หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เมื่อไรจะรู้ว่ารัก - ตอน : หลีกเลี่ยง

เนื้อหาโดย nok19800

 

นิยายเรื่อง เมื่อไรจะรู้ว่ารัก

 

จากนามปากกา : มาศอุไร (บ้านนิยายกนกรส)
 
ลิงค์สำหรับเข้าโหลดซื้อนิยาย (เมื่อไรจะรู้ว่ารัก) :  https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3Mzk5OCI7fQ
 

คำโปรย...
ต้องยกถังใบโตใบนี้ขึ้นเทินด้านบนลังไม้นั่น มือทั้งสองข้างเกร็งจนแลเห็นเส้นเลือดโปนเริ่มมีอาการสั่นน้อยๆ เรี่ยวแรงก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆถดถอยลง
งามเด่นใจหายวาบตอนถังเปล่าทำท่าจะเอียงล้ม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ตั้งใจฮึดสู้ใหม่ หากเรียวแขนเล็กมันกลับไม่เป็นดั่งใจ เหมือนจะอ่อนยวบจนทำให้ถังทั้งใบทำท่าจะเอียงล้มทับมายังร่างตัวเอง
หญิงสาวหลับตาปี๋ ทำใจยอมรับความเจ็บปวด กำลังจะเกิดขึ้น หนนี้ไม่แขนก็ขาต้องพิการเป็นแน่...
รอจนกระทั่งเหมือนตัวเองจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนบางอย่างจากอากาศ แผ่นหลังของเธอก็เหมือนกำลังสัมผัสถูกอะไรแข็งๆแต่ให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่น เปลือกตาปิดสนิทจำต้องขยับเปิดขึ้นมอง ใบหน้าขาวใสขมวดมุ่น นี่ตาเธอฟาดหรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนตอนถังหล่นใส่
เธอมีแขนสี่แขนตั้งแต่เมื่อไร
แต่เอ๊ะ! ตัวถังยังไม่ล้มกระแทกทับเธอสักหน่อย สมองจะกระทบกระเทือนได้ยังไง...
"ถ้าจะกรุณา ช่วยขยับตัวออกหน่อยจะได้ไหม? มันหนัก"
คำสั่งห้วนสั้นตามแบบฉบับ หากก็ทำให้คนตกใจหันหน้าไปมองขวับ รีบปล่อยมือจากถังพลาสติกหนักอึ้งทันที
"อะ!นายกร!"
สิ้นเสียงตระหนกปลายจมูกโด่งรั้นดันกดเข้าหาแผงอกกว้างเข้าเต็มเปา งามเด่นได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำกลิ่นสปอร์ตสำหรับผู้ชาย ผิวแก้มทั้งสองข้างเห่อร้อน หัวใจเต้นระทึกครึกโครมกับอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา กรกนกกำลังก้มมองมายังเธอด้วยนัยน์ตาเอือมระอา หัวคิ้วเขาขมวดมุ่น เพราะว่าต้องรับน้ำหนักของถังทั้งใบที่ถูกโอนมายังเขาคนเดียว
"จะแต๊ะอั๋งฉันอีกนานไหม ถ้านาน ก็ช่วยหลบให้ฉันยกถังขึ้นเก็บให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพราะว่ามันหนัก..."
 

 

(หลีกเลี่ยง)

 

รถเก๋งคันหรูแล่นเข้ามาเทียบจอดแถวบริเวณหน้าตึกสูงสิบชั้น ย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งหอพักสำหรับนักศึกษา แน่นอนว่าตึกหลังนี้เป็นตึกค่อนข้างราคาเช่าต่อเดือนแพงระยับ เพราะว่าค่อนข้างมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงและยังค่อนข้างเป็นส่วนตัว

