(เมื่อไรจะรู้ว่ารัก) ตอน : ก็คนมันไม่ถูกชะตากัน
นิยายเรื่อง : เมื่อไรจะรูว่ารัก
จากนามปากกา : มาศอุไร (บ้านนิยายกนกรส)
ลิงค์สำหรับเข้าโหลดซื้อนิยาย (เมื่อไรจะรู้ว่ารัก) : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3Mzk5OCI7fQ
คำโปรย...
ต้องยกถังใบโตใบนี้ขึ้นเทินด้านบนลังไม้นั่น มือทั้งสองข้างเกร็งจนแลเห็นเส้นเลือดโปนเริ่มมีอาการสั่นน้อยๆ เรี่ยวแรงก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆถดถอยลง
งามเด่นใจหายวาบตอนถังเปล่าทำท่าจะเอียงล้ม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ตั้งใจฮึดสู้ใหม่ หากเรียวแขนเล็กมันกลับไม่เป็นดั่งใจ เหมือนจะอ่อนยวบจนทำให้ถังทั้งใบทำท่าจะเอียงล้มทับมายังร่างตัวเอง
หญิงสาวหลับตาปี๋ ทำใจยอมรับความเจ็บปวด กำลังจะเกิดขึ้น หนนี้ไม่แขนก็ขาต้องพิการเป็นแน่...
รอจนกระทั่งเหมือนตัวเองจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนบางอย่างจากอากาศ แผ่นหลังของเธอก็เหมือนกำลังสัมผัสถูกอะไรแข็งๆแต่ให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่น เปลือกตาปิดสนิทจำต้องขยับเปิดขึ้นมอง ใบหน้าขาวใสขมวดมุ่น นี่ตาเธอฟาดหรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนตอนถังหล่นใส่
เธอมีแขนสี่แขนตั้งแต่เมื่อไร
แต่เอ๊ะ! ตัวถังยังไม่ล้มกระแทกทับเธอสักหน่อย สมองจะกระทบกระเทือนได้ยังไง...
"ถ้าจะกรุณา ช่วยขยับตัวออกหน่อยจะได้ไหม? มันหนัก"
คำสั่งห้วนสั้นตามแบบฉบับ หากก็ทำให้คนตกใจหันหน้าไปมองขวับ รีบปล่อยมือจากถังพลาสติกหนักอึ้งทันที
"อะ!นายกร!"
สิ้นเสียงตระหนกปลายจมูกโด่งรั้นดันกดเข้าหาแผงอกกว้างเข้าเต็มเปา งามเด่นได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำกลิ่นสปอร์ตสำหรับผู้ชาย ผิวแก้มทั้งสองข้างเห่อร้อน หัวใจเต้นระทึกครึกโครมกับอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา กรกนกกำลังก้มมองมายังเธอด้วยนัยน์ตาเอือมระอา หัวคิ้วเขาขมวดมุ่น เพราะว่าต้องรับน้ำหนักของถังทั้งใบที่ถูกโอนมายังเขาคนเดียว
"จะแต๊ะอั๋งฉันอีกนานไหม ถ้านาน ก็ช่วยหลบให้ฉันยกถังขึ้นเก็บให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพราะว่ามันหนัก..."
ตอน : ก็คนมันไม่ถูกชะตากัน
กว่างามเด่นกับเพื่อนและรุ่นพี่ในทีมที่ได้รับมอบหมายให้จัดการตกแต่งประตูซุ่มทางเข้าจะแล้วเสร็จจนไร้จุดตำหนิ ดวงตะวันด้านนอกก็หายลับมิดขอบฟ้าไปนานเป็นชั่วโมง พรุ่งนี้ทางมหาวิทยาลัยจะเปิดให้เที่ยวชมนิทรรศการอาหารพื้นเมืองเป็นวันแรก ดังนั้นวันนี้นักศึกษาหลายทีมจึงต้องอยู่เก็บรายละเอียดในส่วนของงานที่รับผิดชอบกันจนดึกดื่น
กล่องอุปกรณ์เย็บช่อดอกดาวเรืองถูกยกเก็บขึ้นชั้นเก็บของเป็นชิ้นสุดท้าย งามเด่นได้ยินเสียงของรุ่นพี่ชั้นปีที่สีซึ่งเป็นหัวหน้าของทีมถึงกับส่งเสียงบ่นอุบ
“เสร็จสักทีแม่งเอ่ย...เล่นเอากูไม่ต้องกินต้องเยี่ยวกันเลยงานนี้ ไม่รู้จะเรื่องมากอะไรนักหนา ตรงนั้นก็ไม่ดี ตรงนี้ก็ไม่สวย ต้องแก้ แก้ แก้...”
