Bugatti Type 57 SC Atlantic ตำนานที่หายไป สู่ตำนานที่แพงที่สุด
Bugatti ต้องการระลึกถึงสุดยอดยานยนต์ของค่าย ที่สูญหายไปอย่าง Type 57 SC Atlantic จึงได้ส่ง Bugatti La Voiture Noire มาสานต่อตำนาน และตอกย้ำถึงความเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นที่สุดในหลายด้าน รวมไปถึงราคาค่าตัวที่แพงที่สุด ของรถยนต์ใหม่เท่าที่เคยมีมา
Bugatti Type 57 SC Atlantic เป็นรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบโดย Jean Bugatti ( ณอง บูกัตติ ) ลูกชายของ Ettore Bugatti ( เอตโตเร่ บูกัตติ ) ผู้ก่อตั้ง Bugatti ความพิเศษของมันอยู่ที่ผลิตออกมาเพียง 4 สี 4 คันในโลกเท่านั้น
โดยผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1936 – 1938 ด้วยวิธีการผลิตแบบ hand-crafted เป็นงานทำมือทั้งคัน มีขั้นตอนและวิธีการผลิตที่ยาก อีกทั้งต้องอาศัยฝีมืออันละเอียดอ่อนเป็นมาก ทำให้โรงงานผลิตและจำหน่ายรถรุ่นนี้เพียง 3 คันเท่านั้นในโลก ซึ่งอีก 1 คัน ไม่ได้ออกวางขายให้กับลูกค้าทั่วไป
หมายเลขแชสซีส์ 57374 สี : เทาเมทัลลิก – น้ำเงิน
ถูกผลิตขึ้นคันแรกในปี ค.ศ. 1936 ให้กับนายธนาคารชาวอังกฤษนามว่า Victor Rothschild ต่อมารถคันนี้ถูกรู้จักในชื่อ Rothschild Atlantic และถูกจำหน่ายครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 2010 ในราคากว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้ที่ได้ครอบครองคือ Peter W. Mullin ( ปีเตอร์ ดับบลิว มัลลิน ) เป็นนักธุรกิจและผู้ใจบุญชาวอเมริกัน เขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้มีพระคุณของพิพิธภัณฑ์มัลลินยานยนต์ ตั้งอยู่ใน Oxnard แคลิฟอร์เนีย ซึ่งปัจจุบันรถคันนี้ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนั้น
หมายเลขแชสซีส์ 57473 สี : สีฟ้าอ่อน
คันต่อมาผลิตให้กับ Jacques Holzschuh ชาวฝรั่งเศส รู้จักกันในชื่อ Holzschuh Atlantic ถูกส่งต่อมาถึงเจ้าของคนที่สอง จากนั้นรถได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟชน จนมีสภาพพังยับเยิน และถูกขายทอดตลาดให้กับพ่อค้าเศษเหล็ก
หลังจากนั้นจึงถูกซื้อต่อโดยนักสะสมนิรนาม และเริ่มทำการซ่อมแซมใหม่ แต่ผลจากการชน ทำให้เครื่องยนต์เสียหายอย่างรุนแรง ชิ้นส่วนเดิมส่วนใหญ่จึงถูกแทนที่ด้วยของใหม่ดังนั้นมูลค่าของรถจึงลดลงอย่างมาก ปัจจุบันถูกจัดแสดงเป็นรถจำลองใน Torrota ประเทศสเปน
หมายเลขแชสซีส์ 57591 สี : สีน้ำเงินแซฟไฟร์
ผลิตให้กับ Briton R.B. Pope รถคันนี้ถูกเรียกว่า Pope Atlantic ส่งต่อมาถึงเจ้าของคนปัจจุบัน คือ ราล์ฟ ลอเรน ( Ralph Lauren ) นักออกแบบชื่อดัง ซึ่งได้มันมาครอบครองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 และถูกเปลี่ยนเป็นสีดำในภายหลัง
ความพิเศษคือมีเพียงรถคันนี้คันเดียวเท่านั้น ที่ยังสามารถขับขี่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มูลค่าของมันจึงพุ่งไปที่ราว ๆ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,270 ล้านบาท ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Mullin Automotive Museum ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
หมายเลขแชสซีส์ 57453 สีเดิม : สีดำ
รถคันนี้ไม่ได้ผลิตมาเพื่อการค้า แต่สั่งทำออกมาเป็นพิเศษสำหรับ Jean Bugatti ผู้ออกแบบ โดยผลิตเองเพื่อใช้ส่วนตัวและเพื่อนคนใกล้ชิด รู้จักกันในนามภาษาฝรั่งเศส La Voiture Noire อันมีความหมายว่า The Black Car หรือรถสีดำ อีกทั้งยังใช้เป็นรถโมเดลสำหรับถ่ายภาพเพื่อโปรโมทรถหรูจากค่ายของพ่อนั่นเอง