 ทางฝั่งคนขับปรากฏร่างเพรียวระหงของสาวใหญ่ที่ยังคงความงดงามไว้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง กมลาสวมแผ่นตาดำ เดินฉีกยิ้มกว้างอ้อมหน้ารถสวมกอดร่างหนากำยำขึ้นทุกๆปี เธอแตะผิวแก้มใสของลูกชายตัวแสบอย่างรักใคร่ แล้วกดปลายจมูกหอมเสียงดังฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวา กรกนกก็ทำเช่นนั้นตอบกลับมารดาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติอย่างไม่เคอะเขิน

 “รอแม่นานไหมกร พอดีมีอุบัติเหตุก่อนจะถึงสี่แยกไฟแดง...แม่เลยต้องเสียเวลารอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเขาเคลียร์พื้นที่อยู่ตรงนั้นเป็นนานเลย ขยับรถไปไหนก็ไม่ได้ มันติดไปหมด...”  

“ไม่นานหรอกครับแม่ กรเองก็เพิ่งกลับมาจากทำธุระที่มหาวิทยาลัยเหมือนกัน” เขาบอกแม่แล้วโอบไหล่ให้แม่เดินมานั่งฝั่งผู้โดยสารแทน

“เดี๋ยวผมขับให้แม่นั่งสบายๆเองครับ” บอกแล้วเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับ พลันหางตาข้างหนึ่งสะดุดเข้ากับใครบางคนเข้าโดยบังเอิญ

เหมือนเขาจะเห็นงามเด่นยืนจ้องเขาอยู่แวบๆตรงหลังเสาไฟ กรกนกเพ่งสายตามองกลับไปยังจุดนั้น  คิ้วเรียวยาวดกหนาขมวดเข้าหากันมุ่นเพราะเขามองไม่เห็นเจ้าหล่อน หรือเขาจะตาฝาดไปเอง...

กรกนกไหวไหล่พลางมุดร่างสูงของตัวเองเข้านั่งประจำที่คนขับ เขาหันมองมารดาเล็กน้อย เช็กว่าท่านคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วหรือยังก่อนจัดการสตาร์ทรถ บังคับพวงมาลัยขับออกจากตรงลานจอดรถหน้าตึกหอพัก...

งามเด่นก้าวออกมาจากจุดซ่อน เจ้าตัวผ่อนลมหายใจยาวเหยียด รู้สึกโล่งอกไปที เกือบถูกจับได้เสียแล้วไหมล่ะเรา...

ครั้นชะเง้อคอมองจนไม่เห็นท้ายรถยนต์ราคาคงหลักเฉียดสิบล้าน งามเด่นก็เดินเอื่อยมาจนถึงป้ายรถประจำทาง ร่างกลมกลึงขยับหลีกเพื่อนร่วมเดินทางที่พากันยืนแออัด บ้างก็พากันเดินสวนกันไปมา ปลายจมูกโด่งรั้นได้กลิ่นเหงื่อไคลด้วยเพราะอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว แล้วไหนยังเป็นช่วงเวลาเร่งรีบสำหรับการเดินทางกลับเข้าบ้านของแต่ละคนอีก

งามเด่นได้แต่นึกอิจฉาคนมีรถคันหรูขับ ได้นั่งตากแอร์เย็นฉ่ำสบาย  เธอสูดลมหายใจลึกดวงตาเลื่อนลอย ลองจับหน้าอกด้านซ้าย ทำไมมันถึงได้รู้สึกโหวงเหวงชอบกล ...

-----------------------------------

สองแม่ลูกต่างพากันเดินควงแขนขึ้นบันไดเลื่อนมาจนถึงชั้นรวมของบรรดาร้านอาหารหลากหลาย แม้ต้องเสียเวลาฝ่ารถติดกว่าจะผ่านมาได้แต่ละสี่แยกไฟแดงไม่ใช่เรื่องง่าย หากกลิ่นของความหรูหราก็ทำให้กมลาหายเบื่อหน่ายเป็นปลิดทิ้ง

 เธอรู้สึกคุ้มค่ากับที่ต้องทนหงุดหงิดก่อนเดินทางมาถึง...