คนบ่นกระโดดลงจากบันไดลิง ลงมายืนหน้ามุ่ยบนพื้น ยกมือเท้าสะเอวตอนเอียงหน้าไปดูผลงาน
“ที่เหลือก็กลับกันได้เลย เดี๋ยวฉันอยู่คอยปิดไฟกับประตูห้องประชุมให้เอง”
งามเด่นอมยิ้ม นี่แหละนิสัยของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำ มันต้องมีนิสัยเสียสละแบบนี้สิ ไม่ใช่มาหลังกลับก่อน เอาแต่คอยชี้นิ้วสั่งๆ
งามเด่นเดินมาฉวยเอากระเป๋าผ้าคล้องไว้บนบ่า หันไปโบกมือลาเพื่อนกับรุ่นพี่ในทีม ทุกคนก็กำลังเตรียมตัวจะกลับเช่นกัน
“เด่นกลับก่อนนะคะ”
“อืม...แล้วนั่นกลับคนเดียวเหรอ โบไปไหนเสียล่ะ?”
“โบว์กลับไปแล้วค่ะ พอดีพี่วัตรแกขี่รถมารับกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เห็นว่ามีของต้องซื้อส่งไปให้แม่ที่ต่างจังหวัด กลัวร้านค้าจะปิดเสียก่อน”
โบว์หรือวินทาเป็นบัดดี้พักห้องเดียวกันกับงามเด่น รายนั้นขอตัวกลับไปเมื่อไม่นาน....เพราะว่างานในส่วนที่รับผิดชอบเหลือไม่มาก บวกกับแฟนหนุ่มที่เป็นรุ่นพี่แล้วเรียนอีกคณะขี่รถมอเตอร์ไซค์มารับ วินทาจึงเดินมาบอกเธอว่าจะกลับก่อน
“ให้พี่เดินไปส่งให้ไหม? ได้ข่าวว่าตรอกตรงตึกทางลัดจะเลี้ยวกลับเข้าหอดวงไฟมันเสียไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ลุงภารโรงแกเอาหลอดใหม่ไปเปลี่ยนให้หรือยัง” เป็นรุ่นพี่หนุ่มที่อัธยาศัยดีชะโงกหน้ามาตะโกนถาม พอดีว่าแฟนแกมานั่งรอกลับพร้อมกัน งามเด่นสังเกตจากสีหน้าพี่ผู้หญิงไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก เข้าใจว่าคงมานั่งรอแฟนนานแล้วคงเบื่อ แล้วอยากกลับห้องพักเต็มที เธอจึงปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“ขอบคุณค่ะ เด่นไปเองได้ สบายมากพี่...”
