หอเชอรี่เลี้ยงง่ายรายได้ครึ่งแสน/เดือน
ยุคสมัยนี้ด้วยราวได้ค่าใช้จ่ายค่าคลองชีพที่สูงมาก ทำให้มีผู้คนมากมายหันมาหาอาชีพเสริมทำกันวันนี้เรามีอีพเสริมมาแนะนำกันคับ ใช้พื้นที่น้อย ดูแลง่าย แถมยังสร้างรายได้เดือนหลักมีหรือหลักแสนกันเลยที่เดียว อาชีพเสริมที่ว่านั้นคือ " การเลี้ยงหอยเชอร์รี่ " นั้นเอง เราสามารขายได้ทั้ง เนื้อและไข่เลยคับ หรือจะทำมาแปลรูเป็นกับข้าวก็ยังได้ เราไปดูกันเลยคับว่ามีขั้นตอนอะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหอยเชอร์รี่กันก่อนเลย
หอยเชอรี่ (Golden apple snail)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Pomacea canaliculataLamarck
วงศ์: Ampullariidae
อันดับ: Mesogastropoda
ชื่อสามัญอื่น: หอยโข่งเหลือง, หอยเปาฮื้อน้ำจืด
รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ : หอยเชอรี่ Pomacea canaliculata Lamarck เป็นหอยทากน้ำจืดชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายหอยโข่งแต่เปลือกมีสีอ่อนกว่าคือมีสีเขียวเข้มปนดำผสมกับแถบสีจางๆพาดตามความยาวเปลือก บางตัวมีสีเขียวเข้มปนดำ บางตัวมีสีเหลืองปนน้ำตาล
ขั้นตอนและวิธีการดูแลหอยเชอรี่สีทอง
ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แค่เตรียมบ่อเลี้ยงให้พร้อม เติมน้ำในบ่อให้สูงราว 30-40 เซนติเมตร นำแหนหรือพืชน้ำใส่ลงในบ่อ จากนั้นนำพ่อแม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทองมาเลี้ยงในบ่อเดียวกัน หลังหอยเชอรี่ผสมพันธุ์ก็จะขึ้นมาวางไข่บริเวณผนังบ่อ จากนั้นประมาณ 7-14 วัน ไข่หอยเชอรี่เปลี่ยนเป็นสีออกน้ำตาลเข้ม เราก็แกะเอาไข่หอยไปอนุบาลในบ่อแยก ประมาณ 45 วันจึงจะนำมาเลี้ยงในบ่อไซซ์ขุน และเริ่มให้อาหารเป็นอาหารเม็ดปลาดุกขนาดเล็ก รวมทั้งพืชน้ำทุกชนิด โดยให้กินพืชที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ใบหม่อน ชะพลู มันเทศ เตยหอม วันละ 1 ครั้ง ทำการเปลี่ยนน้ำในบ่อทุก 3 วัน เนื่องจากหอยชนิดนี้ชอบอยู่ในน้ำใส หอยที่โตเต็มที่สามารถนำไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ จะเป็นหอยที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ก็จะย้ายไปเลี้ยงไว้ในบ่อพ่อแม่พันธุ์พร้อมขาย
ช่องทางการตลาด
มีขายออนไลน์ และมีลูกค้าในชุมชนแวะเวียนมาอุดหนุนที่ฟาร์ม ซึ่งการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองนี้ สามารถขายได้ตั้งแต่ไข่ของหอย ราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท ไซซ์ขุน ส่วนพ่อแม่พันธุ์ ขายในราคาคู่ละ 20-300 บาท แล้วแต่ขนาด ซึ่งนอกจากจะนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์แล้ว ยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู โดยตั้งแต่ที่เพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองมาระยะเวลา 5 เดือน ทำให้ครอบครัวของตนเองมีรายได้เพิ่มขึ้น และทางสำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียนได้เข้ามาให้การสนับสนุนทางด้านการประชาสัมพันธ์ โดยมีการทำเฟซบุ๊กไลฟ์ร่วมกับทางฟาร์ม ทำให้ฟาร์มแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจ นำไปเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย
การฟักไข่
โดยปกติของหอยเชอรี่ หลังจากที่มีการผสมพันธุ์กัน ประมาณ 1-3 วัน ก็จะมาขึ้นไข่ตามผนังบ่อหรือตามวัสดุอื่นๆที่เราเตรียมไว้ จากนั้นประมาณ 2 วันเราจะทำการเก็บไข่จากบ่อพ่อแม่พันธุ์มาทำการฟัก โดยทางฟาร์มจะมีวิธการฟักในกล่องพลาสติกหรือจะเป็นจำพวกกล่องโฟมหรือกล่องอื่นๆอะไรก็ได้
วิธีการเก็บไข่
ให้สังเกตุที่สีของไข่ จะมีเป็นสีชมพูเข้มและมีน้ำเกาะอยู่ รอประมาณ 1-2 วัน เราจึงจะทำการเก็บไข่ได้ เนื่องจากการแข็งตัวยังไม่มากพอ เมื่อเราเก็บจะทำให้การดูแลรักษาทำได้ง่ายนั่นเอง เมื่อเราเก็บไข่มาแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการนำไปฟัก
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการฟักไข่
1.กล่องพลาสติกหรือกล่องโฟมขนาดหรือแบบไหนก็ได้
2.กระดาษทิชชู่หรือกระดาษขาว
ขั้นตอนการฟักไข่
1.รองพื้นกล่องพลาสติกด้วยกระดาษทิชชู่ประมาณ 2-3 ชั้น
2.นำไข่หอยที่เก็บมาจากบ่อมาวางเรียงกันในกล่องพลาสติก
3.จากนั้นจะนำไปไว้ในบ้าน ใช้เวลาประมาณ 12-15 วัน รอจนกว่าจะมีการฟักออกมาเป็นตัวทั้งหมด
4.เมื่อมีการฟักแล้ว เราจะยกทั้งแผ่นกระดาษทิชชู่ออกมาจากกล่องพลาสติกแล้วนำไปวางไว้ในบ่อฟัก หอยตัวเล็กๆก็จะมีการกินอาหารทิชชู่
5.ผ่านไปประมาณ 15-20 วัน ให้อาหารเป็นแหนแดง สาหร่ายหางกระรอกเป็นหลัก
ระยะเวลาในการฟัก
หลังจากฟักเสร็จประมาณ 20-30 วัน ลูกหอยเชอรี่จะโตขึ้นประมาณเท่าหัวไม้ขีดไฟ อัตราการรอดจากการฟักแบบนี้ มีอัตราการรอดสูงถึง 90 % เนื่องจากเทคนิคการฟักไข่หอยเชอรี่บางฟาร์มจะใช้วิธีการใส่ตะแกรงแล้วเวลาฟักจะทำให้ลูกหอยตกลงไปในบ่อ สำหรับเทคนิคในวันนี้จะช่วยลดอัตราการฝ่อของไข่ และยังช่วยปรับอุณหภูมิของหอย ทำให้หอยไม่ตายนั่นเองครับ สำหรับท่านไหนที่กำลังเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ลองนำวิธีนี้ไปใช้ในฟาร์มของท่านดูนะครับ
นอกจากนี้เราสามรถเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติได้อีกด้วยสำหรับผู้มีพื้นที่ หรือต้องการทำเป็นอาชีพหลัก
วิธีเลี้ยงหอยเชอรี่แบบบ่อดินหรือแบบกระชัง
เลี้ยงในกระชังน้ำและบ่อดิน อิงธรรมชาติจัดการง่าย โดยการเลี้ยงของที่ฟาร์มจะแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. หากเป็นการเพาะขยายพันธุ์จะเลี้ยงในกระชังน้ำ เพื่อง่ายต่อการเก็บคัดแยก ป้องกันการผสมกับหอยเชอรี่ทั่วไปที่พบในแหล่งน้ำ
2. การเลี้ยงเพื่อแกะเอาเนื้อจะปล่อยลงบ่อดินให้เติบโตไปตามธรรมชาติ
เตรียมบ่อเตรียมกระชังหัวใจสำคัญในการเลี้ยง
การเตรียมบ่อและน้ำก่อนปล่อยพ่อแม่พันธุ์เป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงหอยเชอรี่ ซึ่งบ่อดินจะได้เปรียบเพราะเป็นสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติอยู่แล้ว ยิ่งพื้นที่นั้นเคยใช้ทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมียิ่งไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่หลังเตรียมบ่อใส่น้ำแล้ว ทิ้งระยะลองสังเกตความเปลี่ยนแปลงสัก 1 เดือนว่าสภาพน้ำเป็นอย่างไร
