก สีเขียวมันเข้ม ปลายใบแหลม กว้าง 20 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม.

ดอกดาหลา ออกเป็นช่อเดี่ยวที่ปลายก้านซึ่งแทงขึ้นมาจากเหง้า ใต้ดิน ก้านช่อดอกเป็นปล้องยาวประมาณ 1.5 เมตร ดอกสีแดง อมชมพูหรือสีขาว กลีบดอกหนาเรียบเป็นมันซ้อนกันหลายชั้น โคนกลีบดอกเรียบเป็นมันสีแดง ปลายกลีบสีขาว กลีบนอกใหญ่ กลีบในเล็ก และลดขนาดลงเรื่อย ๆ จนถึงวงชั้นใน ปลายกลีบ แบะออกมีจะงอยแหลม ออกดอกตลอดปี มีมากช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม

ผลดาหลา รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2–2.5 ซม. มีขนนุ่ม

สายพันธุ์

ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์บัวแดงใหญ่ พันธุ์แดงอินโด พันธุ์ตรัง 3

ดอกสีแดงเข้ม ได้แก่ พันธุ์ตรัง 5

ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์บานเย็น พันธุ์ตรัง 4

ดอกสีขาว ได้แก่ พันธุ์ตรัง 1

ดอกสีบานเย็น ได้แก่ พันธุ์ตรัง 2

การขยายพันธุ์

พันธุ์ ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง

 

ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

การแยกหน่อ ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนําไปปลูก คือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อน กึ่งแก่ประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีดตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อนๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นําไปชําในถุงพลาสติก 1 เดือน เพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนนําไปปลูก

การแยกเหง้า โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนําไปชําในแปลงเพาะชํา วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก

การปักชําหน่อแก่ โดยนําไปชําในแปลงเพาะชําให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลง

ปัจจัยการเจริญเติบโต

แสง

ดาหลาเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรำไรหรือที่ร่มไม้ยืนต้น ถ้าหากโดนแดดจัดเกินไปสีของกลีบประดับจะจางลง และทําให้ใบไหม้

ฤดูปลูก

การปลูกดาหลาสามารถปลูกได้ทุกฤดู แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุด คือ ฤดูฝน เริ่มตั้ง แต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งดาหลาจะมีการเจริญเติบโตทางด้านลําต้นและแตกหน่อ ช่วงที่ดาหลาแตกหน่อได้มากคือ เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม แต่ในที่ที่มีน้ำเพียงพอไม่จําเป็นต้องรอฤดู

การเตรียมแปลง

พื้นที่ดอน

ทําการพรวน ตากดินไว้ประมาณ 5 – 7 วัน และย่อยดินให้ละเอียดเก็บวัชพืชออกให้หมด

พื้นที่ลุ่ม

ทําการขุดยกร่องสวนมีคูนํ้าลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตร แปลงปลูกกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตาขนาดของพื้นที่ และมีการไถพรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด

การเตรียมดิน

การเตรียมดินโดยไถพรวนดินแล้วขุดหลุมปลูกจากนั้นใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมในกรณีที่ปลูกดาหลาแบบไม่ยกร่องสวนจะทําการไถปรับดินให้สมํ่าเสมอ เพิ่มปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรา 1 : 25 แล้วขุดหลุมปลูกแบบเดียวกับการปลูกแบบยกร่องสวนนี้อาจปลูกแซมในไม้หลัก เช่น ไม้ผล

ระยะปลูก

การปลูกดาหลาจะไม่มีระยะปลูกที่แน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของเกษตรกรเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเกษตรกรจะปลูกในระยะ 2 x 2 เมตร

 

การปลูก

โดยใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้วโดยสังเกตให้หน่อนั้นๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทําการกลบดินให้สูง ประมาณ 6 นิ้วรดนํ้าให้ชุ่มอาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลําต้นกันต้นโยก

การดูแลรักษา

การให้ปุ๋ย

จะให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 – 3 เดือนต่อครั้งซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัตถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่างๆ หรือลําต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่องมาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโคนต้นซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง

การใหน้ำ

ดาหลาเป็นพืชที่ต้องการนํ้าในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดนํ้าให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้งแต่ต้องคํานึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้นโดยใช้ระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม่ยกร่อง

การป้องกันกำจัดวัชพืช

ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มากทําให้กอแน่น ใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกําจัดวัชพืชจะต้องกระทํามากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมากๆ จะทําให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื่นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทําการกําจัดวัชพืชมากนัก

โรคและแมลง

ยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสําคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสําคัญดังนี้

หนอนเจาะลําต้น

ลักษณะการทําลาย เข้าทําลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลําต้น ทําให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโตและไม่สามารถให้ออกดอกได้

การป้องกันกําจัด ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบๆโคนต้น หรืออาจใช้เซฟวิน

มดแดง

ลักษณะการทําลาย กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทําให้กลีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุดๆ

การป้องกันกําจัด เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ยาฆ่ามด

การเก็บเกี่ยว

ดอกดาหลาที่ มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแทงหน่อดอก ตัดดอกใน ช่วงเช้าโดยการตัดก้านดอกให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่ก้านดอกลงในถังที่มีน้ำบรรจุอยู่

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว

ดอกดาหลาที่ตัดมาแล้วจะนํามาแช่ในนํ้าสะอาด เพื่อป้องกันการเหี่ยวใช้ถุงพลาสติกใส่ห่อ ดอกแต่ละดอก เพื่อป้องกันไม่ให้กลีบดอกห้อยและชํ้า จากนั้นจึงนําถังที่บรรจุดอกไม่ขึ้นไปส่งให้แก่พ่อค้า อายุการปักแจกัน ดอกดาหลาเมื่อตัดจากต้นแล้วนํามาปกแจกันในนํ้าสะอาดจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3 – 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ราคาดาหลา

ดอกดาหลามีราคาสูงหรือตํ่าต่างกันขึ้นกับปัจจัยหลายด้าน เช่น แหล่งปลูกผู้รับซื้อ และผู้ปลูกเอง ดอกดาหลามีราคาตั้งแต่ 8-50 บาท ต่อดอก นอกจากนี้ยังมีการขายหน่อพันธุ์ซึ่งราคาขายก็ต่างกัน เช่นเดียวกับดอก คืออยู่ในช่วง 50 – 300 บาทต่อหน่อ

ปัจจุบันราคาหน่อพันธุ์ดาหลายังคงสูงอยู่ เกษตรกรผู้ปลูกดาหลาปัจจุบันจึงได้รายได้จากการขยายหน่อพันธุ์ด้วย แต่เนื่องจากดาหลาขยายพันธุ์ได้ไม่ยากนัก และมีเกษตรกรบางรายขยายพันธุ์ดาหลา โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จึงคาดว่าต่อราคาพันธุ์จะต่ำลง และมีการขยายพื้นที่ปลูกเป็นการค้าเพื่อการตัดดอกมากขึ้น

เนื้อหาโดย: ote1986
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ote1986's profile


โพสท์โดย: ote1986
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: ote1986
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ความฝัน ทำไมเราจึงฝัน ความฝันเป็นลางบอกเหตุ หรือบอกอะไรกับเรา ?ศิลปินใช้เวลาหนึ่งปีในการตัดแถบกระดาษที่ยาวที่สุดในโลกจาก A4 แผ่นเดียวหุ่นยนต์เล็กชักชวนหุ่นยนต์ใหญ่ให้เดินออกจากโชว์รูมของบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ ผู้ผลิตกังวลถึงความสามารถที่มากเกินไปการทดลองของมนุษย์ที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์"หล่อเกินมนุษย์! นายแบบโพสต์รูป 'คุณพ่อ' เบ้าหน้าดี 10 ปีไม่เปลี่ยน ไวรัล 11 ล้านวิว"MIT ตั้งเป้าสร้างสมองหุ่นยนต์ใหม่ที่ใส่ได้กับทุกตัวมิสยูนิเวิร์ส 2024 จากรอง2 สู่คนมงจักรวาล คนแรกของเดนมาร์กสรุป 5 หัวข้อใหญ่การอัปเดต Google Chrome กดใช้ AI ในปุ่มเดียว"รองอันดับ 3 Miss Universe 2024 โอปอล สุชาตา รับเงินรางวัลกี่บาท?"ไฮยีนากินไส้ตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงสิงโตคำตอบหวานจับใจ เดนมาร์ก คว้ามงแรก Miss Universe 2024👑"ฮาไม่ไหว! ปู่สุดหล่อสมัยหนุ่ม ไวรัลหลังหลานย้อมผมผิดสี หวิดโดนไล่จากบ้าน"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ฮาไม่ไหว! ปู่สุดหล่อสมัยหนุ่ม ไวรัลหลังหลานย้อมผมผิดสี หวิดโดนไล่จากบ้าน"วัดถ้ำเสือ อันซีนท่าม่วงกาญจนบุรีสรุป 5 หัวข้อใหญ่การอัปเดต Google Chrome กดใช้ AI ในปุ่มเดียวแสงเหนือ (Aurora Borealis) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศชั้นสูง เกิดจากการปะทะกันระหว่างอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ (Solar Wind) กับอนุภาคในชั้นบรรยากาศโลก👑 Miss Universe 2024 Victoria Kjaer from Denmarkไฮยีนากินไส้ตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงสิงโต
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
หุ่นยนต์เล็กชักชวนหุ่นยนต์ใหญ่ให้เดินออกจากโชว์รูมของบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ ผู้ผลิตกังวลถึงความสามารถที่มากเกินไปK-Engineering WiL...ทำได้ วิศวลาดกระบัง...ถึงได้ทำ เดินหน้าต่อเนื่อง สร้าง Gen​ Engineering Model ตอบโจทย์บริษัทชั้นนำภาคอุตสาหกรรมป่าคำชะโนด หรือ วังนาคินทร์คำชะโนดทำไมหญิงในวังหลวงเป็นชนชั้นสูง ขณะที่ขันทีเป็นชาวฮั่น?
ตั้งกระทู้ใหม่