งามเด่นหันไปโบกมือลาเพื่อนซึ่งเตรียมตัวจะกลับเช่นเดียวกัน น่าเสียดายกลุ่มเพื่อนที่เหลือทั้งหมดนั้น ต่างพักกันคนละหอกับเธอ
งามเด่นเดินออกมาจากหอประชุม ตามทางเดินเปิดนีออนไฟสว่างจ้า อีกทั้งสองฟากถนนยังพอมีนักศึกษาเดินกันประปราย โชคดีวันนี้ท้องฟ้าเปิดจึงมีดวงดาวระยิบระยับ...อย่างน้อยๆก็ยังสามารถช่วยสร้างบรรยากาศยามค่ำคืนไม่ให้ดูวังเวง
งามเด่นเดินมาเรื่อยๆก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นตอนเริ่มรู้สึกว่ารอบตัวเธอชักมองไม่เห็นคนเดินสวนทางกันแล้ว จนกระทั่งเธอเดินมาหยุดตรงทางแยกที่จะเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ลุงภารโรงยังไม่ได้เปลี่ยนหลอดไฟดวงใหม่ให้ ข้างหน้าเธอจึงดูมืดสนิท งามเด่นมองความมืดตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลาย ขยับกระเป๋าผ้าที่คล้องไว้บนบ่า ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนเปิดปุ่มไฟฉาย
“เอาว่ะ...อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็ไม่เคยมีข่าวนักศึกษาผู้หญิงถูกฉุดแล้วฆ่าข่มขืนสักหน่อย ดังนั้นโอกาสก็น่าจะเป็นศูนย์”
งามเด่นคิด กระชับกระเป๋าสะพายก่อนจะหลับหูหลับตาซอยเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดในชีวิตเพื่อจะผ่านไอ้ตรอกมืดแสนน่ากลัวนี้ไปให้ไวไว และเหตุเพราะเอาแต่หลับหูหลับตาวิ่งอยู่นี่เองเลยทำให้งามเด่นไม่ทันได้ระวังหรือกระทั่งสังเกตเห็นร่างสูงเพรียวเดินอยู่ข้างหน้าตัวเอง...เลยทำให้ชนเข้าอย่างจัง
ฝ่ายถูกชนยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน ผิดกับฝ่ายที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปชนเขาเอง...ได้แต่เปล่งเสียงร้องโอดโอย “โอ๊ะ!”
งามเด่นหลับตารอคอยความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น แรงปะทะกะทันหันแบบนั้น เธอจะช่วยเหลือตัวเองทันได้อย่างไร ดังนั้นร่างบอบบางจึงปลิวกระเด็นล้มก้นกระแทกถูกพื้นแข็งๆโดยแรง แล้วก็เจ็บตัวอย่างที่คิดไว้นั่นแหละ
กรกนกรีบเหลียวหน้ากลับ หันมามองทางด้านหลังดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น และด้วยความมืด เขาจึงต้องพยายามเขม้นสายตามองให้เห็นว่าเงาที่เห็นตะคุ่มอยู่บนพื้นเป็นคนหรือตัวอะไรกันแน่ ปฏิกิริยาของเขาจึงช้าไม่ได้ให้การช่วยเหลือคนล้มกระแทกพื้นในทันที ตอนเดินเข้าตรอกมา เขาเองก็มัวแต่รวบรวมสมาธิท่องสคิปท์ที่จะใช้พูดในส่วนของงานวันพรุ่งนี้ เลยทำให้หูทั้งสองข้างไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากทางด้าน
ภาพเงาตะคุ่มตรงหน้าเป็นคน แล้วก็รู้ด้วยว่าเป็นใคร ดังนั้นริมฝีปากหนาจึงกระตุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ใบหน้าหล่อเหลาตึงเปรี๊ยะ ตามตื๊อ...อ่อย แกล้งวิ่งชนเรียกร้องความสนใจ คำนิยามมากมายผุดขึ้นในหัวสมอง
“ลุกขึ้นเองไหวไหม?”