“มีคนแอบนินทาเราด้วยจ้ะ”

  เจ้าตัวหัวเราะชอบใจตอนกระซิบบอกลูกชาย บังเอิญเธอเหลือบสายตาปะทะเข้ากับสายตาบางคู่ที่ทำท่ากำลังจ้องนินทามาทางนี้อยู่พอดี คงจะเข้าใจกันผิด คงคิดว่าเธอควงหนุ่มน้อยมาเดินห้างสรรพสินค้าเป็นแน่...

“คุณแม่ยังไม่ชินอีกหรือครับ ส่วนผมชินเสียแล้วล่ะครับ...”

“ชินสิ แต่แม่ว่ามันดูตลกดี”

“ก็คุณแม่ของผมสวย แถมยังหน้าเด็กกว่าอายุจริงตั้งเยอะ“ และตัวเขาก็ได้จุดเด่นของแม่มาชนิดครบครันเสียด้วย

“เอ...ลูกชายแม่ปากหวานแบบนี้ อยากได้รางวัลพิเศษอะไรหรือเปล่า”

กมลาดักคอด้วยสีหน้าแช่มชื่น เธออารมณ์ดีมากกว่าเดิม เหตุเพราะก่อนขับรถไปรับลูกชาย เธอเพิ่งโทรนัดหมายเจอกับมิ่งขวัญ พรุ่งนี้เย็นอนุต้องพาลูกค้าซึ่งบินมาดูงานทานข้าว แล้วเลยพาไปเลี้ยงต้อนรับยังไนต์คลับ กว่าเขาจะกลับเข้าบ้านคงดึกมาก เธอมีเวลาหลายชั่วโมงสำหรับตักตวงความสุขให้ตัวเอง เพียงแค่นึกถึงโพรงอกเธอก็รู้สึกหวามหวั่น

“คุณพ่อมาถึงแล้วครับนู่น...”

อนุส่งสัญญาณด้วยการโบกมือให้เมียกับลูกชาย ทั้งคู่จึงตรงเข้าไปหา ก่อนจะพากันเดินเข้าร้านอาหารชื่อดัง อนุเดินเข้าไปโอบไหล่ภรรยาคงงามที่ถูกขนาบด้วยลูกชายตัวสูง ภาพนั้นชวนดึงสายตาของคนโดยรอบอย่างอัตโนมัติ เป็นภาพครอบครัวแสนอบอุ่นอย่างน่าอิจฉา...

--------------------------------------

งามเด่นมองหาที่นั่งพักขาได้ตรงแถวบริเวณหน้าศูนย์ร้านอาหาร จัดการวางกระเป๋าสัมภาระหนักอึ้งไว้บนเก้าอี้ด้านข้าง ก้มหน้าควานมือหากระดาษเปียกในกระเป๋าพร้อมกับจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้รู้สึกสดชื่น จนรู้สึกคลายอาการเมื่อยขาทั้งสองข้างมาหน่อย แต่บ่าทั้งสองข้างก็รู้สึกปวดจนคล้ายกับเป็นตะคิว งามเด่นยกมือทุบๆปากก็เอาแต่บ่นพึมพำ

 “อย่าสำออยไปหน่อยนักเลยยายเด่น เธอไม่ใช่ลูกคุณหนูมาเกิดเหมือนกับ...” งามเด่นชะงักคำบ่นพร้อมกับถอนหายใจยาว