ถ้าใสหลังเอากระชังลงไปวางและทำหลักเรียบร้อยจะใส่ผักตบชวา แหนแดง จอกหูหนูลงไปเพิ่ม หลังจากนั้นคอยสังเกตดูอีกว่าผักที่ใส่ลงไปเขียวสวยดีหรือไม่ ถ้าดีและน้ำใสดีแล้วให้นำหอยพ่อแม่พันธุ์หรือลูกพันธุ์ลงเลี้ยงได้เลย
การเลี้ยงในบ่อดิน 1 เดือนแรกไม่ต้องให้อาหาร เพราะมีอาหารธรรมชาติคือพืชน้ำชนิดต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ให้ หลัง 1 เดือนขึ้นไปจะมีอาหารเสริม คือ อาหารปลาดุกใหญ่ โปรตีน 15 เปอร์เซ็นต์ โดยจะโรยให้ตามขอบบ่อ บ่อละ 1 กำมือ ให้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พอหอยอายุ 2-3 เดือนขึ้นไปจะผสมรำ 1 ส่วน กับอาหารปลาดุกใหญ่ 2 ส่วน
ข้อดีของอาหารปลาดุกใหญ่คือลอยน้ำได้นาน เนื่องจากหอยจะกินอาหารที่ลอยไม่ลงไปหาอาหารที่ก้นบ่อ ส่วนอาหารที่ขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือ ไม้น้ำและแหนแดงที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี บ่อไหนหมดก็จะคอยเติมให้มีกินอยู่ตลอด
หอยจะเริ่มผสมพันธุ์กันเมื่ออายุได้ 3 เดือน แต่ถ้าสมบูรณ์ต้องอายุ 4 เดือนขึ้นไป หอยเชอรี่จะชอบวางไข่ที่สูง เช่นตามยอดผักตบชวา ตามมุ้งกระชัง ใน 1 วันจะได้มากถึง 100 รัง หรือหลอด (ที่เห็นเป็นก้อนยาว ๆ สีชมพู) จะเก็บทุก 2-3 วัน/ครั้ง มาเพาะขยายพันธุ์ ระหว่างนั้นถ้ามีการสั่งซื้อเข้ามาก็จะนำไข่ที่เก็บมาเตรียมขยายพันธุ์แบ่งจำหน่ายไปด้วยเลย ซึ่งลูกค้าที่ซื้อไปก็สามารถนำไปฟักเลี้ยงต่อได้เลย ด้วยวิธีการ “อบหอย”
การอบหอยเบื้องต้นนำไข่ใส่ภาชนะตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติ หลังจากไข่เริ่มเปลี่ยนสีจากสีชมพูสดมาเป็นชมพูจาง ๆ หรือออกขาวจะนำมาใส่กล่องพลาสติกปิดฝาให้แน่นเพื่ออบไข่ ไม่เกิน 4 วันไข่จะเริ่มฟักเป็นตัว หลังจากนั้นก็เอาลงกระชังน้ำในบ่อดินที่เตรียมไว้ได้เลย โดยปัจจุบันสนนราคาของไข่หอยเชอรี่ 1 รังจะขายกันประมาณ 30-50 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดว่าเล็กใหญ่ขนาดไหน
ส่วนการเลี้ยงเพื่อแกะเนื้อจำหน่าย ซึ่งเป็นความตั้งใจของคุณธนากรที่กำลังเปิดรับลูกฟาร์มเพื่อสานฝันร่วมกันอยู่ จะใช้เวลาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จนได้หอยเชอรี่สีทองขนาดน้อง ๆ ไข่เป็ดไข่ไก่ สนนราคาเนื้อหอยเชอรี่สีทองจะอยู่ที่ 150 บาท/กิโลกรัม
คุณธนากรมองว่า ความนิยมบริโภคหอยเชอรี่มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา นิยมใส่ส้มตำ ลาบ หรือย่างเสียบไม้ขาย แม้เริ่มจากทางแถบภาคอีสาน แต่ต้องไม่ลืมว่าคนภาคอีสานมีอยู่ทั่วประเทศ และคนในภาคอื่น ๆ ก็เริ่มรู้จักและหันมารับประทานเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีช่องทางจำหน่ายไปยังเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว
การเลี้ยงเพื่อแกะเนื้อจะเป็นตลาดที่ยั่งยืนในอนาคต ไม่อย่างนั้นปริมาณอาจเยอะจนล้นตลาด เพราะมันขยายพันธุ์ได้เร็วมาก แต่ถ้ามีการแกะเนื้อขายจะทำให้มีความต้องการอยู่ตลอด ทำให้อาชีพเลี้ยงหอยเชอรี่ทองมีตลาดแน่นอน มั่นคง ทำเป็นอาชีพเสริมได้ อาชีพหลักก็ยังไหว ที่สำคัญกำเงินมา 1-2 พันบาทก็เริ่มเลี้ยงได้แล้ว