คำถามทื่อๆราวกับมะนาวไร้น้ำ ทำให้คนถูกถามที่ยังเจ็บแถวก้นกบตวัดสายตามองอย่างเคืองขุ่น มิหนำซ้ำยังถูกไอ้คนแล้งน้ำใจสาดแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือใส่หน้าเธออีกด้วย
งามเด่นทำจมูกฟืดฟาด รูทั้งสองข้างบานออกด้วยความโกรธสุดชีวิต
คำว่า...สุภาพบุรุษสะกดเป็นบ้างไหมย่ะ...หรือถือตัวว่าหล่อ เป็นถึงดาวคณะ ทำให้สาวๆในมหาวิทยาลัยตามกรี๊ดกร๊าดได้แล้วจะปฏิบัติตัวต่อเธออย่างไม่เห็นหัวกัน นับวันหมอนี่ยิ่งทำตัวราวกับเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ เห็นเธอเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ ซึ่งดูแล้วมันก็ทุเรศเกินไปสักหน่อย อีกอย่างเขาจะผิดหรือไม่ผิดก็น่าจะหยิบยื่นน้ำใจให้กันสักหน่อยสิ นี่อะไรมาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เธออีกต่างหาก
งามเด่นโมโหจนควันออกหู นึกเจ็บใจตัวเองที่ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงผิดดันไปแสดงออกว่าชอบเขาแบบซื่อๆตรงๆ ตามประสาเด็กสาวเริ่มริรักครั้งแรกครั้นพอถูกเขาปฏิเสธชนิดไร้เยื่อใย เธอก็แค่ยอมรับ..แล้วขยับถอยห่างอย่างไม่คิดจะตามตอแยเขาให้เปลืองเวลา งามเด่นชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองเสมอ แต่ดูเหมือนหมอนี่ยังเข้าใจผิด...เขาคงจะคิดว่าเธอยังหาเรื่องมาอ่อยเขาอีกสินะ เอาเถอะ...เธอจะทำให้เขาเข้าใจให้ถูกต้องเอง เธอไม่ได้ต้องการมาอ่อย
ดังนั้น...งามเด่นจึงไม่ตอบคำถามของกรกนก แถมยังเมินหน้าหนีให้เสียด้วย ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นโดยไม่คิดขอความช่วยเหลือ
งามเด่นยันฝ่ามือลงบนผนังตึก ตาจ้องมองไปยังทางเดินโดยอาศัยแสงจากดวงจันทร์ ไม่คิดเหลือบแลมองเจ้าของร่างสูงเปรียวซึ่งตอนนี้เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เวลาขยับตัวงามเด่นรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงสะโพก ไม่แน่ใจว่าแค่เคล็ดหรือว่าถึงกับหัก ยังดีหน่อยตอนล้มแรงเหวี่ยงพาเอาร่างเธอมาตกใกล้กับกำแพง เธอจึงมีหลักช่วยทรงตัวไม่ให้ล้ม
หญิงสาวค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นด้วยการทิ้งน้ำหนักไว้ที่ขาทั้งสองข้าง การเคลื่อนไหวแต่ละทีทำให้งามเด่นต้องกัดกลีบปากห้ามตัวเองไม่ให้ร้องโอดโอย พอทรงตัวยืนได้มั่นคง...งามเด่นก็ค่อยๆขยับเดินทีละก้าว ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ดีกว่าขอความช่วยเหลือจากไอ้ขี้เก๊กแล้งน้ำใจ
กรกนกไหวไหล่ เขาหมุนตัวแล้วเดินต่อ อวดเก่งนักก็ตามสบาย...
-----------------------------
งามเด่นรับอาหารจากมือแม่ค้ามาถือไว้ เธอนิ่วหน้าเพราะมือที่กำลังล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงนั้นมันว่างเปล่า ของกินในมือถูกวางไว้บนโต๊ะ หัวคิ้วหญิงสาวขมวดเข้าหากัน ใจคอชักเริ่มไม่ดี ถ้ากระเป๋าเงินหายจริงเธอจะทำอย่างไร?
จำได้ว่าก่อนหน้านั้นเธอสอดมันไว้ในกระเป๋ากางเกงข้างนี้นี่นา หรือว่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกข้างหนึ่ง งามเด่นเปลี่ยนมือ ควานหาในกระเป๋ากางเกงอีกฝั่งด้วยความร้อนใจแต่ก็ไม่เจอ ลองเคาะๆรอบตัวก็ไม่สะดุดกับอะไรทั้งนั้น...
กระเป๋าเงินเธอหายจริงๆหรือนี่?