อีกแล้ว...ทำไมต้องไปนึกถึงแต่หมอนั่นด้วยก็ไม่รู้  

 เพราะนอกจากต้องแบกสังขารมาให้ถึงที่นัดหมาย บนบ่าเธอยังต้องทนแบกปึกเอกสารจำนวนหนึ่งมาด้วย งามเดนรับจ้างตรวจความถูกต้องของตัวอักษรในเอกสารสัญญาให้กับพี่ชายต่างบิดา เธอรับมาทำเป็นงานอดิเรกพอได้ค่าขนมในแต่ละเดือน ปกติพี่มิ่งขวัญต้องขับรถไปรับเอกสารที่หน้าหอ วันนี้เขาติดธุระบอกว่าให้เธอช่วยนั่งรถประจำทาง หอบเอาเอกสารมาส่งคืนเขาที่นี่ แล้วจะเพิ่มค่าเหนื่อยพร้อมกับเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่

คนเห็นแก่เงินแล้วก็เห็นแก่กินพอสมควรรีบรับปากโดยไม่อิดออด เธอไม่เลือกนั่งแท็กซี่ เพราะคำนวณค่ามิเตอร์คงไม่น่าคุ้มกับเงินค่าจ้าง...เผลอๆเธอจะขาดทุนเอาเสียด้วย ดังนั้นงามเด่นจึงเลือกนั่งรถประจำทาง...คิดว่าทนเบียดเอาหน่อยประเดี๋ยวก็ถึง ขนาดเผื่อใจว่าจะต้องเหนื่อยมันก็ยังอดบ่นไม่ได้...

ครั้นพอได้นั่งพักขาจนหายเหนื่อย เธอจึงล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาพี่ชาย มิ่งขวัญยังขับรถมาไม่ถึงแต่ก็ใกล้มากทีเดียว เขาจึงให้เธอเดินขึ้นไปรอยังชั้นบนซึ่งเป็นโซนของร้านอาหารโดยเฉพาะ

งามเด่นหาที่นั่งใกล้กับทางขึ้นของบันไดเลื่อน รอสักพักมิ่งขวัญก็เดินมาหา เขายีหัวน้องสาวคนสุดท้องแสดงอาการทักทาย งามเด่นที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้ง เผลอปัดมือของพี่ชายทิ้ง

“พี่มิ่งทำไมชอบเล่นหัวน้อง ประเดี๋ยวก็ได้ฉี่รดที่นอนกันปะไร”

เธอบ่นเขาเสียงกระเง้ากระงอด ทำให้มิ่งขวัญคลี่ยิ้มกว้าง นึกเอ็นดูน้องคนนี้มากกว่าอีกคน รายนั้นชอบสร้างแต่เรื่องปวดหัว

“โตเป็นสาวขนาดนี้ยังจะฉี่รดที่นอนเหมือนตอนเด็กๆอีกหรือไงฮะเรา คุณน้าคงปวดหัวแย่ที่มีลูกสาวอย่างเธอ...” 

ความสัมพันธ์ระหว่างสามคนพี่น้อง งามเด่นค่อนข้างสนิทสนมกับมิ่งขวัญมากกว่างามละเมียด พี่ชายที่อายุห่างกันพอสมควร ทำให้งามเด่นรู้สึกเกรงอกเกรงใจเขาเป็นพิเศษ อีกอย่างพี่มิ่งขวัญก็ไม่เคยทำตัวโอ้อวดพูดจาทับถมเธอเหมือนกับพี่สาว รายนั้นไม่รู้เป็นยังไงชอบโทรมาข่มเธออยู่เรื่อย

“ใครว่า เด่นคือความภูมิใจของพ่อต่างหากละ...”

“เอาละๆ พี่ไม่อยากเถียงด้วยหรอก แล้วไหนล่ะ งานของพี่”

“นี่ค่ะ...พี่มิ่งลองตรวจดูความเรียบร้อยอีกทีก็แล้วกันนะ แต่เด่นรับรองว่าเรียบร้อยทุกกระบวนการ”

 เธอปลดสายกระเป๋าผ้าบนบ่าส่งให้พี่ชายนำไปถือแทน เขาพยักหน้ารับมันมาถือไว้ราวกับมันเบาโหวง

“ไปเถอะ...”