ต่อมาในช่วงสงครามรถคันนี้กลับ สูญหาย ไปอย่างไร้ร่องรอย คาดว่าน่าจะเป็นผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังเยอรมนีบุกเข้าฝรั่งเศส จนถึงตอนนี้ก็ยังหารถคันนี้ไม่เจอ และยังคงเป็นปริศนา ให้ฉงนถึงการสาบสูญ จนถึงทุกวันนี้
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Bugatti Type 57 SC Atlantic La Voiture Noire เป็นรถในตำนานที่สูญหายอันโด่งดัง เล่าขานในวงการนักสะสมรถคลาสสิคหรูว่าถ้าหากมีใครค้นพบรถคันนี้อีกครั้ง รับรองว่าต้องมีผู้ที่ยินยอมจ่ายเงินมูลค่ามหาศาลเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของมัน ซึ่งมีการตีมูลค่ารถคันนี้ไว้สูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ทำให้ ขึ้นแท่นกลายเป็นรถที่แพงที่สุดในโลกระดับตำนานที่ไม่อาจมีรถคันใดมาแทนเทียบได้
ต่อมาในปี 2019 Bugatti ได้แสดงความเคารพและระลึกถึง ต่อรถรุ่นในตำนานของค่าย Bugatti Type 57SC Atlantic ด้วยการเปิดตัว Hyper Car ไฮเปอร์คาร์ รุ่นใหม่ในสายการการผลิต ในงาน Geneva International Motor Show 2019 ภายใต้ชื่อ Bugatti The La Voiture Noire พร้อมเตรียมขึ้นแท่นเป็นรถแพงที่สุดในโลกในทันที
ที่มาของชื่อ La Voiture Noire เปรียบเหมือนเป็นการสานต่อรถในตำนานคันนั้นที่หายไปตาม รถสีดำ ในต้นฉบับของ Bugatti Type 57 SC Atlantic และรถคันที่หายไปนั้นเป็นรถคันที่ 2 ในสายการผลิตซึ่งเป็นคัน สีดำ นั่นเอง ทำให้ดีไซน์ของ Bugatti The La Voiture Noire มีการนำเสน่ห์ของรถต้นฉบับในมาสอดแทรกไว้หลาย ๆ จุด แทบทั้งคัน
Bugatti The La Voiture Noire จึงถูกส่งมาเป็นของต่างหน้าของตำนานบทดังกล่าว โดยมาในสีดำเช่นกัน ซ้ำยังออกแบบเส้นสาย ให้คล้ายคลึงกับตำนานที่หายไปด้วย และหนึ่งในจุดเด่นคือกระจกบานหน้า ที่เชื่อมต่อกับกระจกด้านข้างอย่างไม่มีสะดุด ราบลื่นราวกับกระจกบังลมในหมวกกันน็อคเลยทีเดียว
ขุมพลังของ Bugatti The La Voiture Noire เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 16 สูบ ขนาด 8.0 ลิตร กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ส่งไอเสียผ่านท่อไอเสีย 6 ท่อ ที่เรียงเป็นแผงอยู่ท้ายรถ เพื่อให้เพียงพอกับขนาดเครื่องยนต์ และเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ขุมพลังใต้ฝากระโปรงทรงพลังเพียงใด
Bugatti The La Voiture Noire เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพียงคันเดียวในโลก พร้อมเตรียมขึ้นแท่นเป็นรถแพงที่สุดในโลกในทันที สนนราคารถอยู่ที่ 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (613 ล้านบาท) ถือเป็นรถยนต์ใหม่ที่มีราคาจำหน่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือมีแฟนพันธ์แท้ของ Bugatti มาสู่ขอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้รถรุ่นใหม่อย่าง Bugatti The La Voiture Noire ที่เปิดราคามาว่าแพงสุดในโลกแล้ว แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับรถต้นฉบับที่หายากระดับตำนาน Bugatti Type 57SC Atlantic คันที่หายสาบสูญ ที่ราคาสูงกว่าถึง 5 เท่าตัว Bugatti รถแพงที่สุดในโลก อาจจะฟังดูเป็นเรื่องเกินจริง แต่เมื่อเทียบกับเรื่องมูลค่าทางจิตใจ ยังไงก็ไม่อาจทดแทนกับรถคันที่หายไปของ Jean Bugatti ได้อย่างแน่นอน
LOMA🐬🐬