หญิงสาวหันรีหันขวางยืนกระสับกระส่ายพร้อมกับกวาดสายตากลมโตมองหาเพื่อนสนิทไปพลาง เธอกับวินทาต่างแยกย้ายกันเดินเล่นเมื่อสักครู่เหตุเพราะฝ่ายนั้นเจอแฟนหนุ่มเข้าโดยบังเอิญ
เจ้าตัวเลยขอแยกไปเดินสวีทหวานกันตามภาษาคนมีคู่ ปล่อยให้คนไร้คู่อย่างเธอ...จำต้องเดินหน้าแห้งเหี่ยวเที่ยวตลาดนัดลำพังอีกตามเคย ทั้งที่ตอนชวนกันมาแม่นั่นยังนัดแนะกันว่าก่อนกลับเข้าหอจะพากันแวะไปนั่งกินขนมจีนร้านป้าไหวด้วยกันอยู่เลย พอเจอหน้าผู้ชายปุ๊บ แม่เพื่อนตัวดีก็ลืมคำพูดจนหมดสิ้น
งามเด่นชะเง้อคอยาวมองหาคนที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนอีกครั้ง หวังว่าแม่เพื่อนตัวดีจะยังเดินอยู่ไม่ไกล หรือไม่ก็น่าจะเห็นคนรู้จักบ้าง ทว่าดูท่าแล้วงามเด่นน่าจะผิดหวัง...เพราะว่าตอนนี้วินทากำลังนั่งคลอเคลียเลือกเมนูอาหารอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอในร้านน้ำแข็งไส ร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมไกลจากรถเข็นขายไก่ทอดพอควร
“ทำไมยัยโบว์ถึงหายตัวไวนักนะ?...”
งามเด่นบ่นพึมพำขณะมือยังคลำหากระเป๋าสตางค์ใบจิ๋วไปพร้อมกับลองนึกย้อนทบทวนตอนก่อนหน้าเธอจะเดินมายังรถเข็นขายไก่ทอด ไม่แน่ว่ากระเป๋าเงินอาจจะร่วงอยู่ตรงไหนสักที เพราะตอนเธอจ่ายค่ายำทะเลเธอยังกำกระเป๋าเงินอยู่เลย พอจ่ายเงินให้ป้าแม่ค้าเสร็จเธอก็สอดไว้ในกางเกง ส่วนถุงยำวินทาแย้งเอาไปถือ หลังจากนั้นเธอก็เดินตามกลิ่นหอมไก่ทอดข้ามมาอีกฟากถนน ตลอดทั้งสองข้างทางคลาคล่ำไปด้วยรถเข็นขายอาหารมากมาย รถเข็นขายไก่ทอดตั้งอยู่ระหว่างกลาง ด้านซ้ายเป็นร้านขายน้ำปั่น ส่วนด้านขวาเป็นร้านขายผลไม้ ตอนแรกหน้าร้านยังพอมีลูกค้าอออยู่ประมาณหนึ่งงามเด่นแทรกตัวเองเข้าไปยืนอยู่ด้านหน้าสุด รอให้ถึงคิวสั่งไก่ทอด
น่องไก่สีเหลืองอร่ามมีควันลอยฟุ้งถูกลำเลียงมาวางแผ่กระจายไว้เต็มถาดสเตนเลส แม่ค้าหน้าอ่อนที่ทำหน้าที่หยิบจับใส่ถุงกระดาษดูลักษณะท่าทางคล่องแคล่วว่องไวถูกใจลูกค้าไม่ต้องทนยืนเมื่อยขารอนาน
งามเด่นสั่งน่องไก่ทอดหลายชิ้น เผื่อเอาไว้เป็นอาหารเช้าของมื้อพรุ่งนี้พร้อมกับข้าวเหนียวอีกสี่ห่อ เธอได้ของตามสั่งครบถ้วน เหลือเพียงยังหาเงินจ่ายแม่ค้าไม่เจอเท่านั้นเอง
“สองร้อยห้าสิบบาทจ้ะหนู...”
แม่ค้าย้ำมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เห็นลูกค้าคนนี้ยืนขวางหน้าร้านตัวเองมาได้สักระยะ แถมยังไม่ยอมชำระเงินค่าน่องไก่ทอดแล้วหลีกทางให้ลูกค้ารายอื่นเข้ามาเลือกสินค้า ด้านหลังมีแม่ค้าอีกคนแกกำลังโยนน่องไก่ชิ้นโตลงในกระทะร้อนๆ เร่งไฟทอดให้ทันขายเลี้ยวหน้ามามองอีกคน...
สีหน้างามเด่นชักเริ่มซีดเซียว กังวลใจว่าจะเอาอย่างไรดี คนรู้จักก็ไม่ยักจะเดินผ่านมาให้เห็นสักคน วินทาก็ไม่รู้หายตัวไปไหน...