 ความหล่อเหลาที่มาพร้อมกับรูปร่างราวกับนายแบบ ช่วยเรียกสายตารอบข้างให้เมียงมองมาด้วยความสนใจ งามเด่นทำทีเป็นเชิดหน้าเดินกระแซะเข้าใกล้คนหล่อ แน่นอนละว่าสายตาหลายคู่มองมาด้วยความอิจฉา บางคนถึงกับแอบทิ้งสายตาหวานเชื่อมผ่านมาทางเธอ แล้วทะลุผ่านไปให้ถึงใครอีกคนที่ดูเหมือนว่าชอบนัก...กับการบริหารเสน่ห์ของตัวเอง

 งามเด่นค้อนควักด้วยความรู้สึกหมั่นไส้...นี่ก็อีกคนไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญด้วยครีมทาหน้าหรือไง ถึงได้เกิดมาหน้าตาดีกว่าเธอที่เป็นผู้หญิง

“วันหลังช่วยแต่งตัวให้มันดูเบากว่านี้หน่อยก็ดีนะพี่มิ่ง เด่นละเบื่อแม่พวกสาวๆทั้งหลาย ตางี้...แทบจะถลนออกมานอกเบ้า”

มิ่งขวัญเลิกคิ้วแล้วก็หัวเราะ เขาดึงร่างกลมกลึงของน้องสาวมาโอบไว้หลวมๆ ก่อนจะพากันเดินมายังร้านอาหาร

“เข้าร้านนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้พี่หิวจนแสบท้องไปหมด กว่าจะตกลงธุระกันเสร็จ เหนื่อยแทบตาย” งานเหนื่อยเงินก็ได้น้อยแต่เขาก็ยังต้องอดทนทนทำเพราะไม่อยากให้ความลับแตก

“เชิญเจ้ามือเดินนำก่อนเลยค่า...”

พี่ชายเธอหมุนตัวเดินเลยร้านที่งามเด่นคิดว่าเขาจะพามาเลี้ยง มันเป็นร้านอาหารที่เคยได้ยินชื่อแถวอนุสาวรีย์ และมีหลายสาขาในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่มิ่งขวัญเดินนำเข้ามา มันดูหรูหราราคาคงแพงหูฉีก พอก้มมองการแต่งตัวเหมือนกับเด็กกะโปโลงามเด่นเลยต้องรั้งแขนของมิ่งขวัญให้หยุดเดิน

“เดี๋ยวก่อนสิพี่มิ่ง...”

เขาหันมาส่งสายตารำคาญ...

“จะกินข้าวร้านนี้จริงๆเหรอ เด่นว่ามันไม่เหมาะกับพวกเราละมั้ง”

เอาเถอะ...หมายถึงเธอคนเดียวก็ได้ ในเมื่อพี่มิ่ง ถ้าสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีตรงไหนเฉียดเข้าใกล้คำว่าปอน เสื้อเชิ้ตที่สวมดูก็รู้ว่ามันมียี่ห้อ กางเกงกับรองเท้าก็ไม่ใช่ของตลาดนัดแน่ๆ พอทุกชิ้นมันแขวนอยู่บนตัวเขา แน่นอนว่าไม่ต่างจากนายแบบกำลังเดินเที่ยวห้าง

 “อย่าเรื่องมากน่ายายเด่น...พี่เลี้ยงอะไรก็กินๆเข้าไปเถอะ จะได้โตไวไวทำงานหาเงินเลี้ยงคุณน้าได้เร็วๆอย่างที่เด่นต้องการไง”

“เอางั้นเหรอ...”

“อืม...เอางี้แหละ ร้านไหนก็เหมือนกัน เรามีเงินจ่ายไม่ได้มาขอเขากินเสียหน่อย คิดมากทำไมยายน้องบ้านคนนี้...”

“ก็ได้ค่ะ...”

