บรอกโคลี ผักมหัศจรรย์ ป้องกันมะเร็ง
บรอกโคลี หรือกระหล่ำดอกอิตาลี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica oleracea L.var.italica Plenck ถิ่นกำเนิดอยู่ในยุโรบตอนใต้ แถบปรัเทศอิตาลี ปัจจุบันนี้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย และได้รับการพ้ฒนาสายพันธุ์ให้ทนต่อสภาพอากาศ จึงสามารถปลูกในจังหวัดเพชรบูรณ์ กรุงเทพฯ นตรสวรรค์ และจังหวัดอื่นๆได้แพร่หลายมากขึ้น
ทั้งครัวฝร้งและครัวไทยต่างนิยมนำบรอกโคลีมาประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นผักที่มีรสชากรอบ อร่อย และไม่มีกลิ่นฉุน อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัย พบว่าบรอกโคลีเป็นผักมหัสจรรย์ เพราะอุดมไปด้วย วิตามินซี เอ อี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ไนอะซิน เหล็ก กรดโฟลิก แมกนีเซี่ยม และสังกะสี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันเกร็ดเลือดแข็งตัว เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ปีองกันโรคเบาหวาน ไขข้ออักเสบ หลอดเลือดหัวใจตีบ และต้อกระจก
นอกจากนี้ข้อมูลจาก กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า บรอกโคลี มีสารซัลเฟอราเฟน (Sulforaphane) และเบต้าแคโรทีนช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งปอด เต้านม ลำใส้ใหญ่ เป็นต้น
ปลูกบรอกโคลีไว้เป็นผ้กสวนครัว
อิ่มท้อง อุ่นใจ เพราะได้กินผ้กสดไร้สารพิษและห่างใกลมะเร็ง
1. ผสมดินกับขุยมะพร้าว อีตราส่วน 4ต่อ1 ลงในกระเพาะต้นกล้าขนาด 6 หลุม (หาซื้อได้ที่ร้านขายดินเกษตรสำหรับปลูกพืช)
2. รดน้ำให้ดินชุ่ม โรยเมล็ดบรอกโคลี 3 - 5 เมล็ดลงไปในแต่ละหลุม กงมดินบางๆ รดน้ำทุกวัน เช้าและเย็น ประมาณ 10 - 20 วัน ต้นกล้าบรอกโคลีจะมีใบเลี้ยง2ใบ
3. แยกต้นกล่าลงปลูกใกระถางพลาสติกหรือกระถางเคลือบที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร เพื่อให้บรอกโคลีเจริญเติบโตได้เต็มที่ โดยใช้ดินปลูกเป็นดินผสมปุ๋ยหมัก อ้ตราส่วน 3 ต่อ 1 เทลงในภาชนะปลูก ประมาณ 3 ใน 4 ของกระถาง
4. รดน้ำเบาๆ นำกระถางปลูกไปตั้งไว้บริเวณที่แสงแดดส่องรำไร 7 วัน จากนั้นจึงยกกระถางไปตั้งในบริเวณที่แสงแดดส่องถึงในช่วงเวลา 7.00 น. - 11.30 น.
5. รดน้ำทุกวัน เช้า - เย็น ใส่ปุ๋ยหมัก 1 - 2 กำมือบริเวณรอบโคนต้นบรอกโคลีทุกๆ 7 - 10 วัน