“ว่าไงหนู ได้ของแล้วก็จ่ายเงินสิจ๊ะ”
แม่ค้าด้านหลังส่งเสียงตะโกนเร่งเร้า แกวางตะหลิวด้ามยาว ขยับมายืนหน้าร้านช่วยลูกมือหยิบไก่ทอดใส่ถุงให้ลูกค้าอีกรายจากทางด้านหลัง หลายคนพร้อมใจส่งสายตามาทางเธอ งามเด่นได้แต่ส่งยิ้มแหยให้ กะว่าคงต้องคืนไก่ทอดกับข้าวเหนียวถ้าสุดท้ายแล้วเธอหากระเป๋าเงินไม่เจอจริงๆ
“เอ่อ...สักครู่นะคะคุณป้า พอดีกระเป๋าเงินหนูไม่รู้ว่าไปทำหล่นหายที่ไหน”
“อ้าว! ไม่ใช่ว่าจะหลอกกินฟรีกันหรอกนะหนู หน้าตาก็ออกจะดี”
“เปล่าจ้ะเปล่า...กระเป๋าเงินหนูหายจริงๆ”
งามเด่นโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน ถึงขั้นปลิ้นกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างให้แม่ค้าไก่ทอดดู แล้วก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ตอนได้รับสายตาเอือมระอาเป็นการตอบรับ อากาศที่ร้อนอบอ้าวเพราะฝนที่เทเม็ดลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาก่อนหน้านั้นครึ่งชั่วโมงกับเปลวจากไอร้อนบนเตาไก่ทอด ทำให้หลายคนที่ยืนรอชักเริ่มหงุดหงิดถึงขั้นมีเสียงบ่นกันระงม สีหน้างามเด่นดูแย่ลงเรื่อยๆด้วยในเวลานี้เธอทั้งอับอายจนอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี จนกระทั่งได้ยินเสียงดังแทรกเสียงบ่นขึ้นมากะทันหัน
“พี่ครับ...ค่าไก่ทอดของเพื่อนผมเท่าไรนะครับ”
ร่างสูงเพรียวที่เดินแทรกเข้ามาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยเอ่ยปากถามเสียงนุ่ม งามเด่นเงยหน้าขึ้นทันควันจึงสบเข้ากับดวงตาคมกริบ
“สองร้อยห้าสิบบาทจ้ะพ่อหนุ่ม” แม่ค้าที่ถูกเรียกว่าพี่ทั้งที่ใบหน้าดูห่างจากคำเรียกมาไกลฉีกปากยิ้มกว้าง งามเด่นอยากจะค้อนให้สักทีถ้าไม่ติดว่าตัวเองกำลังก่อปัญหาอยู่ละก็นะ
“นี่ครับ...”
กรกนกยื่นเงินตามจำนวนให้แม่ค้า เขาฉวยเอาถุงไก่ทอดตรงหน้าติดมือตอนหันหลังเดินถอยห่างออกจากหน้าร้านไก่ทอดเจ้าดัง รอจนกระทั่งร่างกลมกลึงนั้นแทรกตัวหลบลูกค้ารายอื่นออกมายืนสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเคียงข้างกันกับเขา เหล่หางตามองเล็กน้อย
“อือ...” เขาพยักหน้าไปยังถุงไก่ทอดในมือพร้อมกับยื่นมันคืนให้เจ้าของ
“ขอบคุณนะ...เอาไว้พรุ่งนี้จะคืนเงินค่าไก่ให้ก็แล้วกัน”
ตอนพูดงามเด่นเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆหรอก ปีกจมูกพะเยิบพะยาบเพราะได้กลิ่นกายหอมกรุ่นของเขาพวยพุ่งแทนกลิ่นไก่หอมๆด้วยซ้ำ แล้วงามเด่นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆ ก่อนเขาจะหันหลังเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว...
--------------------------------
* สามารถเข้าอ่านนิยายฉบับเต็มได้ตามลิงค์นี้เลยนะคะ (ธัญวลัย) * - https://www.tunwalai.com/story/692703