 คนรับคำเดินก้มหน้าก้มตาตามแผ่นหลังกว้างเข้ามาภายในร้านหรูหรา ข้างในมีการเปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศให้ดูโมเดิร์นจนงามเด่นหดตัวเหลือนิดเดียว เครื่องปรับอาการด้านนอกที่ว่าเย็นยังต้องยอมแพ้ให้กับความเย็นด้านในเลยด้วยซ้ำ พนักงานบริการในชุดฟอร์มเก๋ไก๋เข้ามาทำความเคารพ สอบถามว่าต้องการกี่ที่ งามเด่นฝืนยิ้มส่งให้ พยายามกดความประหม่าภายในใจให้ลดน้อยลง ถึงอย่างนั้นงามเด่นก็ไม่กล้ากวาดตามองรอบตัวหรอก เธออายเครื่องแต่งกายออกปอนๆของตัวเอง...

ต่างกับมิ่งขวัญ รายนี้ดูจะคล่องแคล่วไม่ประดักประเดิด

 เขาเดินตามหลังพนักงานต้อนรับสาวด้วยท่วงท่ามั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม พนักงานท่าทางสุภาพพาทั้งเขาและงามเด่นมาจนถึงโต๊ะอาหารริมผนังด้านในสุด มิ่งขวัญเอี้ยวหน้าลงมองน้องสาวคนละพ่อแล้วก็ได้แต่นึกขำ

“นั่งสิยัยบ๋อง แล้วก็ช่วยเลิกทำหน้าราวกับตัวตลกสักที พี่อายคนอื่นเขานะรู้ไหม”  เขาส่งเสียงดุไม่จริงจัง พลางดันไหล่ให้น้องสาวนั่งลงยังเก้าอี้นำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนตัวเดินอ้อมมานั่งยังฝั่งตรงข้าม เอื้อมรับเมนูอาหารมาเปิดสั่งด้วยน้ำเสียงคล่องแคล่ว

 “รับแค่นี้ก่อนครับ” เขาส่งเมนูคืนพนักงานเสิร์ฟ เงยหน้าขึ้นมองแม่น้องสาวสุดเชย พลางส่ายหัวระอา

“จะตื่นเต้นอะไรนักหนาฮะเรา จะร้านอาหารแบบไหน มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ก็แค่สั่งอาหารที่เราอยากกินตามเมนูที่เขายื่นให้ พออาหารมาเสิร์ฟเราก็แค่ตักกินเข้าทางปาก ไม่ได้ให้ลอยตัวกินสักหน่อย” คนถูกสอนมองค้อนตาคว่ำ

“พี่มิ่งก็พูดได้สิ ดูชุดที่เด่นใส่เข้าร้านอาหารหรูระดับนี้ มันดูได้เสียที่ไหน” น้องสาวทำหน้าบึ้ง

“ถ้าไม่ได้แก้ผ้ามาก็ไม่เห็นต้องอายใคร”

ครั้นพอมิ่งขวัญเอนหลังพิงพนักเบาะ รออาหารมาเสิร์ฟ พลันสายตาของเขาเหมือนกำลังถูกสายตาจากโต๊ะไม่ไกลจับจ้องมา ชายหนุ่มเลยเบี่ยงนัยน์ตาคมกล้ามองไปยังจุดนั้น นิ้วเรียวกระดิกพร้อมกับดวงตาทรงเสน่ห์หลุบลงต่ำ

ลูกค้ากระเป๋าหนักนั่งอยู่กับครอบครัวของเจ้าหล่อน พรุ่งนี้เธอโทรมานัดหมายเขาในช่วงเย็น แต่เขาก็มีความเป็นมืออาชีพพอ โดยที่ไม่แสดงท่าทางผิดปกติ...

กมลาเองยังนึกหวั่นใจในตอนแรก อารมณ์อิ่มเอมใจเกือบมอดดับในทันทีที่สายตาเธอปะทะเข้ากับผู้ชายใต้สังกัด ก็คนมันมีชนักปักอยู่กลางหลัง ถึงต่อให้หัวใจโหยหาความสุขจากสิ่งบำรุงบำเรอสักแค่ไหน หากในวินาทีนี้เธอไม่อาจแลกมันด้วยความอบอุ่นของครอบครัว...

แต่ดูเหมือนมันจะไม่รอดพ้นสายตาของพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน...

กรกนกนิ่วหน้า พร้อมกับตั้งคำถามที่ช่วยดึงสายตาของคนเป็นพ่อหลุดออกจากหน้าจอโทรศัพท์ 

“คุณแม่เจอคนรู้จักหรือครับ”

“ใครหรือที่รัก...”

คนถูกสงสัยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เจ้าตัวโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ใช่... 

“ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัวหรอกค่ะคุณ... แค่คนหน้าคล้ายที่แม่เคยรู้จักเท่านั้นเองจ้ะลูก ก็เลยเผลอมองนานหน่อย...” ท้ายประโยคเธอเอี้ยวตัวมาตอบลูกชายที่นั่งอยู่เคียงกัน ก่อนแสร้งยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ หลุบนัยน์ตากังวลมองเพียงผ้าคลุมโต๊ะสีสวย

ลูกชายเธอขานรับคำสั้นๆในลำคอ “ครับ”

กรกนกพยักหน้าลงกลายๆ หากภายในใจเขากลับสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างระหว่างพ่อกับแม่ เขาว่ามันแปลกๆไม่เหมือนเดิม มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นตอนเขาไม่อยู่บ้าน จากปกติบนโต๊ะอาหารที่เคยมีแต่เสียงพูดคุยหยอกล้อ มาวันนี้กลับดูเงียบงันปราศจากคำสนทนาอย่างที่เคย ทั้งที่อย่างน้อยๆพ่อต้องเล่าเรื่องภายในบริษัทให้เขาฟัง ส่วนแม่ก็จะพลอยเออออตามไปกับพ่อทุกๆเรื่อง  มาตอนนี้อีกคนก็เอาแต่นั่งจ้องไปยังโต๊ะตัวด้านหน้า ส่วนอีกคนก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับหน้าจอมือถือ...

กรกนกสั่งตัวเองไม่ให้คิดมาก เขาโตพอจะไม่มานั่งจับผิดคนในครอบครัวตัวเอง แต่มันก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เขาจึงลองเพ่งสายตาตรงไปยังโต๊ะริมผนัง เขาเห็นหน้าตาของผู้ชายชัดเจน แต่กับผู้หญิงเขาเห็นเพียงแผ่นหลังบอบบาง กับทรงผมมัดสูงเผยให้เห็นต้นคอระหง ถ้าจะไม่ทำให้หัวใจเขากระตุกเลยเมื่อกรกนกคุ้นเคยกับบุคลิกเจ้าของแผ่นหลังนั่นพอสมควร...

ทำไมเหมือนกับ งามเด่น...

 

---------------------------------

 

 * สามารถเข้าอ่านนิยายฉบับเต็มได้ตามลิงค์นี้เลยนะคะ (ธัญวลัย) * -  https://www.tunwalai.com/story/692703

อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1520893

เนื้อหาโดย: nok19800
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
nok19800's profile


โพสท์โดย: nok19800
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"แช่หรือไม่แช่? อ.เจษฎ์ชี้ชัด ซีอิ๊ว-ซอสหอยนางรม หลายบ้านทำผิด!"6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์แอฟ ทักษอร และ นนกุล คู่รักสุดอบอุ่น รับบทช่างภาพคู่ เฝ้ากองเชียร์ น้องปีใหม่ โชว์ความสามารถบนเวที
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ผีป่าอาถรรพ์:"ผีป่าทมิฬ"ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"นิยายวาย : เดิมพันรักนักพนันแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์
ตั้งกระทู้ใหม่